ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 76

เมื่อพระสนมเหมยได้ยินหลิงหลงฟูเหรินพูดเช่นนั้น นางก็อดไม่ได้ที่ด่าในใจ ที่แท้ก็เป็นคนที่ตื้นเขินถึงได้ไม่รู้ว่าสิ่งใดควรพูดไม่ควรพูด กล่าวแบบนี้ต่อหน้าพระพักตร์หวงไท่โฮ่ว รนหาที่ตายชัด ๆ?

เป็นอย่างที่คาดไว้ เมื่อเห็นหลิงหลงฟูเหรินกล่าวอย่างไม่แยแส สีหน้าของหวงไท่โฮ่วก็แย่ลง “ทำผิดเรื่องอะไร? เหตุใดถึงได้โบยจนนางมีสภาพเช่นนี้”

มหาเสนาบดีเซี่ยสะกิดหลิงหลงฟูเหรินด้วยข้อศอก นางเองก็รู้ว่าได้พูดผิดไปแล้ว จึงรีบอธิบายทันที “กราบทูลหวงไท่โฮ่ว หม่อมฉันไม่ได้เป็นคนออกคำสั่งให้โบย แต่เป็นพ่อบ้านที่เห็นว่านางดื้อรั้นไม่ยอมรับผิด ก็เลยลงมือโบยนางอย่างหนักไปชั่วขณะหนึ่ง หม่อมฉัน ได้ลงโทษพ่อบ้านไปแล้วเพคะ”

หวงไท่โฮ่วเหลือบมองไปที่เสี่ยวซุนและเห็นน้ำตาในดวงตาของนาง ใบหน้าของนางเศร้าโศกน่าสงสารยิ่งนัก เป็นไปได้ว่าที่นางถูกโบยครั้งนั้น เป็นเพราะนางถูกปรักปรำ

เสี่ยวซุนถูกนางข้าหลวงช่วยพยุงพามาคุกเข่าลงที่พื้น หวงไท่โฮ่วเห็นบาดแผลบนร่างกายของนาง จะทนได้เช่นไร? ขมวดคิ้วแล้วรีบกล่าว “พยุงตัวนางไว้ ไม่ต้องคุกเข่าแล้ว”

เสี่ยวซุนมองดูหวงไท่โฮ่วอย่างอ่อนแรงและรู้สึกหวั่นเกรง ต่อความสูงศักดิ์ของหวงไท่โฮ่วจนขาอ่อน เกือบจะคุกเข่าลงไปอีกครั้ง และพูดอย่างไม่เป็นทางการ “บ่าว บ่าวขอคำนับหวงไท่โฮ่ว”

ฮวงไทยเฮามองดูใบหน้าที่สูญเสียสีเดิมไปกลายเป็นแดงก่ำ ส่ายหัวและถอนหายใจ “เอาเถอะ ข้าแค่จะถามเจ้าสักเล็กน้อย จากนั้นเจ้าก็กลับไปได้”

เสี่ยวซุนเปล่งเสียงตอบรับ และใช้แรงใจบังคับร่างของนางให้ยืนขึ้นให้ได้มากที่สุด “เพคะ หวงไท่โฮ่วได้โปรดถามมา”

หวงไท่โฮ่วมองดูนางแล้วก็ทนถามไม่ไหว จึงตรัสกับฮองเฮาว่า “เจ้าถามสิ รีบ ๆ หน่อย”

ฮองเฮาเตรียมพร้อมนานแล้ว นางลุกขึ้นยืนคำนับหวงไท่โฮ่ว “เพคะ!”

หลังจากนั่งลง นางก็ถามทันทีว่า “เจ้ามาที่นี่เพื่อรับใช้เซี่ยจื่ออานใช่ไหม? ฟูเหรินของเจ้า หยวนซื่อผู้นั้นตอนอยู่ในจวนเป็นที่ยอมรับหรือไม่? นางปฏิบัติกับผู้อื่นอย่างไร?”

เสี่ยวซุนที่กำลังจะตอบ ก็ได้ยินมหาเสนาบดีเซี่ยไอ นางเหลือบมองเขาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเห็นว่าดวงตาของเขาเย็นชา นางก็หยุดพูดด้วยความตกใจและก็ไม่กล้ามองดูฮองเฮา ได้แต่ก้มหน้าลงเป็นเวลานาน พูดไม่ออกเลยสักคำเดียว

ฮองเฮายิ้มอย่างประหลาดใจ “เป็นอะไรไป? ไม่กล้าพูดงั้นเหรอ? ต่อหน้าหวงไท่โฮ่วและข้ามีเรื่องอะไรก็บอกมาได้โดยตรง ถ้ามี เจ้าไม่ใช่คนที่ปล่อยข่าวลือเสียหน่อย ทำไมถึงไม่พูดออกมาเล่า?”

เสี่ยวซุนเหลือบมองมหาเสนาบดีเซี่ยและหลิงหลงฟูเหรินอีกครั้ง นางวิตกกังวลจนหงื่อออก ช่วงเวลาที่นางได้อยู่ข้างกายจื่ออาน ได้ถูกมหาเสนาบดีเซี่ยและหลิงหลิงฟูเหรินกดขี่ข่มเหงมาเป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดความกลัวในจิตใจ แม้ว่าตอนนี้นางจะรู้ว่าสามารถพูดอย่างตรงไปตรงมาได้แล้ว ทว่านางก็ไม่สามารถเปิดปากพูดได้ ทำได้เพียงพูดอึกอึกอักอัก “บ่าว…บ่าว…”

จื่ออ่านที่ได้ยินจากด้านนอก ในใจก็รู้สึกเป็นกังวล เสี่ยวซุนเป็นเด็กที่ขี้กลัวมากและยังมีอาการบาดเจ็บที่รุนแรงเช่นนี้ หากจิตใจนางได้รับแรงกดดันมากเกินไป นางจะรับไม่ไหวจนสลบไป

เมื่อพระสนมเหมยเห็นเช่นนั้นก็ตะคอกเสียงดังด้วยความโมโห “อึก ๆ อัก ๆ อะไรของเจ้า? ต่อหน้าพระพักตร์หวงไท่โฮ่ว มีอะไรก็พูดมาตามตรง”

แต่เดิมพระสนมเหมยก็มองว่าเสี่ยวซุนนั้นขี้ขลาดอ่อนแอ แม้แต่ในตอนนี้นางก็ไม่กล้าพูดอะไร แทบจะสลบล้มไปอยู่แล้ว พูดตะคอกนางนิดหน่อย นางจะต้องไม่กล้าพูดอะไรออกมาแน่

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พระสนมเหมยตะคอก เสี่ยวซุนก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น จำได้ว่าตอนที่นางถูกจับขังไว้ในจวน คิดว่าจะต้องตายแน่ ๆ ตอนนั้นก็ไม่ได้เสียใจอะไร ตอนนี้ก็จะไม่รู้สึกเสียใจในภายหลังเช่นกัน

เมื่อนึกเรื่องที่ฟูเหรินกับคุณหนูถูกกดขี่ข่มเหงมานานหลายปี นางก็ทนไม่ได้อีกต่อไป สะอื้นไห้ตัวสั่นกล่าวออกมา “ไทเฮา ฮองเฮาเพคะ ฟูเหรินเป็นคนที่แสนดีมาก ๆ คุณหนูใหญ่ก็เหมือนกัน บ่าวคิดว่าคนที่ดีที่สุดในโลกนี้ก็คือฟูเหรินกับคุณหนู!”

เดิมทีที่ฮองเฮาถามเสี่ยวซุนเกี่ยวกับพฤติกรรมและอุปนิสัยของหยวนซื่อ แต่ว่าเสี่ยวซุนกลับพูดว่านางดีมาก ดีที่สุด และนางไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร แต่กลับทำให้หวงไท่โฮ่วรู้สึกได้ถึงความจริงใจของนาง

ฮวงไทยเฮาเห็นว่าหญิงรับใช้ผู้นี้ช่างน่าสงสาร จึงกล่าว “พอแล้ว ไม่ต้องถามนางแล้ว พานางออกไปเถอะ”

“หวงไท่โฮ่วเพคะ” เซียวซุนดิ้นจนหลุดจากการพยุงของนางข้าหลวง คุกเข่าลงไปที่พื้นเสียงดังปึก เงยใบหน้าเล็ก ๆ ที่ซีดเซียวขึ้นและร้องไห้ “เรื่องการถอนหมั้นของคุณหนูเป็นเพราะไม่มีทางเลือกอื่น หากไม่ใช่เพราะนายท่านใช้เรื่องการขับไล่ฟูเหรินออกไปจากจวนมาบีบบังคับคุณหนู คุณหนูก็คงไม่ตอบรับเรื่องการสมรสนั่น เพราะว่า คุณหนูเคยพูดว่า เมื่อแต่งงานออกไปแล้ว ฟูเหรินจะต้องตายแน่ ๆ ดังนั้นคุณหนูจึงต้องถอนหมั้น ”

“ไร้สาระ!” ใบหน้าของมหาเสนาบดีเซี่ยคล้ำดำเหมือนหม้อเหล็ก และเขาก็ระเบิดความโกรธออกมาทันที โดยไม่สนใจหวงไท่โฮ่วกับฮองเฮาเลย “ใครสั่งให้เจ้าพูดแบบนี้? พูดจากลับถูกเป็นผิด ดูเหมือนว่าถึงแม้จะโบยเจ้าอีกครั้ง ก็ยังไม่สาสม”