ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 75
หวงไท่โฮ่วขมวดคิ้ว “วังนี้เป็นสถานที่ที่มีกฎเกณฑ์ จะเรียกขานสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร ถ้ามีพระสนมที่มียศต่ำกว่าเจ้าเรียกเจ้าว่าเหลียงซื่อ เจ้าจะยินดีเหรอ? ”
เหลียงเป็นแซ่ของพระสนมเหมย!
พระสนมเหมยก็รู้ว่าไทเฮาเป็นคนที่ยึดมั่นในกฎระเบียบวินัยมาก นางจึงไม่กล้าโต้เถียง หันกลับมาตำหนิหลิงหลงฟูเหริน “เจ้าไม่ต้องประหม่า อยู่ในจวนเรียกเช่นไร ตอนนี้ก็ให้เรียกอย่างนั้น จะละเลยความเหมาะสมได้อย่างไร?”
หลิงหลงฟูเหรินแสดงท่าทีน้อมรับคำสอนและกล่าวอย่างนอบน้อม “เพคะ หม่อมฉันจะจดจำไว้”
ฮองเฮากล่าวกับซุนกงกง “เจ้าไปพาหญิงรับใช้ข้างกายของเซี่ยจื่ออานมาที่นี่ แม้ว่าอาการบาดเจ็บของนางจะยังไม่หายดี ก็ให้พยุงเข้ามา”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ซุนกงกงตอบกลับ
มหาเสนาบดีเซี่ยคิดว่า ถึงแม้จะนำตัวผู้หญิงคนนั้นเข้ามาก็ตาม แต่เขาก็อยู่ที่นี่ นางผู้นั้นต้องไม่กล้าพูดจาเหลวไหลแน่นอน ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้ซุนกงกงไป
หลังจากที่ซุนกงกงจากไป เขาก็ถอนหายใจ “ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นเช่นไร ก็ล้วนเป็นความผิดของกระหม่อม กระหม่อมยินดีรับผิด”
แบบนี้ จะทำให้เขาดูเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ
ฮองเฮากลับไม่ยอมรับแล้วตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เรื่องนี้ใครผิดก็ว่าไปตามผิด คนผิดต้องเป็นคนรับผิดชอบ หากท่านมหาเสนาบดีทำผิด ข้าก็จะไม่ยอมเด็ดขาด หากว่าหยวนซื่อเป็นคนยุยง ข้าต้องลงโทษนางอย่างรุนแรงแน่นอน”
มหาเสนาบดีเซี่ยกล่าว: “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมยินดีรับการลงโทษ”
จื่ออานที่อยู่นอกพระตำหนัก ได้ฟังการสนทนาเหล่านี้ ในใจรู้สึกเย้ยหยันเป็นอย่างมาก
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความผิดของท่านแม่และนาง พวกเขาช่างไม่สำนึกจริง ๆ!
เป็นถึงมหาเสนาบดีในราชสำนัก กลับกระทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ นางต้องทบทวนมุมมองทั้งหมดที่มีต่อยุคนี้ใหม่เสียแล้ว
ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าทำไมในตอนนั้นหยวนซื่อถึงแต่งงานกับเขา แม้ว่าเขาจะอยู่ในตำแหน่งสูง แต่เขาก็ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ไม่มีจิตใจที่สูงส่งเลยสักนิด เขามีเพียงการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างไร้ยางอายเท่านั้น มุ่งหวังแต่ผลประโยชน์ ดิ้นรนเพื่ออำนาจ ผู้ชายแบบนี้ พูดตรง ๆ เลยว่าที่มาถึงตำแหน่งมหาเสนาดีได้ นอกเหนือจากคุณงามความดีที่บรรพบุรุษสั่งสมมาแล้ว ที่เหลือก็คือโชคล้วน ๆ
ไม่นานซุนกงกงก็พาเสี่ยวซุนมา อันที่จริงแล้วเสี่ยวซุนยังไม่สามารถลุกจากเตียงได้ ก็ได้แต่ให้นางข้าหลวงสองคนช่วยพยุง
เสี่ยวซุนที่อยู่ด้านนอกมองเห็นจื่ออาน กำลังจะกล่าวถามนาง จื่ออานยกมือขึ้นมาแตะริมฝีปาก ไม่ให้นางส่งเสียงดัง
เสี่ยวซุนเข้าใจทันที ก้มหน้าลงและเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับนางข้าหลวงทั้งสอง
หวงไท่โฮ่วไม่เคยพบกับเสี่ยวซุนมาก่อน อีกทั้งก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวซุนเข้าวังมาแล้ว เมื่อเห็นหญิงรับใช้คนหนึ่งที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่บาดแผล อีกทั้งบาดแผลยังดูน่ากลัวเช่นนี้ นางอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความโกรธ “เกิดอะไรขึ้น? ดูแล้วหญิงรับใช้ผู้นี้อายุยังไม่ถึงสิบสามสิบสี่ปีด้วยซ้ำ ใครกันช่างลงมือได้เหี้ยมโหดอย่างนี้? ”
หลิงหลงฟูเหรินกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “กราบทูลหวงไท่โฮ่ว นางผู้นี้รับใช้จื่ออาน เพราะนางได้กระทำความผิด จึงถูกพ่อบ้านนำตัวไปโบยเพคะ”
ตระกูลไหน ๆ ก็ล้วนต้องมีการโบยคนรับใช้กันทั้งนั้น ในวังเองก็ต้องมี และพวกเขายังโหดร้ายกว่านี้มาก วันนั้นที่นางเข้าวังมา ไปเข้าเฝ้าพระสนมเหมย เคยเห็นพระสนมสั่งคนให้โบยนางข้าหลวงคนหนึ่ง โบยจนนางเกือบจะตาย
อีกอย่าง นางได้ยินมาว่าฮองเฮาโหดร้ายกว่านั้นการโบยและดุด่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย หนักกว่านั้น คือการปลิดชีพตนเองตามคำสั่งที่มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
อย่างไรก็ตาม หลิงหลงฟูเหรินกลับไม่รู้ว่า ที่ฮองเฮากับพระสนมเหมยทำเรื่องพวกนี้ หวงไท่โฮ่วไม่เคยรู้มาก่อนแม้ว่าหวงไท่โฮ่วให้รางวัลและลงโทษอย่างชัดเจน นางตัดสินโทษตามการกระทำซึ่งเหมือนกับที่จื่ออานถอนหมั้นกับองค์จักรพรรดิเหลียง และบอกว่าตนเองเป็นผู้สืบทอดของเวินอี้ในเวลานั้นนางคิดว่าจื่ออานรู้ทักษะทางการแพทย์เพียงผิวเผิน แต่ต้องการสร้างความดีความชอบ นางจึงสั่งโบยจื่ออานและให้นำตัวไปคุมขังที่ห้องลงทัณฑ์