ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 74

“แน่นอนว่าได้ยินจากที่พวกเขาพูดกัน ใช่หรือไม่? มันคือข่าวลือ เจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงได้เช่นไร?” ฮองเฮากล่าว

พระสนมเหมยหน้าแดงและอธิบาย “เรื่องนี้จะเป็นข่าวลือไปได้อย่างไร? ป้าของหม่อมฉันก็เป็นถึงเก้ามิ่งฟูเหรินขั้นสอง นางจะโกหกได้เช่นไรเพคะ?”

“เจ้าจะบอกว่า เหล่าฟูเหรินเข้าวังมาด้วยตัวเอง เพื่อมาเล่าเรื่องหยุมหยิมภายในครอบครัวให้เจ้าฟังอย่างนั้นเหรอ?”ฮองเฮาเงยหน้าขึ้นถามซุนกงกง “ไปตรวจสอบดู สองสามปีมานี้เหล่าฟูเหรินเข้าวังมากี่ครั้งกัน?”

ซุนกงกงยิ้มและกล่าว “พระองค์ ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบแล้ว ทุกครั้งที่เหล่าฟูเหรินเข้าวัง นางจะต้องมาเข้าเฝ้าองค์ไทเฮา ปีนี้นางไม่ได้มาเข้าเฝ้า ปีที่แล้วก็เช่นกัน ที่มาก็หลายปีก่อน นาน ๆ ครั้งจะมาที่นี่ เหล่าฟูเหรินเป็นคนที่ช่างเอาอกเอาใจ ทุกครั้งที่เข้าวังมา นอกจากจะมาเข้าเฝ้าหวงไท่โฮ่วแล้ว ยังได้ไปเข้าเฝ้าฮองเฮาอีก พระองค์ทรงลืมไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ฮองเฮาตอบรับ “ข้าหาได้ลืมไม่ และข้าจำได้แม่นยำว่าในช่วงสองปีมานี้ เหล่าฟูเหรินผู้นี้ไม่ค่อยได้เข้าวังมา นางมาที่นี่เป็นครั้งคราว แต่ก็นั่งได้ครู่เดียวแล้วก็กลับไป ข้ายังพูดเลยว่า นางไป ๆ มา ๆช่างเร่งรีบเสียจริง ที่แท้ก็ไปตำหนักของสนมเหมยเพื่อคุยเรื่องหยุมหยิมภายในครอบครัวนี่เอง”

สีหน้าของพระสนมเหมยเริ่มดูไม่ได้ “เหล่าฟูเหรินเป็นป้าของหม่อมฉัน ก็ต้องมีเรื่องให้พูดคุยกันบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ฮองเฮากล่าวเช่นนี้มันจะไม่ดูใจร้ายไปหน่อยหรือเพคะ?”

ความสัมพันธ์ระหว่างฮองเฮากับพระสนมเหมยก่อนหน้านี้ก็ดีอยู่ แต่ความจริงแล้วพระสนมเหมยไม่เคยชอบฮองเฮาเลย เพียงเพราะจะขัดขวางแผนการของฮองเฮาที่ลึกซึ้งและชาญฉลาด จึงจำต้องแสร้งเข้าใกล้ไปตีสนิท

ตอนนี้ต่อหน้าพระพักตร์หวงไท่โฮ่ว นางรู้ว่าไม่อาจยอมถอยทีละก้าวได้ ดังนั้นนางจึงชี้ไปที่ข้อบกพร่องของฮองเฮา เพราะว่าฮองเฮานั้นโหดร้าย แม้แต่หวงไท่โฮ่วก็รับรู้

ฮองเฮายิ้มเย้ยหยัน “ที่เหล่าฟูเหรินกล่าวเป็นเพียงคำพูดจากทางฝั่งนางฝ่ายเดียวเท่านั้น เรื่องจริงเป็นเช่นนี้หรือไม่ยังคงต้องถามให้กระจ่าง”

พระสนมเหมยขมวดคิ้ว ทำไมวันนี้ฮองเฮาถึงได้โต้เถียงจนน่ารำคาญเช่นนี้? ไม่ใช่ว่าต้องการจัดการกับบางคนเพื่อรักษาหน้าของนางเหรอ? ลงโทษใครไม่ได้? ทั้งหมดก็เป็นเรื่องหน้าตาตนเองเท่านั่นแหละ จะว่าไปแล้ว ในเมื่อจื่ออานถูกคุมขังไว้แล้วอย่างนั้นก็จัดการกับหยวนซื่อโดยตรงให้เสร็จ ๆไปไม่ดีกว่าเหรอ?

มหาเสนาบดีเซี่ยยังสับสนเล็กน้อย แม้ว่าเขาคาดการณ์ว่าฮองเฮาอาจจะไม่เชื่ออย่างเต็มที่ว่าเป็นการยุยงของหยวนซื่อ แต่ว่าเขาเป็นถึงมหาเสนาบดีของราชสำนัก ก็ต้องไว้หน้าเขาบ้าง ไม่ควรทำให้เขาต้องขายหน้าจนเกินไป

คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าตั้งแต่แรกแล้วฮองเฮาไม่ได้เชื่อว่าเป็นการยุยงของหยวนซื่อเลยสักนิด และนางก็ไม่เชื่อในสิ่งที่พระสนมเหมยพูดเลย นี่มันเรื่องอะไรกัน?

เป็นไปได้ไหมว่าหลังจากที่เซี่ยจื่ออานถูกคุมขัง นางได้พูดอะไรที่ทำให้ฮองเฮาเชื่อ?

แต่มันก็ไม่ถูกต้อง หากฮองเฮาเชื่อในสิ่งที่เซี่ยจื่ออานบอก ทำไมถึงไม่สั่งให้คนไปพาตัวเขาเพื่อมารับโทษโดยตรง? เห็นได้ชัดว่าฮองเฮาก็ไม่เชื่อเซี่ยจื่ออานเช่นกัน

แม้ว่าหลิงหลงฟูเหรินจะเกรงกลัวความยิ่งใหญ่ของฮองเฮา แต่นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าฮองเฮาไม่เชื่อในสิ่งที่พวกเขาพูดเลยและกล่าวว่า “ถ้าฮองเฮาไม่เชื่อ ก็สั่งให้คนไปตรวจสอบที่จวนมหาเสนาบดีได้นะเพคะ ถามคนรับใช้คนไหนก็ได้ ก็จะได้รู้ถึงพฤติกรรมของหยวนซื่อ”

ฮองเฮาโบกมือ “จะลำบากเช่นนั้นไปใย? ในวังแห่งก็มีหญิงรับใช้ของจวนมหาเสนาบดีมิใช่หรือ?”

หลิงหลงฟูเหรินตกใจและส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ฮองเฮาเพคะ ทำอย่างนั้นไม่ได้ เสี่ยวซุนผู้นั้นเป็นหญิงรับใช้ข้างกายจื่ออาน นางต้องฟังคำสั่งของจื่ออานแน่นอน นางจะให้การอย่างยุติธรรมได้อย่างไร?”

ฮองเฮาตรัสอย่างเย็นชา “ตามที่เจ้าพูด คนรับใช้ในจวนนั้นไม่ได้ปกป้องเจ้านายกันหมดทุกคนหรือ? อีกอย่าง…”

ฮองเฮาโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย และจ้องมองไปที่หลิงหลงฟูเหรินด้วยท่าทางที่ดูร้ายกาจ “เจ้าเพิ่งเรียกฟูเหรินของมหาเสนาบดีว่าหยวนซื่อ เรียกหยวนซื่อเฉย ๆ แบบนี้ เจ้าเรียกได้เหรอ?”

หวงไท่โฮ่วเองก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย หยวนซื่อจะมีนิสัยเช่นไรก็ตาม ในเมื่อหลิงหลงฟูเหรินเป็นภรรยารอง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน จะต้องพูดจาให้ความเคารพฟูเหริน เพราะนี่คือกฎ

ดังนั้นนางจึงกล่าวอย่างแผ่วเบา “จริง ๆ แล้ว ไม่ว่าหยวนซื่อจะเป็นคนอย่างไร นางก็ยังไม่ได้ถูกขับไล่ให้ออกไปไหน ตอนนี้นางก็ยังเป็นฟูเหรินของจวนมหาเสนาบดี เจ้าเรียกเพียงชื่อนางว่าหยวนซื่อ เจ้าเอาตำแหน่งภรรยาเอกไปไว้ที่ไหนกัน?”

หลิงหลงฟูเหรินมักจะเรียกนางแพศยาคนนั้นว่าหยวนซื่อ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเรียกชื่อนั้น นอกจากนี้นางก็ได้ยินพระสนมเหมยเรียกหยวนซื่อ หยวนซื่อมาโดยตลอด นางก็เลยพูดออกไปโดยไม่เจตนา ไม่คาดคิดว่าจะไปดึงดูดความสนใจจากฮองเฮา ทั้งยังทำให้หวงไท่โฮ่วไม่พอพระทัยอีก

นางรีบกล่าว “ไทเฮาโปรดระงับโทสะด้วย ตอนที่หม่อมฉันอยู่ในจวนก็เรียกฟูเหรินมาโดยตลอด เพราะความความตึงเครียดเพียงชั่วขณะ ก็เลยเรียกตามพระสนมเหมยว่า หยวนซื่อ”

พระสนมเหมยกล่าว “ไทเฮา นี่เป็นแค่การเรียกชื่อเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือข้อเท็จจริง”