Ch.48 – แลกเปลี่ยนเป็นบ้าน

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.48 – แลกเปลี่ยนเป็นบ้าน

 

“พวกวัตถุดิบก่อนหน้านี้ที่ได้รับมา มันไม่เหมาะกับคุณ!”

 

คลื่นกองทัพหนูที่บุกเข้ามาในพื้นที่เพาะปลูกได้ถูกบันทึกเอาไว้อย่างเป็นทางการ ดังนั้นซูซิงฝูจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ หากเขารับเอาสินสงครามจากที่นั่นไป

 

ส่วนแก่นพลังงานจำนวนมาก มันไม่เหมาะสมที่จะใช้แลกเปลี่ยนกับเขา

 

“งั้นสินค้าคราวนี้เหมาะกับฉันอย่างงั้นสินะ?” ซูซิงฝูฉีกยิ้มจนหน้าบาน ตั้งตารอที่จะได้เห็นมัน

 

“ไม่เพียงแต่เหมาะสม แต่ผมยังไปค้นพบความลับเข้าอีกด้วย!”

 

“ความลับอะไรงั้นหรอ?”

 

ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ร่างของซูซิงฝูเริ่มตื่นตัวมากขึ้น

 

“คุณพอจะรู้เกี่ยวกับเรื่องการบุกโจมตีของผู้ก่อการร้ายเมื่อวานบ้างรึเปล่า?” ฉินเฟิงถาม

 

คิ้วของซูซิงฝูย่นเข้าหากันทันที

 

“ก็พอจะรู้บ้าง แต่ไม่ทั้งหมด เพราะเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในขอบเขตอำนาจของทางเรา” ซูซิงฝูตอบ

 

เมื่อวานนี้ บริเวณใกล้เคียงกับโรงแรมเจิ้งหยวน มันอยู่ภายใต้เขตอำนาจของรองผู้ว่าการ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ทำอะไรให้มันชัดเจน ไหนจะเรื่องมีนักเรียนเข้ามาเกี่ยวข้องมากเกินไปอีก มันเลยยากที่จะลงมือ

 

ไม่อย่างนั้น ฉินเฟิงจะถูกปล่อยตัวมาในตอนแรกได้อย่างไร ทั้งๆที่อีกฝ่ายรู้ว่าฉินเฟิงเป็นคนทำลายแผนของพวกเขา

 

แน่นอน อันที่จริงพวกเขาก็วางแผนจะออกตามล่าฉินเฟิงในช่วงเวลากลางคืนและคิดจับตัวเขาด้วยเหตุผลบางอย่างเหมือนกัน แต่น่าเสียดาย ที่ทั้งคืนฉินเฟิงไม่ได้กลับมา

 

และเมื่อฉินเฟิงได้ยินคำกล่าวของซูซิงฝู ในสมองก็เริ่มขบคิด และรับรู้ได้ถึงอันตราย

 

“นี่คือความลับที่ผมได้มา!”

 

ว่าแล้วฉินเฟิงก็เปิดอุปกรณ์สื่อสาร

 

เนื่องจากเขาไม่ต้องการที่จะพลาดรายละเอียดใดๆ ระหว่างเค้นสอบ ฉินเฟิงจึงบันทึกเสียงเอาไว้

 

หลังจากกดเปิดอุปกรณ์สื่อสาร เสียงที่อัดไว้ก็ดังขึ้น

 

【อย่า! ได้โปรดอย่าฆ่าฉัน ถึงจะไม่ใช่เรื่องขององค์กร แต่ฉันยังมีอีกความลับหนึ่งที่สามารถบอกได้!】

 

【ถ้าความลับนี้มันไร้ประโยชน์ ฉันจะไม่ปล่อยให้แกมีลมหายใจอยู่อีกต่อไป!】
 

【ไม่ ไม่ไร้ประโยชน์แน่นอน! …. การบุกโจมตีเพื่อนร่วมชั้นของเธอเดิมทีไม่ได้เป็นเป้าหมายของทางเรา แต่เป็นอีกฝ่ายที่ผลักดันให้เกิดขึ้น】

 

【อีกฝ่ายที่แกกำลังพูดถึงคือใคร?】

 

【เป็นรองผู้ว่าการเขตเฉิงเป่ย!】

 

ดวงตาของซูซิงฝูเบิกกว้าง

 

“บันทึกเสียงนี้ของเธอมันน่าเชื่อได้จริงๆหรือ? แล้วใครกันที่เธอกำลังเค้นถามอยู่ ทำไมเขาถึงบอกว่ามันเป็นคำสั่งของรองผู้ว่าการ? แต่ถ้าบันทึกเสียงนี้เป็นเรื่องจริง ไม่เพียงแต่เธอจะไม่ได้รับประโยชน์อะไร แต่ยังถูกดึงเข้าไปในวังวนที่แสนอันตราย นี่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ!”

 

ซูซิงฝูพ่นคำถามออกมาอย่างต่อเนื่อง ปฏิกิริยาไม่พอใจผุดขึ้นเต็มใบหน้าอวบอ้วนใจดีของเขา แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขากำลังแสดงมันออกมาอย่างระมัดระวัง มิฉะนั้นเขาคงจะไม่ได้รับสมญานักขูดรีดในชีวิตก่อนหน้า

 

จะเล่าเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ควรกล่าวถึงให้ได้รู้ ว่าการที่เขาได้กลายเป็นพ่อค้านักขูดรีดที่มีอำนาจ ทั้งๆที่ความแข็งแกร่งของตนไม่มากไปกว่าเลเวล F การที่ปีนป่ายขึ้นไปถึงระดับนั้นได้ ชัดเจนว่าต้องมีผู้ช่วยเหลือที่ทรงพลังอยู่เบื้องหลังเป็นธรรมดา

และคนที่ว่า ในชีวิตก่อนหน้า ก็คือผู้ว่าการที่แท้จริงของสถานที่ชุมชนทางตอนเหนือ : เจิ้งหยาง ตัวตนทรงพลังในเลเวล E !

 

ซูซิงฝูสูดหายใจลึก พยายามเรียกคืนสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ ขณะเดียวกันก็มองฉินเฟิงด้วยความเห็นอกเห็นใจในสายตา

 

“อย่าพูดอะไรมากไปกว่านี้เลย ตอนนี้เธอยังอ่อนแอเกินไป!”

 

คนที่อ่อนแอ แต่รู้ความลับมากเกินไป มักจะไม่ตายดี

 

“ผมน่ะหรืออ่อนแอ?” ฉินเฟิงยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม

 

เขายกมือขึ้นแล้วกางออก เผยให้เห็นถึงแหวนมิติที่สวมอยู่บนนิ้ว ต่อมา สองอุปกรณ์รูนก็ปรากฏขึ้น มันคือเกราะม่วง และปลอกแขนของเหอหลี

 

“นี่คือสิ่งที่ผมจะขายให้คุณ และแน่นอน ถ้าคุณต้องการ อุปกรณ์รูนมิตินี่ก็ขายให้ได้เช่นกัน!”

 

ฉินเฟิงส่ายนิ้วที่สวมแหวนไปมา

 

เห็นถึงฉากตรงหน้า ดวงตาของซูซิงฝูแทบจะถลนออกมา

 

“เจ้าสิ่งนี้ … เธอไปได้มันมาจากที่ไหน?”

 

ฉินเฟิงยังคงเผยรอยยิ้มแย้ม และอธิบายคำถามของซูซิงฝู

 

“ผมออกไปล่าเมื่อวานนี้ และค้นพบห้องทดลองซ่อนอยู่ในทุ่งล่าโดยบังเอิญ ในห้องทดลองกำลังดำเนินการวิจัยที่ละเมิดสนธิสัญญามนุษย์ ดังนั้นผมเลยอยากจะรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับมัน แต่ไม่คาดหวังเลย ว่าจะดันไปล่วงรู้ความลับใหญ่เข้า : เรื่องที่เพื่อนของผมถูกบุกโจมตี จริงๆแล้วมันคือส่วนนึงของการทดลอง นอกจากนี้ พวกมันกำลังพูดถึงเรื่องของหลินไค ลูกชายของรองผู้ว่าการที่เพิ่งได้รับการฉีดยากระตุ้นในปีนี้ ซึ่งระยะเวลาปลุกพลังกำลังจะหมดลงแล้ว แต่ปัจจุบัน กระทั่งพลังวรยุทธโบราณ มันก็ยังไม่สามารถปลุกขึ้นมาได้สำเร็จ!”

 

ซึ่งปัจจุบัน เหลือเวลาอีกเพียงสามวันเท่านั้นก่อนที่จะครบหนึ่งเดือน แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้จนวินาทีสุดท้าย ทว่าขยะดังเช่นหลินไคจะสามารถปลุกพลังให้ตื่นขึ้นมาได้อย่างไร?

 

ก็ในเมื่อตัวมันเอาแต่กิน , ดื่ม และเล่นพนัน ทั้งๆที่มีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น ร่างกายของมันกลวงโบ๋ การปลุกพลังพิเศษให้ตื่นกล่าวได้ว่ายากเย็นยิ่งกว่าการปีนป่ายขึ้นสู่สวรรค์

 

“การทดลองของพวกเขา คือการถ่ายโอนอบิลิตี้ใช่ไหม?” ซูซิงฝูเพียงฟัง ก็เหมือนจะจับจุดได้ทันที

 

ฉินเฟิงหรี่ตาแคบลง ปรากฏกลิ่นอายสังหารขึ้นในคู่ดวงตา
 

“รองหัวหน้าซู คุณเองก็สนใจเรื่องนี้ด้วยงั้นหรอ?”

 

ซูซิงฝูสัมผัสได้ถึงท่าทีเย็นชา เขาหยุดหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว “นั่นมันขัดต่อสนธิสัญญามนุษยชาติ และวิธีการเองก็ไม่เหมาะสม ฉันไม่สนับสนุนมันอย่างแน่นอน!”

 

หลังจากที่รอยแยกมิติปรากฏ โลกก็ตกอยู่ในความอลหม่าน สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมดามากมายผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด พวกมันมาพร้อมกับพลังทำลายล้างอันมหาศาล เป็นภัยคุกคามอันใหญ่หลวง เหล่าเจ้าหน้าที่ต่างก็ถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องการรักษาอำนาจของตน การทดลองต่างๆมากมายจึงเริ่มต้นขึ้น

ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นธรรมดาที่ผู้ใช้อบิลิตี้กลายมาเป็นเป้าหมายในการทดลอง แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะดำเนินการในที่ลับ แต่หากพวกมันถูกเปิดเผย นั่นจะก่อให้เกิดความวุ่นวายตามมาได้

 

และนี่เอง คือเหตุผลที่ทำให้แต่ละสถานที่ชุมชน กลายเป็นหมากตัวสำคัญสำหรับเหตุการณ์นี้

ในเวลาเดียวกันสถานที่ชุมชนแต่ละแห่งก็ต้องคอยแก้ปัญหา เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีการทดลองเช่นนี้เกิดขึ้น ชนิดที่ว่าหากมีผู้ใช้อบิลิตี้ตายลง พวกเขาก็จะต้องถูกเผาในที่เกิดเหตุทันที

 

ไม่เช่นนั้น ทุกคนคงจะถูกลอบสังหาร แล้วกลายเป็นเป้าหมายในการทดลอง -แบบนั้นใครเล่าจะกล้าเผยตัวออกมาว่าตนเป็นผู้ใช้พลัง และทำประโยชน์เพื่อสังคม?

 

น้ำเสียงของฉินเฟิงเย็นชากว่าเดิม “ถูกต้องแล้ว ไม่คิดยุ่งเกี่ยวกับมันจะเป็นการดีที่สุด!”

 

ซูซิงฝูรีบเปลี่ยนเรื่อง “เอ่อ … เธอเหมือนจะอยากแลกเปลี่ยนอะไรนะ แล้วมันยังไงต่อ”

 

“พอถูกคุณขัดจังหวะผมก็เผลอลืมมันไปเลย” ฉินเฟิงเริ่มอารมณ์ไม่ดี “สิ่งเหล่านี้เป็นของมือปืนที่มีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล F”

 

ฉินเฟิงกล่าวพลางคาดเดาผลกำไรที่เขาจะได้รับ

 

“เธอบอกว่าเขาคือคนของรองผู้ว่าการ … มือปืนเลเวล F เอ๊ะ? นั่นไม่ใช่เหอหลี หรอกเหรอ!” ใบหน้าของซูซิงฝูกลายเป็นซีดขาว

 

สำหรับความแข็งแกร่งของเหอหลี กระทั่งซูซิงฝูเอง หากเผชิญหน้าตรงๆก็ยังต้องหลีกเลี่ยง แต่ฉินเฟิงกลับสามารถต่อกรกับอีกฝ่าย และสังหารลงได้จริงๆน่ะหรือ?

 

ในเรื่องนี้ แม้แต่ซูซิงฝูเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อ

 

แต่ทันใดนั้น คำพูดหนึ่งที่ฉินเฟิงเคยย้อนถามตนก็ผุดขึ้นมา : ผมน่ะหรืออ่อนแอ?

 

ถ้าถึงขั้นสามารถฆ่าเหอหลีได้ มันจะไปอ่อนแอได้ยังไง!

 

เจ้าเด็กคนนี้ มันเป็นสัตว์ประหลาดขนานแท้

 

เขาคือคนที่เพิ่งได้รับการปลุกพลังในเวลาแค่ไม่ถึงหนึ่งเดือนจริงๆน่ะหรือ?

 

“ผมไม่รู้จักมันหรอก แต่คุณสามารถตรวจสอบเรื่องนี้เองอย่างลับๆได้ หมดเรื่องที่ผมจะพูดแล้ว จะซื้อรึเปล่า!”

 

ซูซิงฝูมองไปยังสามสิ่งนี้ อันได้แก่แหวนมิติ , เกราะม่วง และปลอกแขนฟ้า

 

ซูซิงฝูกัดเขาและกล่าว “ซื้อก็ซื้อ! ทั้งสามชิ้นเลย ฉันยอมจ่ายให้ 20 ล้านตกลงไหม?”

 

อุปกรณ์รูนมิติมีราคาเกือบ 10 ล้าน แต่มูลค่านี้จะไม่มีวันเสื่อมราคา , เกราะม่วงต้องซ่อมแซมดังนั้นราคาคงไม่สูงนัก แต่อย่างไรมันก็เป็นของเลเวล F ต่อให้เสื่อมราคา แต่ก็น่าจะยังขายได้ถึง 8 ล้าน ส่วนปลอกแขน ราวๆ 2 ล้าน

 

“ผมตกลง!”

 

“งั้นเธอรอก่อน ฉันไม่ได้พกเงินในมือมากมายขนาดนั้น แต่ฉันมีทรัพย์สินที่สามารถขายทิ้งได้อย่างรวดเร็ว ราคาประมาณ 20 ล้านพอดี!”

 

“โห?” ฉินเฟิงเลิกคิ้ว คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าว “งั้นคุณลองพาผมไปดูสิ ถ้าถูกใจ ก็ไม่ต้องจ่ายเงิน แต่ผมขอแลกเปลี่ยนกับมันเลย!”

 

มุมปากของซูซิงฝูกระตุก เพราะทรัพสินย์ที่เขาว่า มันเป็นบ้านซึ่งมีมูลค่ากว่า 30 ล้าน!

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในย่านระดับสูงของชุมชนทางตอนเหนือ -สวนชิงหู

 

ใช่แล้วล่ะ สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในชุมชนทางตอนเหนือ มันคือที่เดียวที่อยู่ใกล้กับธรรมชาติอย่างทะเลสาบเพียงแห่งเดียวของชุมชน

 

และที่นี่ยังเป็นต้นน้ำของอ่าวฉิงเฮ ที่ฉินเฟิงเคยไปเยี่ยมเยือนอีกด้วย

 

สวนชิงหูคือสถานที่พักอาศัยเล็กๆรอบทะเลสาบ แน่นอน ว่ามันคือสถานที่รวมตัวกันของผู้มั่งคั่งและทรงอำนาจนับไม่ถ้วน กระทั่งตึกพักอาศัยที่กว้างใหญ่ก็ยังปรากฏให้เห็น