หลินเมิ้งหยาหันไปมองเขา ก่อนจะผงกหัวลง
ถึงอย่างไรเขาก็หวังดี นางมิควรปฏิเสธความหวังดีของเขา
กลิ่นอับชื้นคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้องขัง คิ้วของหลินเมิ้งหยาขมวดเข้าหากัน
นางมิได้เข้ามาเพื่อเอื้อนเอ่ยวาจาทับถมป๋ายหลี่อู๋เฉินแต่อย่างใด เพียงแต่นางมีคำถามบางอย่างต้องการถามเขา
“คิดไม่ถึงเลยว่าพระชายาจะยอมลดตัวอันสูงส่งเข้ามายังที่โสโครกเช่นนี้ คิกคิก หรือต้องการมาดูให้เห็นกับตาว่าข้าน่าสมเพชมากเพียงไหน?”
ป๋ายหลี่อู๋เฉินเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่เคยงดงามซูบตอบ ฝุ่นเกาะเกรอะกรัง ทว่าดวงตาคู่สวยของเขายังคงเปล่งประกาย
มันเปล่งประกายไปด้วยความโกรธแค้น หลินเมิ้งหยาอดที่จะชะงักไม่ได้ แต่ไหนแต่ไรมานางมิเคยทำเรื่องเกินงามอะไรต่อเขาเลย เหตุใดป๋ายหลี่อู๋เฉินจึงเกลียดชังนางนัก?
“ข้ามิได้มาที่นี่เพื่อทับถมเจ้า ตอนนี้ใกล้จะสิ้นปีแล้ว ท่านอาจารย์เป็นห่วงเจ้า เขาเลยส่งข้ามาดู”
แม้ท่านอาจารย์จะไม่เคยพูดตรงๆ แต่หลินเมิ้งหยารับรู้ได้ถึงอาการอึกอักในบ้างครั้งของเขา
แม้ป๋ายหลี่อู๋เฉินจะทำเรื่องเกินจะให้อภัย แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นญาติเพียงคนเดียวของท่านอาจารย์ ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอาจารย์เองก็ไม่หวังให้เกิดเรื่องร้ายอะไรกับป๋ายหลี่อู๋เฉิน
บางทีการที่เขาถูกคุมขังอยู่ที่นี่ก็อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด
“ฮึ เขาเป็นห่วงข้าด้วยหรือ? หากมิใช่เพราะเขา เช่นนั้นข้าจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้หรือ? พวกเจ้าอย่าได้แสร้งทำตัวเป็นคนดีเลย หากข้าตายไป คนที่จะดีใจก็คือพวกเจ้า”
หลินเมิ้งหยาส่ายหน้า นางรู้อยู่แล้วว่าป๋ายหลี่อู๋เฉินเป็นคนหัวรั้น ความเคียดแค้นปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา หากเขายังคงดื้อดึงเช่นนี้ เกรงว่าอีกไม่นานเขาคงจะต้องขุดหลุมฝังตัวเองเป็นแน่
“หากเจ้าตาย ท่านอาจารย์จะต้องเสียใจอย่างแน่นอน ป๋ายหลี่อู๋เฉิน ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเจ้าจึงเกลียดชังข้านัก แต่เจ้าอย่าลืมว่าคนที่จับตัวเจ้ามาคือหลงเทียนอวี้ คนที่เจ้าหักหลังคือหลงเทียนอวี้ ทั้งหมดนี้หาได้เกี่ยวข้องกับข้า”
หากยังต่อล้อต่อเถียงกันเช่นนี้ต่อไปก็มิได้อะไรขึ้นมา นางจะพยายามทำดีกับป๋ายหลี่อู๋เฉินให้ได้มากที่สุด
ขณะที่หมุนตัวและคิดจะจากไป คิ้วของหลินเมิ้งหยาขมวดเข้าหากันแน่น ทั้งที่ประตูเหล็กสามารถผลักออกได้อย่างง่ายดาย แต่เหตุใดตอนนี้จึงไม่ขยับเขยื้อน?
ออกแรงผลักมากขึ้น หลินเมิ้งหยาเพิ่งรู้ตัวว่าประตูเหล็กถูกลงกลอนจากด้านนอก
ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า หลินเมิ้งหยา เจ้าคงคิดไม่ถึงสินะ คงพูดได้แค่ว่าเจ้าโชคไม่ดีเอง วันนี้เป็นวันที่ข้าเตรียมจะแหกคุก แต่เจ้ากลับเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาข้าเอง”
ป๋ายหลี่อู๋เฉินหัวเราะสะใจมาจากเบื้องหลัง
หลังจากได้ยินเสียงโซ่ตรวนหล่นกระทบพื้นพื้น หลินเมิ้งหยาหันหลังไปมอง ก่อนจะได้เห็นป๋ายหลี่อู๋เฉินสะบัดข้อมือแล้วสาวเท้าเข้ามาใกล้นาง
“เพราะเหตุนี้ตอนที่ข้าจะเข้ามา องครักษ์ทั้งสองจึงไม่อยากให้ข้าเข้ามาในนี้ ที่แท้พวกเขาก็ถูกเจ้าซื้อเอาไว้แล้วสินะ”
เหงื่อผุดซึมบนร่างของหลินเมิ้งหยา แย่แล้ว เหตุใดนางจึงลืมว่าป๋ายหลี่อู๋เฉินเป็นคนที่ฉลาดที่สุดไปได้นะ ยิ่งไปกว่านั้น คนเหล่านี้ล้วนเป็นลูกน้องของเขา บางทีอาจจะมีคนสนิทของเขาอยู่ที่นี่
ดูเหมือนดวงนางจะตกจริงๆ แล้วสินะ เหตุใดต้องเข้ามาหาเขาในเวลานี้ด้วย?
“ซื้อ? เจ้าลองถามพวกเขาดูเถิดว่ามีใครคนไหนที่ไม่เคยได้รับความเมตตาจากข้าบ้าง เหตุใดท่านอ๋องจับข้ามาได้ นั่นก็เพราะข้ายินยอมให้เขาทำเช่นนั้น ตอนนี้ข้าอยากกลับออกไป เช่นนั้นจะมีใครเข้ามารั้งข้าได้?”
คำพูดของป๋ายหลี่อู๋เฉินทำให้หลินเมิ้งหยาเข้าใจแล้วว่าต้นตอของปัญหาอยู่ที่ใด
คงมิอาจปฏิเสธได้ว่าป๋ายหลี่อู๋เฉินเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่เพราะความหยิ่งทะนงทำให้เขาลืมเส้นแบ่งระหว่างคำว่าเจ้านายและลูกน้อง ส่วนหลงเทียนอวี้ เขาสามารถอดทนต่อความเย่อหยิ่งของลูกน้องได้ แต่ก็มิใช่ว่าจะต้องยอมทนจนปล่อยให้คนเหล่านี้ขึ้นมาขี่คอ
นั่นหมายความว่าป๋ายหลี่อู๋เฉินมิได้หักหลังหลงเทียนอวี้ แต่เพราะอำนาจการควบคุมของเขาแข็งแกร่งเกินไปและเขาพยายามจะควบคุมหลงเทียนอวี้
นี่คือเหตุผลที่เขาถูกคุมขัง แต่ไม่ถูกประหาร
นางโง่เหลือเกิน! เหตุใดจึงมองเรื่องนี้ไม่ออกกันนะ
“หากเจ้าคิดจะไป ข้าก็ไม่คิดห้าม แต่หลงเทียนอวี้ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่นอน เจ้ารู้ความลับของเขามากมาย เขาจะยอมปล่อยเจ้าไปได้อย่างไร”
หลินเมิ้งหยาแสดงท่าทางสงบนิ่ง นางจะต้องยื้อเวลาเอาไว้ หากคนในจวนพบว่านางหายไป พวกเขาจะต้องออกตามหานางอย่างแน่นอน
“ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก อย่าได้กลัวไปเลย แต่ข้าอยากให้เจ้าช่วยข้าหนีออกไป ท่านอ๋องชอบเจ้าออกเสียขนาดนั้น เขาจะต้องปล่อยข้าไปอย่างแน่นอน”
น้ำเสียงของป๋ายหลี่อู๋เฉินเย็นชาดุจน้ำแข็ง หลินเมิ้งหยาอดที่จะหวาดหวั่นไม่ได้ ร่างบางขยับเข้าหากำแพงเย็นชื้นโดยไม่รู้ตัว สายตาระแวดระวังเหลือบมองทางชายตรงหน้า
“ข้าขอเตือนว่าอย่าเข้าใกล้ข้าจะดีกว่า เจ้าเองก็รู้ว่าข้าเพิ่งร่ำเรียนวิชามาจากท่านอาจารย์ หากเจ้าบีบบังคับข้า เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าใจร้ายเลย”
อันที่จริงนางพูดเรื่องนี้ออกมาอย่างไร้ความมั่นใจ ท่านอาจารย์เคยเล่าให้ฟังว่าป๋ายหลี่อู๋เฉินมีไข่มุกปราบยาพิษติดตัว พิษธรรมดามิอาจแล่นเข้าร่างเขาได้ แต่ถึงกระนั้นดวงตาของเขาก็ปรากฏร่องรอยของความกลัว
สุดท้ายทุกคนบนโลกนี้ก็ล้วนกลัวความตายสินะ
“ฮึ เจ้าคิดหรือว่าตนเองจะหนีออกจากห้องขังนี้ได้? ข้าจะบอกความจริงเจ้าให้ก็ได้ ห้องขังนี้ถูกสร้างขึ้นจากเหล็กกล้า ไม่ว่ามีดหรือปืนก็มิอาจทำอะไรมันได้ แม้แต่แผ่นดินไหวก็ยังมิอาจสร้างความสั่นสะเทือน”
หลินเมิ้งหยาเชื่อคำพูดนี้อย่างหมดใจ ดังนั้นจึงทำได้เพียงหยักยิ้มขมขื่นในใจ
ดูเหมือนนางจะมีพรสวรรค์ด้านความซวยจริงๆ เลย ไม่ว่าไปที่ใดก็ล้วนเกิดเรื่อง
“เจ้าอยากจับข้าเป็นตัวประกันมิใช่หรือ? ได้ ข้าจะเปิดทางให้เจ้า แต่เจ้าต้องดูแลความปลอดภัยของข้า หากข้าได้รับบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย เจ้าคงไม่สามารถหนีออกไปจากที่นี่ได้”
หลินเมิ้งหยาคิดดีแล้ว แม้ป๋ายหลี่อู๋เฉินจะพูดจาว่าร้ายนางต่างๆ นานา แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เพียงแค่อยากหนีออกไปจากที่นี่ เกรงว่าเขาจะต้องใช้ประโยชน์จากนางก่อน จากนั้นนางอาจจะไม่สามารถมีชีวิตต่อไปได้
“สมแล้วที่พระชายาเป็นคนฉลาด เข้ามา เปิดประตูห้องขังให้ข้า เชิญพระชายานำเสด็จเลยพ่ะย่ะค่ะ”
สายตาเย็นชาจับจ้องหลินเมิ้งหยาเขม็ง ไม่ต่างอะไรจากดวงตาของงูพิษ
หลงเทียนอวี้ย่ามใจจนเกินไป
ป๋ายหลี่อู๋เฉินจะต้องลงมือปลิดชีวิตนางแน่ นางจะมั่วนิ่งนอนใจไม่ได้ นางรู้จักทฤษฎีการแย่งชิงลงมือก่อนดี
“เจ้าเดินนำหน้าข้าสิ วางใจเถิด ลูกน้องของเจ้าคอยจับตาดูข้าอยู่ ข้าไม่มีทางทำอะไรได้อยู่แล้ว เจ้าอยู่ด้านหลังข้าเช่นนี้ ข้ากลัวว่าตัวเองจะถูกเจ้าแว้งกัดเอาได้”
หลินเมิ้งหยาจ้องหน้าเขากลับ ส่งเสียงเย็นชา
รอยยิ้มแข็งทื่อปรากฏบนใบหน้าของป๋ายหลี่อู๋เฉิน ดูเหมือนชายาอวี้จะไม่รู้สึกถึงความปลอดภัยแล้วจริงๆ แม้ว่าร่างกายของเขาจะซูบผอมเช่นนี้ แต่นางก็ยังคงไม่วางใจ
จวนอวี้หาใช่สถานที่ที่เขาคิดจะเข้ามาก็สามารถเข้ามาได้ หลินเมิ้งหยายังคงคิดว่าหลงเทียนอวี้ไม่มีทางปล่อยเขาไปง่ายๆ อย่างแน่นอน
“เชิญ ชายาอวี้”
ป๋ายหลี่อู๋เฉินยืนอยู่ด้านนอกห้องขัง ส่งเสียงแข็งกร้าว
ด้านนอกมีคนไม่คุ้นหน้าจำนวนมากห้อมล้อมเขาเอาไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่หลินเมิ้งหยาได้เห็นคุกใต้ดินอันว่างเปล่าเต็มไปด้วยผู้คนเช่นนี้
คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น คนเหล่านี้มาเพียงเพื่อปกป้องพาป๋ายหลี่อู๋เฉินหนีเท่านั้นหรือ?
คนเหล่านั้นเห็นว่านางไม่ขยับ จึงคิดจะเข้ามาดึงตัวนาง แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่านางจะออกแรงสะบัด ดวงตาคู่สวยกวาดมองด้วยความเย็นชา
“พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์แตะต้องตัวข้า ไสหัวไป”
ส่งเสียงแข็งกร้าวระคนข่มขู่ มือของคนเหล่านั้นจึงหดกลับไป
คนบางคนแม้ภายนอกจะดูอ่อนแอ แต่แท้จริงแล้วกลับมีท่าทางน่าเกรงขาม
ประกายบางอย่างปรากฏขึ้นในดวงตาของป๋ายหลี่อู๋เฉิน
หลินเมิ้งหยาตัวดี ตอนแรกเขาอยากทำให้นางต้องแปดเปื้อน แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงทีเช่นนี้
เยื้องย่างออกไป หลินเมิ้งหยาเดินออกจากคุกด้วยความคุ้นเคย
ดูเหมือนป๋ายหลี่อู๋เฉินต้องการเพียงจะหนีออกไปจากที่นี่ ดังนั้นแม้คนในคุกจะเป็นศัตรูของหลงเทียนอวี้ แต่เขากลับไม่ปล่อยคนเหล่านั้นออกมาแม้แต่คนเดียว
“หยุด! จางเหลียง! เจ้าคิดจะทรยศท่านอ๋องจริงๆ หรือ?”
เสียงโกรธเกรี้ยวดังขึ้น ฝีเท้าของทุกคนจึงหยุดชะงัก หลินเมิ้งหยาหันไปมอง ก่อนจะได้เห็นใบหน้าของหลินขุยอย่างชัดเจน
ครุ่นคิด จะต้องมีข่าวรั่วไหลออกไปอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรพวกเขาก็เคยเป็นสหายที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา เรื่องบางเรื่องพวกเขาสามารถมองออกอย่างง่ายดาย
ชายใบหน้าดำคล้ำที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดของป๋ายหลี่อู๋เฉินเผยให้เห็นความเจ็บปวด
พวกเขารักกันเปรียบเสมือนพี่น้อง แต่การหนีไปของพวกเขาในวันนี้มิต่างอะไรจากการตัดพี่ตัดน้องกับมิตรสหายของตนเอง
“หลินขุย เจ้ายังคงซื่อสัตย์และจริงใจมิเปลี่ยนแปลง ช่างเถิด หากเจ้าลำบากใจ เจ้าจงไปเสียเถิดจางเหลียง”
ป๋ายหลี่อู๋เฉินไม่คิดรั้งเอาไว้ ชายหน้าดำที่ชื่อจางเหลียงหันไปมองป๋ายหลี่อู๋เฉิน ก่อนจะส่ายหน้า
“ข้าน้อยไม่ไปหรอกขอรับ หากตอนนั้นท่านป๋ายหลี่มิได้ช่วยชีวิตข้าน้อยเอาไว้ ป่านนี้ข้าน้อยคงถูกทิ้งตายบนกองทราย หลินขุย แม้พวกเราจะรักกันเหมือนพี่น้อง แต่ข้าต้องตอบแทนพระคุณ จากนี้ไปเจ้าจงถือเสียว่าไม่เคยมีพี่น้องเช่นข้าเถิด”
หัวใจของหลินเมิ้งหยารู้สึกหนักอึ้ง นางรู้ได้ทันทีว่าคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นคนมีความสามารถของหลงเทียนอวี้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังมีความเชื่อใจให้แก่กัน
ทว่าวันนี้พวกเขาต้องเลือกที่จะหันปลายดาบเข้าหามิตรสหายเพราะป๋ายหลี่อู๋เฉิน
ช่างน่าเวทนายิ่งนัก
“เจ้า….น่าเสียดายที่ท่านอ๋องเชื่อใจเจ้า วันนี้หากเจ้าคิดจะออกไปจากที่นี่ เช่นนั้นจงข้ามศพข้าไปก่อนเถิด”
หลินขุยยกดาบขึ้นหันมาทางคนที่เคยเป็นดั่งพี่น้อง บรรยากาศเริ่มกดดัน สายตาของทุกคนเผยให้เห็นความเจ็บปวด
“ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าเลย เข้ามาเถิดพี่หลิน พวกเราเองมิได้ประมือกันสิบกว่าปีแล้วนี่!”
เสียงของจางเหลียงแฝงไว้ซึ่งความมุ่งมั่น หัวใจของหลินเมิ้งหยาเสมือนถูกบีบรัด
ไม่ได้! คนพวกนี้จะมาเข่นฆ่ากันเช่นนี้ไม่ได้!