Ch.49 – เครือข่ายนักล่าเงินรางวัล

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.49 – เครือข่ายนักล่าเงินรางวัล

 

การสร้างวิลล่าในสถานที่ชุมชน ช่างเป็นอะไรที่ฟุ่มเฟือย

 

แต่ก็ลองคิดดูสิ ว่าในวิลล่าเหล่านี้ มีใครบ้างที่อาศัยอยู่

 

ใช่แล้วล่ะ บางส่วนก็เป็นตัวตนทรงพลังในเลเวล E อย่างผู้ว่าการ , นายพล , ผู้อำนวยการของสถาบันระดับสูง ฯลฯ

 

สภาพของสถานที่พักอาศัย คือหนึ่งในสัญลักษณ์ที่ช่วยให้ผู้คนยอมรับนับถือ

 

และสวนชิงหู ก็ไม่ใช่สถานที่ที่ใครก็ได้ในชุมชนสามารถอาศัยอยู่ได้

 

ซูซิงฝูคิดว่าการที่ฉินเฟิงสามารถฆ่าเหอหลีได้ อีกฝ่ายจึงน่าจะมี ‘ความแข็งแกร่ง’ มากพอที่จะอาศัยอยู่ที่นี่ แต่หากมีใครบางคนเห็นฉิงเฟิง ก็มีโอกาสที่พวกเขาจะอารมณ์เสีย แล้วพาลหาเรื่อง สร้างปัญหาขึ้นเหมือนกัน แต่นั่นมันหลังจากที่เขาออกไปแล้ว ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ

 

“บ้านของฉันตั้งอยู่บนชั้น 9 ส่วนลิฟต์ทั้งตึกจะมีแค่ชั้นคี่ คือ 1 , 3 , 5 , 7 , 9 เท่านั้น บ้านหลังนึงจะมีพื้นที่พักอาศัย 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 350 ตารางเมตร!”

 

ซูซิงฝูอธิบายให้ฉินเฟิงฟัง

 

“และเนื่องจากบ้านฉันอยู่บนสุด มันเลยมีห้องใต้หลังคา และถ้าเธอขึ้นไปบนหลังคา เธอจะสามารถชมทิวทัศน์ของสถานที่ชุมชนทั้งหมดได้”

 

การดำเนินชีวิตของซูซิงฝูนั้นเรียบง่ายเสมอมา เขาเป็นคนที่ไม่ทำตัวเองให้โดดเด่น แม้ว่าจะมีบ้านที่ดีในสถานที่ชุมชน แต่เขาก็ไม่เคยอวดโอ้ และยังยินดีทำสิ่งเล็กๆน้อยๆเพื่อคนอื่น ไม่อย่างงั้นมีหรือที่คนอย่างเขาจะยอมแลกเปลี่ยนยาเสริมความแข็งแกร่งเกรด G กับฉินเฟิง

 

ฉินเฟิงตามซูซิงฝูเข้าไปในลิฟต์ โดยไร้ซึ่งความเปลี่ยนแปลงใดๆบนใบหน้า แต่เวลานี้ไม่มีใครอยู่เลย ดังนั้นลิฟต์จึงมีแค่เขาสองคนที่ใช้งาน

 

ซึ่งนี่คือเหตุการณ์ที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ในย่านแออัด เพราะท้ายที่สุดแล้ว ย่านแออัดมิได้กว้างขวางใหญ่โต ฉะนั้นทุกพื้นที่จึงถูกเบียดเสียด และใช้งานอย่างคุ้มค่าที่สุด

 

ติ๊ง!

 

ซูซิงฝูเปิดประตูด้วยคีย์การ์ด เพียงแค่ก้าวเข้ามา ไฟก็สว่างเปิดตามทันที สัมผัสได้ถึงความหรูหรามีสไตล์

 

ภายในเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและให้ความบันเทิงแก่ผู้พักอาศัย

 

บ้านในย่านระดับสูง จะมีราคาอยู่ที่ราวๆ 40,000 – 50,000 เหรียญต่อตารางเมตร กล่าวได้ว่าคนธรรมดาทำงานทั้งปี ก็ยังไม่เพียงพอที่จะซื้อพื้นที่หนึ่งพื้นกระเบื้องของมัน

 

“ชั้นแรกเป็นห้องนั่งเล่น , ห้องรับประทานอาหาร , ห้องครัว , ห้องน้ำ แล้วก็ห้องฝึกฝน”

 

“ชั้นสองมีห้องนอนใหญ่ ,ห้องน้ำ ,ห้องแต่งตัว และห้องลับ แต่แน่นอน ว่าในบ้านหลังนี้ แต่ละห้องระบบป้องกันการโจรกรรมติดตั้งเอาไว้”

 

“ชั้นสามเป็นห้องใต้หลังคาเล็กๆ , ห้องชมวิว แถมข้างนอกยังมีอ่างอาบน้ำสุดหรูอยู่ด้วยนะรู้ไหม!”

 

ดวงตาของซูซิงฝูเป็นประกาย ดูเหมือนว่าเขาจะภูมิใจกับการติดตั้งอ่างอาบน้ำด้านนอกมาก

 

ภายในสถานที่ชุมชนทางตอนเหนือ คนส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดาที่ยากจน แต่ตราบใดที่พวกเขามีเงิน พวกเขาก็จะสามารถใช้ชีวิต อาศัยอยู่อย่างหรูหราฟู่ฟ่าได้

 

“ฟังดูดีนี่นา!”

 

ในชีวิตก่อนหน้าของฉินเฟิง เขาเป็นถึงเลเวล A เจ้าตัวเคยใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยชนิดที่ว่าไม่เคยมีใครเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ฉะนั้นบ้านหลังนี้ของซูซิงฝู นับว่าเด็กน้อยมาก

 

ซูซิงฝูรู้สึกว่าการแสดงออกของวัยรุ่นคนนี้ช่างดูลึกล้ำ ยากจะหยั่งถึงอยู่เสมอ แต่เขาก็ไม่คิดบังคับให้ฉินเฟิงแสดงออกถึงท่าทีพึงพอใจใดๆ

 

สำหรับคนที่ออกไปต่อสู้ในทุ่งล่า สถานที่พักอาศัยในชุมชน แท้จริงแล้วมีไว้เพื่อสมาชิกในครอบครัว ส่วนตัวเองจะได้ใช้หรือไม่ นั่นไม่สำคัญ

 

แต่ฉินเฟิงดูเหมือนจะไม่มีครอบครัว ดังนั้นเลยเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่รู้สึกตื่นเต้นใดๆ

 

“นับจากนี้ไป บ้านหลังนี้จะกลายเป็นของเธอ!”

 

ซูซิงฝูดำเนินเรื่องผ่านอุปกรณ์สื่อสาร ขั้นตอนต่างๆเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว และบ้านหมายเลขห้อง 339 ในสวนชิงหู ก็กลายมาเป็นของฉินเฟิง

 

“งั้นฉันไม่รบกวนเธอแล้ว เพราะหลังจากที่ต่อสู้มาทั้งคืน เธอสมควรที่จะได้พักผ่อนให้เต็มอิ่ม!”

 

ซูซิงฝูตบไหล่ฉินเฟิง ก่อนจากไป เขาก็อดทอดถอนใจไม่ได้ที่จะต้องสูญเสียบ้านไป

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงเกราะม่วง และไหนจะอุปกรณ์รูนมิติ ซูซิงฝูก็เริ่มกลับมามีความสุขอีกครั้ง

 

ฉินเฟิงมองซูซิงฝูเดินจากไป จากนั้นก็เริ่มตรวจสอบทั้งสองชั้น รวมชั้นหลังคาอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าไม่มีอุปกรณ์สอดแนมอยู่ เมื่อวางใจก็เปิดกระเป๋าสะพายหลัง

 

เสี่ยวไป๋แทบทนรอไม่ไหว มันกระโดดออกมาอย่างกระตือรือร้น

 

“แอ๊!” มันพูดประมาณว่ามนุษย์คนนั้นน่ารำคาญจริงๆ แถมอยู่ข้างในนานๆยังปวดก้นอีก!

 

เสี่ยวไป๋ไม่พอใจมาก

 

“ช่างเถอะน่า แกมาสนใจสิ่งตรงหน้าดีกว่า ฟังนะ หลังจากนี้ไปพวกเราจะอยู่ที่นี่ แกไม่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ในที่คับแคบอีกต่อไปแล้ว!”

 

เสี่ยวไป๋พอได้ยินก็กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข มันทำเช่นเดียวกับฉินเฟิงในตอนแรก หันไปมองรอบๆ เริ่มเดินลาดตระเวนสำรวจดินแดนของตัวเอง

 

“เอาล่ะๆ เสี่ยวไป๋ อันดับแรกพวกเราก็ไปอาบน้ำกันก่อน!”

 

หลังจากการต่อสู้เมื่อวาน กลิ่นตัวของฉินเฟิงก็เริ่มเหม็นเหงื่ออีกครั้ง หากมีใครมาเห็นและไม่ทราบว่าฉินเฟิงมีสถานะเป็นผู้ใช้พลังพิเศษ เกือบทั้งหมดคงคิดว่าฉินเฟิงทำงานขนปูนในสถานที่ก่อสร้าง

 

กระทั่งขนของเสี่ยวไป๋เองก็ยังเป็นสีเทา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ของฉินเฟิง

 

เสี่ยวไป๋กระโดดไปรอบๆ ฉินเฟิงอุ้มมันไปอาบน้ำ สองตาของมันจ้องมองเขาที่กำลังแช่ตัวขมอยู่ในอ่าง

 

ฉินเฟิงเทน้ำร้อนลงบนตัวเสี่ยวไป๋ เริ่มขัดๆถูๆมันจนสะอาด

 

ในขณะที่กำลังชำระร่างกาย ฉินเฟิงก็เริ่มคิดถึงสิ่งที่ตนเก็บเกี่ยวมาได้เมื่อคืนนี้

 

การต่อสู้เมื่อวาน เพลิงโลกันต์แผดเผาเหอหลี แต่ในขณะที่คู่ต่อสู้เสียชีวิต ฉินเฟิงสามารถกูดกลืนพลังงานของเขาเอาไว้ได้

 

ทว่ามันก็เป็นแค่พลังงานที่อ่อนแอ

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากดูดกลืนพลังงาน ฉินเฟิงกลับพบว่าพลังสมาธิของเขาดีขึ้นเป็นอย่างมาก

 

“พวกมือปืน แม้ร่างกายจะอ่อนแอกว่าผู้ใช้วรยุทธโบราณ แต่ก็เป็นเหมือนกับเหอหลี ที่ครอบครองพลังสมาธิอันแข็งแกร่ง”

 

ฉินเฟิงยิ่งนาน ก็ยิ่งเข้าใจเกี่ยวกับพลังพิเศษดูดกลืนของเขามากขึ้น ว่ามันเป็นอำนาจที่ท้าทายสวรรค์เพียงใด

 

แน่นอน ว่านอกจากพลังสมาธิแล้ว ร่างกายของฉินเฟิงก็ยังได้รับความแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน

 

เพราะก่อนที่จะระเบิดห้องทดลอง ฉินเฟิงได้กลับมายังห้องเก็บของที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบทดลองอีกครั้ง และสังหารสัตว์ร้ายที่กำลังจะตายทั้งหมดลง

 

ความตายในครั้งนี้ กล่าวได้ว่าเป็นการปลดปล่อยพวกมันจากความทุกข์

 

นี่มิใช่ว่าฉินเฟิงไม่มีความเห็นอกเห็นใจ แต่ในโลกนี้ มีมนุษย์จำนวนมากถูกสังหารลงโดยสัตว์ร้าย ดังนั้นการเกิดความเมตตาต่อสัตว์ร้ายต่างหาก ที่ฉินเฟิงคิดว่าเป็นเรื่องที่โง่เขลา

 

นอกจากนี้ เขาต้องทำแบบนั้นเพราะเกรงว่าหากอีกฝ่ายหลุดออกไปได้ และฟื้นฟูความแข็งแกร่งกลับมา นั่นมิใช่หมายถึงอันตรายจะเกิดขึ้นกับสถานที่ชุมชนหรอกหรือ?

 

ต้องไม่ลืมนะว่ามีสัตว์ร้ายที่ทรงพลังมากมายอยู่ที่นั่น

 

“แต่การทดลองพวกนั้น ล้วนสร้างความเสียหายให้แก่แก่นพลังงาน ดังนั้นพลังงานที่ดูดกลืนมาได้เลยมีแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ถึงเล็กน้อย มันก็ช่วยให้ฉันยกระดับไปอีกขั้น!”

 

ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฉินเฟิง ได้ก้าวมาถึงเลเวล G8 แล้ว!

 

ตราบใดที่ยกระดับอีกสองครั้ง ฉินเฟิงก็จะสามารถขึ้นไปยังเลเวล F !

 

ฉินเฟิงปิดก๊อกน้ำร้อน ปาดกระจก และสำรวจร่างกายของเขาที่แข็งแกร่งขึ้น

 

กล้ามเนื้อหนักแน่น ปกคลุมเหนือกระดูก เนื่องจากครั้งล่าสุดที่ฉินเฟิงได้ดูดกลืนมือรูปปั้น เลยส่งผลให้เขาเหมือนจะสูงขึ้นเล็กน้อย สูงไปถึงราวๆ 178 ซม. แล้ว และร่างกายของเขาก็ไม่ผ่ายผอมอีกต่อไป!

 

ตอนนี้ มันเปี่ยมไปด้วยพลังงานที่พร้อมระเบิดได้ตลอดเวลา!

 

“เสื้อผ้าเองก็เริ่มคับเกินไปแล้ว!”

 

แต่ช่างมันเถอะ นอนก่อนแล้วกัน เอาไว้ค่อยหาวิธีจัดการทีหลัง

 

เมื่อคืนที่ผ่านมา ฉินเฟิงแทบไม่ได้นอนเลย รวมๆเขาถ่างตามากกว่า 30 ชั่วโมงแล้ว แต่เนื่องจากตนมีร่างกายของผู้ใช้วรุยทธโบราณ และพลังสมาธิของผู้ใช้อบิลิตี้ ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะไม่ข่มตาหลับเลยเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน ก็ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ ไหนจะเรื่องเพิ่งยกระดับ ต้องปรับสมดุลร่างกาย ดังนั้นเขาจึงไม่เต็มใจที่จะฝืนข่มตา ทำร้ายตัวเองทางอ้อม ผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย

 

ทางด้านเสี่ยวไป๋เอง หลังจากถูกขัดถูจนสะอาดแล้ว มันก็ขดตัวลงข้างๆฉินเฟิง

 

หนึ่งคนหนึ่งสัตว์จมลงสู่ห้วงนิทรา

 

 

พอตื่นขึ้นมา พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว ฉินเฟิงยกข้อมือของเขา มองไปยังอุปกรณ์สื่อสาร

 

เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นโดยข้อความหนึ่งที่ส่งมา

 

เป็นข้อความของซูซิงฝู

 

“น้องชาย! ข้อมูลที่เธอให้ฉันมาก่อนหน้านี้มีประโยชน์มากทีเดียว และฉันได้รับเรื่องที่เธอทำเมื่อวานแล้วนะ จากการตรวจสอบ เธอได้สังหารอาชญากรในเครือข่ายนักล่าเงินรางวัลไปถึง 2 คน ดังนั้นเธอเลยได้รับเงินนำจับ 400,000 และมันจะถูกโอนไปยังบัญชีของเธอ!”

 

ซูซิงฝูได้เข้ามาแทรกแซงในคดีนี้ เพราะเขารู้ว่ารองผู้ว่าการมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี แม้แต่คนที่คิดปองร้ายฉินเฟิงก็ยังถูกจัดการไปแล้วโดยซูซิงฝู

ไม่เพียงเท่านั้น แต่รางวัลของฉินเฟิงยังถูกโอนให้มาให้อย่างถูกต้อง โดยไม่มีการฉ้อฉลใดๆ

 

“ ‘เครือข่ายนักล่าเงินรางวัล’ มันดีแบบนี้นี่เอง!”

 

ฉินเฟิงอ่านข้อความของซูซิงฝู เขาจดจำเฉพาะคำๆนี้ไว้ในหัวใจ