มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านหัวหน้าสํานักอัสนี ท่านคิดว่าผู้อื่นเขาจะทําลายสัญญาอย่างไร้ยางอายเหมือนท่านรึ ? ผู้อาวุโสเหล่านี้ยังคงรักษาสัญญาของพวกเขา”
ผู้เฒ่าทั้งหกคนมุมปากกระตุก พวกเขาก็อยากจะไปจากตรงนี้แล้ว แต่ถูกสาวน้อยประหลาดผู้นี้วางยาพิษ คิดจากไปคงไม่พ้นต้องตาย
ผู้อาวุโสทั้งสามของสํานักเหยียนหลัวเหมิงคิดในใจว่า อยู่ในตระกูลมู่กินดีอยู่ดี อีกทั้งยาวิเศษที่จัดหาให้ในการบําเพ็ญตบะก็ไม่เคยขาด วันเวลาเช่นนี้ดีกว่าอยู่ในสํานักเสียอีก ต่อให้ไล่พวกเขาออกไป พวกเขาก็ไม่ไป
— ตูม! —
ผู้คุ้มกันทั้งเก้าคนของมู่เฉียนซีแข็งแกร่งเกินไป หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับจึงจำต้องเปิดเผยศิษย์ทุกคนของพวกเขาสำนักอัสนีลึกลับ!
“พวกเจ้าไปทําลายสาวน้อยคนนั้นและทําลายหนังสือสัญญาโลหิตในมือนางซะ!”
แต่เมื่อพวกเขาเข้าใกล้มู่เฉียนซี กลิ่นอายระดับจักรพรรดิพลันแผ่ออกมา องครักษ์เงาที่คอยปกป้องมู่เฉียนซี ล้วนเป็นระดับจักรพรรดิ นั่นทำให้หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับและคนของสํานักอัสนีลึกลับตะลึงตาค้าง แม้แต่ผู้อาวุโสตัวแทนต่างแดนทั้งเก้าที่มาร่วมงานกับพวกเขาก็นิ่งอึ้ง
เมื่อวาน เห็น ๆ กันอยู่ว่าพวกเขาเป็นเพียงราชาวิญญาณระดับต่ำ เหตุใดทั้งหมดนี้ถึงได้กลายมาเป็นระดับจักรพรรดิในพริบเดียวเช่นนี้
เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
เวลานี้หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับอยากจะร้องไห้เสียให้รู้แล้วรู้รอด ระดับจักพรรดิวิญญาณของอีกฝ่ายมีมากกว่าราชาวิญญาณของพวกเขา แล้วการต่อสู้ครั้งนี้จะยังสู้อะไรได้อีกหรือ ? ขืนดึงดันสู้ต่อ รังแต่จะทําร้ายตัวเองเปล่า ๆ ปลี้ ๆ
พวกคนตระกูลมู่วิปริตเกินไป ผู้นำวิปริต แม้แต่คนของนางก็ทําตัววิปริตเหมือนผู้นำอย่างนาง
“กลับ!” หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับกล่าวอย่างจำใจ ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มฝืดฝืน หันไปกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า… “ท่านผู้นำตระกูลมู่เข้าใจผิดแล้ว นั่นเป็นความเข้าใจผิด”
มู่เฉียนซี “เจ้าคิดจะโกง ลงมือกับข้าเช่นนี้แล้วมาบอกเป็นความเข้าใจผิด อย่ามาเสแสร้งกับข้า ตรงไปตรงมาหน่อยเถอะ!”
เวลานี้ผู้นำสำนักอัสนีลึกลับถูกบีบบังคับอย่างช่วยไม่ได้ เขากล่าวว่า “เก้าสายฟ้าลี้ลับอยู่ในหอสมบัติของสํานักอัสนีลึกลับของเรา ท่านผู้นำตระกูลมู่ตามข้ามา… ตามข้ามาได้เลย”
หอสมบัติของสํานักอัสนีลึกลับครึ่งหนึ่งอยู่ใต้พื้นดิน อีกครึ่งหนึ่งอยู่บนพื้นดินโดยเป็นรูปทรงกลม มันไม่มีหน้าต่างอยู่ข้างนอก มีเพียงประตูกลางเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้
เมื่อหัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับพามู่เฉียนซีมาถึง หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับกล่าวขึ้น “เปิดประตูหอสมบัติ ข้าจะเข้าไปเอาของ”
แต่ผู้อาวุโสที่ปกป้องหอสมบัติกลับกล่าวว่า “เรียนท่านเจ้าสำนัก ข้าไม่ระวังเผลอลืมกุญแจเพียงดอกเดียวที่เปิดประตูนี้ได้ ตอนนี้ไม่ว่าอย่างไรก็เข้าหอสมบัติไม่ได้”
หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับแสดงสีหน้าลําบากใจ กล่าวอย่างจนใจว่า “ท่านผู้นำตระกูลมู่ ท่านดูสิ คนเฝ้าประตูผู้นี้ไม่เอาไหนเสียจริง เพื่อความปลอดภัย สํานักอัสนีลึกลับของพวกเราจึงสร้างกุญแจเพียงแค่ดอกเดียวแต่เขาลืมกุญแจ”
“คลังสมบัตินี้ของพวกเรา ของมีคมไม่สามารถเจาะเข้าไปได้ น้ำไฟก็ทำอะไรไม่ได้ อย่างไรก็ไม่สามารถเปิดได้ เก้าสายฟ้าลี้ลับที่ท่านผู้นำตระกูลมู่ต้องการก็อยู่ในนั้นด้วย เกรงว่าก่อนที่จะคิดหาวิธีที่เปิดมันออก ข้าคงไม่สามารถให้ท่านผู้นำตระกูลมู่ได้แล้ว”
การแสดงของสำนักอัสนีลึกลับนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่สําหรับคําพูดของเขา มู่เฉียนซีไม่เชื่อแม้แต่เครื่องหมายวรรคตอน เพื่อการโกง มันช่างมีเคล็ดลับมากมายเสียจริง
สู้ไม่ได้ก็ใช้กลอุบายเช่นนี้ น่าสมเพชนัก!
มู่เฉียนซีถามขึ้น “ความหมายของหัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับ ก็คือถ้าหากข้าสามารถเปิดคลังสมบัตินี้ได้ เช่นนั้นข้าก็สามารถเข้าไปนำเอาสิ่งที่ข้าต้องการได้รึ ?”
หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับกล่าว “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ขอเพียงท่านผู้นำตระกูลมู่สามารถเปิดมันได้ ก็นำเอาสิ่งของที่ต้องการไปได้เลย แต่ขออภัย ในเมื่อตอนนี้ไม่มีกุญแจก็เปิดไม่ได้จริง ๆ ท่านผู้นำตระกูลมู่ ข้าขออภัยอย่างมาก”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “แม้ว่าจะไม่มีกุญแจ แต่ก็มีวิธีเปิดมัน เสี่ยวหง! เลิกนอนได้แล้ว ออกมาซะ”
เจ้าหมูน้อยเสี่ยวหงปรากฏตัวขึ้นในอ้อมแขนมู่เฉียนซี มันหาวและกล่าวถามว่า “ต้องการอะไรหรือนายท่าน ?”
“เสี่ยวหง เผาประตูข้างหน้านี้ให้ข้า”
“ได้เลยนายท่าน เสี่ยวหงจะจัดการให้ประเดี๋ยวนี้”
ร่างเสี่ยวหงลอยอยู่กลางอากาศ ทันใดนั้นเปลวไฟสีแดงพุ่งเข้าใส่ประตูนั่น หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับพลันคิดในใจ ‘เปลวเพลิงของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้แข็งแกร่งนัก หากมันพยายามต่อไปเรื่อย ๆ เกรงว่าประตูคง…’
เขากลัวเหลือเกินว่าประตูบานนั้นจะไหม้ละลาย แต่เมื่อเปลวเพลิงหายไป ประตูใหญ่ของหอสมบัตินี้ยังคงอยู่ดีดังเดิม มันไม่เสียหายแม้แต่นิดเดียว
หูใหญ่ ๆ ของเสี่ยวหงห้อยตกลง มันกล่าวอย่างละเหี่ย “โอววว! นายท่าน ข้ามีกําลังไม่มากพอ ไม่สามารถเปิดประตูบานนี้ได้ …ประตูบานนี้ทำจากวัสดุแปลกปลอมอันใดกัน ทำลายยากเกินไปแล้ว”
อู๋ตี้อดไม่ได้ที่จะกล่าวโจมตีเสี่ยวหง “พลังของเจ้าอ่อนแอเอง อย่าหาโทษว่าวัสดุแปลกปลอม”
เสี่ยวหงปะทุอารมณ์โกรธ มันตอบโต้ทันที “เจ้าแมวบ้า! เจ้าคิดว่าเจ้าได้เลื่อนขั้นเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์แล้วเจ้าจะสู้กับข้าได้เช่นนั้นรึ ?!”
ทั้งสองตัวทะเลาะกันยกใหญ่ มู่เฉียนซีรู้ว่าเสี่ยวหงใช้ไฟเผาทำลายคงไม่ได้ผลแล้ว นางขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนัก
หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับลอบรู้สึกอิ่มเอมอยู่ในใจ นี่คือหอสมบัติที่บรรพบุรุษสร้างขึ้นจากหินอุกกาบาตนอกสวรรค์ก้อนหนึ่ง ผู้ใดเล่าจะมาทำลายมันได้ง่าย ๆ แม้จักรพรรดิอัสนีลึกลับมาเอง ก็ยังไม่แน่นอนเลยว่าจะทําลายมันได้ เจ้าหมู่ตัวนี้เป็นเพียงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่าได้คิดที่จะเผามันได้สำเร็จ
มู่เฉียนซีหยิบกริชออกมา ก้าวเดินอย่างมุ่งมั่นไปที่ประตู
หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับแปลกใจเล็กน้อย สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลนางไม่สามารถเปิดประตูบานนี้ได้ ผู้นําตระกูลมู่คงไม่คิดว่ามีดสั้นเล่มหนึ่งจะงัดประตูบานนี้ออกได้กระมัง
กริชเล่มนี้เป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสูง มู่เฉียนซีใช้พลังวิญญาณเพื่อขูดเศษซากประตูนี้ออก นางเก็บเศษชิ้นส่วนและกล่าวขึ้นว่า… “เจ้าสํานักอัสนีลึกลับ สํานักอัสนีลึกลับของพวกเจ้าน่าจะพอมีที่พัก ข้าเหนื่อยแล้ว หาสถานที่ที่เงียบสงบเพื่อให้ข้าได้พักผ่อนสักหน่อยเถอะ”
หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับอยากให้มู่เฉียนซีรีบจากไป เมื่อได้ยินว่านางจะอยู่ต่อ เขารู้สึกทุกข์ในอกแต่ไม่สามารถไล่นางไปได้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกนางสงสัยจึงทำได้เพียงรับคำ
หัวหน้าสํานักอัสนีลึกลับสั่งให้คนจัดห้องที่ดีที่สุดให้มู่เฉียนซีพักผ่อน
มู่เฉียนซีนางหาใช่สตรีโง่ สิ่งที่นางต้องการไม่ใช่เพื่อพักผ่อน แต่เพื่อทําการวิจัย
เศษเล็กเศษน้อยที่นํามาจากประตูนั้นเป็นตัวอย่างสำหรับนำมาวิเคราะห์มัน ให้เวลานางสักหน่อย นางน่าจะเตรียมยาที่สามารถหลอมละลายโลหะออกมาได้
มู่อีและพวกเฝ้าอยู่ด้านนอก ไม่รู้ว่าท่านผู้นำกําลังทําอะไรอยู่
หอสมบัตินั้น ดูเหมือนจะไม่สามารถเปิดได้โดยแท้ แต่เขาเชื่อว่าผู้นำตระกูลของพวกเขาจะต้องคิดหาวิธีจนได้ นางทำเรื่องน่าอัศจรรย์ใจได้เสมอ
ดวงจันทร์ลอยขึ้นไปบนยอดไม้ เวลานี้ดึกมากแล้ว ใบหน้าของมู่เฉียนซีเผยรอยยิ้มออกมาก่อนจะกล่าวว่า “สําเร็จ!”
มู่เฉียนซีผลักประตูเดินออกมา “สําเร็จแล้ว ไปกันเถอะพวกเรา ไปเอาสิ่งที่พวกเราต้องการและกลับจวนกัน”
มู่อีพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น
…
ในตอนค่ำ มู่เฉียนซีมุ่งหน้าไปที่หอสมบัติ ศิษย์ที่เฝ้ารักษาหอสมบัติกล่าวขึ้น “ใคร ? หอสมบัติเป็นสถานที่สำคัญ ไปซะ! ยังไม่รีบออกไปอีก!”
มู่เฉียนซี “อย่าไปเสียเวลาสนทนาวาจาไร้สาระกับพวกเขาเลย จัดการเสียให้ไวเถอะ”
— ปัง! ปัง! ปัง! —
ผู้พิทักษ์หอสมบัติถูกตีจนสลบ มู่เฉียนซีหยิบขวดยาออกมา นางหยดยาเพิ่มพลังลงบนกระบี่ยาว
เมื่อกระบี่ยาวตกลงบนประตู มู่เฉียนซีเรียกพลังลมปราณเล็งไปที่ประตู นางทั้งตั้งใจทั้งพยายาม จากนั้น…
— ซี่… ซี่… —
เสียงแปลก ๆ แสบแก้วหูดังขึ้น เหล่าองครักษ์เงาต่างตกตะลึงกับสิ่งที่ปรากฏให้เห็นตรงหน้า
.