Ep.563 – มอนสเตอร์

 

ภายในเกาะหมอก

 

จอมมารทะเลเลือดได้ใช้เทคนิคมนตราแกะรอย และหายตัวไป

 

แต่ซูเซี่ยเอ๋อเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอาจารย์ของตัวเองจะไปที่ไหน

 

เธอได้แต่เฝ้ามองดูม่านแสงที่กำลังจะเลือนหายไปอย่างไม่ยินยอม

 

จวบจนถึงตอนนี้ เธอก็ยังนั่งดูประสบการณ์ที่กู่ฉิงซานพบเจอ

 

หลอกลวง 800 ผู้เข้าสู่วิถีมาร และถูกบีบให้ต้องเผชิญหน้ากับราชามารวิญญาณมรณะระหว่างทางขึ้นเขา ขณะเดียวกันก็ถูกรายล้อมไปด้วยผู้เข้าสู่วิถีมารมากกว่า 200 ล้าน

 

เธอเฝ้ามองดูเขาแหกวงล้อม เฝ้าดูเขาวิ่งขึ้นเข้าไปในถ้ำน้ำแข็ง และดูราชามารวิญญาณมรณะถูกภูเขาของทวยเทพสังหารไป

 

จนมาถึงช่วงที่ม่านแสงเริ่มจะจางหาย ซึ่งเป็นฉากที่กู่ฉิงซานกำลังทำอาหารให้กับลอร่า

 

ซูเซี่ยเอ๋อมองไปยังอาหารร้อนๆในจาน และเริ่มรู้สึกหิวเล็กน้อย

 

ถ้าเธอได้อยู่ด้วยกันกับเขาเหมือนลอร่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตตัวเอง ซูเซี่ยเอ๋อรู้สึกว่าเธอก็คงจะไม่เสียใจ

 

แต่น่าเสียดาย … ที่เธอทำผิดพลาดไป

 

“เจ้าสามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา … ”

 

“เจ้าจะยังสามารถอยู่ในโลกของทริสเต้ได้ต่อไป … ”

 

“ในระหว่างการต่อสู้ นี่แหละคือช่วงเวลาที่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของกันและกัน … ”

 

ย้อนนึกไปถึงคำสอนของจอมมารทะเลเลือด ซูเซี่ยเอ๋อก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า

 

“ฉันนี่มันช่างงโง่เง่าเสียจริง … ”

 

ซูเซี่ยเอ๋อส่ายของเธอ ปากเอ่ยกระซิบเบาๆ

 

เธอนั่งเฉยๆอยู่สักพัก พยายามวิเคราะห์ลักษณะการต่อสู้ของกู่ฉิงซาน

 

อันที่จริงแล้วเขาไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่หรอก

 

หากตัดสินจากความแข็งแกร่งปกติของเขา ตราบใดที่ตนเองมีเวลามากพอที่จะเตรียมใช้ออกด้วยเทคนิคมนตรา ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงทีเดียวที่เธอจะโค่นเขาลงได้

 

แต่เขาก็แข็งแกร่งอยู่นะ เพราะเขาสามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามที่ทรงพลังนับสิบได้ในไม่กี่ลมหายใจ

 

และคนเหล่านั้นก็ไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้โจมตีเลยด้วยซ้ำ

 

แถมภายในวิหาร มากกว่า 800 ผู้เข้าสู่วิถีมารยังถึงขั้นกล่าวขอบคุณ เมื่อเขาจากไป

 

ราชามาร ปญมบทแห่งความโกลาหลก็ยังไม่สามารถจับตัวเขาได้

 

กระทั่ง 200 ล้านผู้เข้าสู่วิถีมารก็ไม่อาจหยุดเขา

 

เขาสามารถทำลายทุกเหตุและผล แตกต่างกับความแข็งแกร่งที่ตนมีโดยสิ้นเชิง

 

ซูเซี่ยเอ๋อเมื่อคิดไปถึงตอนที่กู่ฉิงซานแสดงละครหลอกลวงผู้คนอย่างจริงจัง เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

 

เธอเงียบไปสักพักหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้น และเดินออกจากห้อง

 

เดินไปตามถนนที่ยาวจนสุดสายของกรมบังคับกฏ จะพบกับประตูสีดำเล็กๆบานหนึ่ง

 

ซูเซี่ยเอ๋อยืนอยู่หน้าประตูบานสีดำ เธอลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็หยิบกุญแจออกมา

 

มองไปยังกุญแจในมือ เธอก็ย้อนนึกไปถึงคำพูดของจอมมารทะเลเลือด

 

“เซี่ยเอ๋อ ห้องนี้คือห้องที่ข้าสร้างมันขึ้นมาด้วยตนเอง เพื่อใช้ทดสอบผู้ใช้ไพ่ระดับที่ปรึกษา”

 

“แต่ทางสถาบันก็มีการประเมินทดสอบในส่วนนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”

 

“การประเมินของพวกมันเป็นแบบดั้งเดิมที่ถูกใช้มาซ้ำๆอย่างยาวนานตั้งแต่เมื่อ 10000 ปีมาแล้ว มันได้ล้าสมัยไปแล้ว”

 

“เซี่ยเอ๋อ ยามใดที่เจ้ารู้สึกว่าตนเองแข็งแกร่งมากพอ ก็ขอให้ใช้กุญแจดอกนี้ แล้วเปิดประตูเข้าไปข้างในซะ”

 

“เมื่อเจ้าสามารถบรรลุการทดสอบระดับที่ปรึกษาได้ ข้าจะอนุญาตให้เจ้าลงไปในทะเลเลือด และทำสัญญากับเหล่าตัวตนที่อยู่ภายในนั้น”

 

“อ๊า! จริงๆหรอท่านอาจารย์? หนูสามารถทำสัญญากับพวกเขาได้จริงน่ะหรอ?”

 

“แน่นอน ตราบใดที่เจ้าสามารถผ่านการทดสอบไปได้”

 

 

ซูเซี่ยเอ๋อไม่ลังเลอีกต่อไป  เธอไขกุญแจบานประตูสีดำที่ถูกล็อคอยู่ตลอดมา

 

หลังจากที่พานพบประสบการณ์เฉียดตายในระหว่างการต่อสู้ และถูกเทคนิคมนตราของจิตวิญญาณพฤษาศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างจุดอ่อนของตนเอง ความแข็งแกร่งของซูเซี่ยเอ๋อก็เพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก

 

ตอนนี้ เธอสามารถรับมือกับการทดสอบระดับที่ปรึกษาได้แล้ว

 

“ฉิงซาน รอฉันก่อนนะ”

 

ซูเซี่ยเอ๋อกระซิบเบาๆ ก่อนจะผลักบานประตูเข้าไป

 

อีกด้านหนึ่ง

 

กู่ฉิงซานยืนอยู่บนยอดตึกปะการังทรงสูง และมองออกไปข้างหน้า

 

ปะการังหนาแน่นบดบังวิสัยทัศน์ของเขาก็จริง แต่มันไม่สามารถหยุดจิตสัมผัสเทวะของเขาได้

 

ด้วยขอบเขตประทับเทพขั้นปลายของตน ส่งผลให้กู่ฉิงซานสามารถมองเห็นถึงปลายทางที่ไกลออกไปตามเส้นถนนได้อย่างชัดเจน

 

มันเป็นจตุรัสขนาดใหญ่ ที่ปกติแล้วดูเหมือนว่าจะถูกใช้ในการชุมนุมและกิจกรรมขนาดใหญ่ เพียงพอที่จะรองรับผู้คนนับหมื่น

 

แต่ตอนนี้ กลับปรากฏร่างศพคนตายกำลังเดินตรงไปยังที่นั่นจากทุกทิศทาง

 

ร่างศพนับพันต่างพากันเดินเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ตรงไปยังจตุรัสด้วยรอยยิ้มแปลกๆที่แขวนอยู่บนใบหน้า

 

ภายในจตุรัส มีมอนสเตอร์ที่เพียงแค่มองก็ทำให้รู้สึกหวาดกลัวเข้าไปในจิตใจกำลังยืนรอพวกเขาอยู่

 

ร่างของมันคล้ายกับยอดเขาสีดำทะมึน ที่คอยแผ่กลิ่นอายกำกวมยากจะอธิบายออกมา

 

แม้ว่ามอนสเตอร์ตนนี้จะดูเงอะงะ ทว่าสัญญาณเตือนในหัวใจของกู่ฉิงซานมันกลับร้องดังขึ้นทุกทีๆ

 

เห็นแค่เพียงศพทั้งหมดพากันเดินเข้าไปในร่างของมอนสเตอร์ตัวนั้น ก่อนจะถูกหลอมละลายเข้ากับกายสีดำของมัน

 

และเมื่อใดก็ตามที่ศพเข้าสู่ร่างของมอนสเตอร์ กายสีดำของมันก็จะมีใบหน้าของศพๆนั้นผุดขึ้นมา

 

เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป ใบหน้าก็เริ่มผุดขึ้นตามตัวมันมากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ 

 

แต่ละใบหน้าล้วนแสดงออกถึงความสุข

 

นี่มันไม่ใช่เป็นแค่มอนสเตอร์ธรรมดาๆแล้ว แต่กระทั่งรสนิยมในการสะสมของมันก็ยังน่าขยะแขยงเป็นอย่างยิ่ง!

 

ก่อนที่เขาจะมาถึง กู่ฉิงซานแน่นอนว่าย่อมค้นพบถึงตัวตนของมอนสเตอร์ตัวนี้ด้วยจิตสัมผัสเทวะของเขา นอกจากนี้ยังมีศพมากมายที่เดินเข้าไปหามันอีก ด้วยเหตุนี้เอง เขาถึงเลือกที่จะไม่นำลอร่ามา

 

“ทำไมฉันถึงรู้สึกไม่ดีมากขนาดนี้กันแน่นะ … ”กู่ฉิงซานกระซิบแผ่วเบา

 

ทันทีที่เสียงของเขาตกลง เห็นแค่เพียงมอนสเตอร์ที่คล้ายกับยอดเขาสีดำหยุดกึกลงอย่างกระทันหัน

 

ก่อนที่มันจะหันขวับมาทางกู่ฉิงซาน

 

หากคิดตามสามัญสำนึกทั่วๆไปแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะมองเห็นกู่ฉิงซาน เนื่องจากมีตึกปะการังมากมาย คอยบดบังตัวเขาอยู่

 

ทว่ามอนสเตอร์สีดำก็ยังคงมองมายังทิศทางของกู่ฉิงซาน

 

มันหยุดนิ่งอยู่อย่างเงียบๆ

 

ทันใดนั้นเอง เหล่าใบหน้าที่แขวนไว้ตามตัวของมอนสเตอร์ก็อ้าปาก และเปล่งเสียงพร้อมกันว่า “เจ้ามาสายไปนะ”

 

ในสายตาของกู่ฉิงซาน เขายังคงถูกบดบังโดยตึกปะการังนับไม่ถ้วน

 

อย่างไรก็ตาม ตัวเองกลับสัมผัสว่ามีกลิ่นอายแปลกๆ เข้ามาล็อคตัวเขาเอาไว้

 

กู่ฉิงซานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

 

ถึงแม้ว่าเขายังไม่ได้ใช้ออกด้วยวิชาลับยับยั้งลมหายใจ ทว่าตนก็รวบรวมกลิ่นอายเอาไว้จนเกือบจะหมดสิ้น แต่ใครจะไปรู้กัน ว่ามันดันสามารถได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาของเขาได้

 

“โห? แต่ฉันยังไม่รู้เลยนะ ว่าไอ้ที่บอกว่าสายน่ะ ฉันพลาดอะไรไป?” กู่ฉิงซานผุดลุกขึ้นและกล่าว

 

“พิธีกรรมได้สิ้นสุดลงแล้ว และผีแห่งความอลหม่านได้กลายเป็นวิญญาณร้ายนับไม่ถ้วนจากปรภพ นำพาทุกสิ่งมีชีวิตในสถานที่แห่งนี้มาให้ข้า ” ทุกใบหน้าบนตัวของมันเปิดปากพูดพร้อมกัน

 

“งั้นแกก็ไม่ใช่ผีแห่งความอลหม่านน่ะสิ – แกเป็นตัวอะไรกันแน่?”

 

“รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก นั่นเพราะเดี๋ยวเจ้าก็จะกลายเป็นปุ๋ยอยู่แล้วอย่างไรล่ะ!” มอนสเตอร์สวนกลับ

 

เพียงแค่เสียงของมันตกลง ตลอดทั้งจตุรัสก็หายวับไป และถูกแทนที่ด้วยหลุมลึก!

 

มันเป็นหลุมลึกที่ไม่สามารถมองเห็นเบื้องล่างได้

 

กู่ฉิงซานพยายามปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะลงไปเบื้องล่าง แต่เขากลับไม่สามารถค้นพบถึงก้นหลุมได้เลย

 

ไม่เพียงหลุมลึกที่ปรากฏขึ้น ขณะเดียวกัน มอนสเตอร์ก็หายไปเช่นกัน

 

ในหัวใจของกู่ฉิงซานสัมผัสได้ถึงลางไม่ดี เขาจึงเร่งระเบิดพลังวิญญาณจากทั่วทั้งร่างกายทันที

 

เทคนิคดาบเอ๋ย จงตื่นขึ้น!

 

เทคนิคลับแห่งดาบ กระแสธารอันยิ่งใหญ่!

 

บนดาบบินทั้งสอง ปรากฏรังสีดาบอันไพศาล เปล่งประกายคล้ายกับดวงดาราขนาดยักษ์ พรั่งพรูออกมาราวกับเขื่อนแตก

 

ในเวลาเดียวกัน กู่ฉิงซานก็ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยที่จะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เล่ยเดี๋ยน

 

“-กระจายตัวออกไป!”

 

สองน้ำท่วมหลากบรรจบรวมเข้าด้วยกัน ทะลวงขึ้นไปบนฟากฟ้า และร่วงตกลงมาราวกับทุ่งน้ำแข็งอันกว้างใหญ่

 

เมื่อสกิลดาบถูกปลดปล่อยออกมา กู่ฉิงซานก็หายวับไปจากตำแหน่งเดิมทันที

 

“อ๊ากกกกกกกกกก!”

 

บังเกิดเสียงกรีดร้องนับไม่ถ้วนดังขึ้นในเวลาเดียวกัน

 

ในชั่วพริบตา มอนสเตอร์ทะมึนก็ข้ามผ่านตึกปะการังที่กีดขวาง โผล่เข้ามาในตำแหน่งเดิมที่กู่ฉิงซานเคยหยุดยืนอยู่โดยตรง

 

มันถูกรังสีดาบดั่งเขื่อนแตก ร่วงตกกระแทกเข้าใส่ และนิ่งงันเป็นเวลาสามวินาที

 

“เจ้าไม่อาจพ้นเงื้อมมือข้าไปได้!”

 

ใบหน้านับไม่ถ้วนบนตัวมอนสเตอร์ตะโกนขึ้นพร้อมกันด้วยความโกรธแค้น

 

มันค่อยๆลอยขึ้นอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเร่งบินข้ามผ่านผืนดิน ไล่ตามติดกู่ฉิงซานไป

 

ตึกใต้ร่างของมอนสเตอร์ ซึ่งเป็นตึกปะการังเดิมที่กู่ฉิงซานเคยแอบอยู่ บัดนี้แตกละเอียดจะสิ้น ทิ้งไว้เพียงเศษเปลือกหอยเล็กๆที่ยังหลงเหลืออยู่เท่านั้น

 

พอสัมผัสได้ถึงฉากดังกล่าว สีหน้าของกู่ฉิงซานเริ่มจะหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ

 

มอนสเตอร์ตนนี้ สามารถทะลวงผ่านตึกปะการังนับไม่ถ้วน และพยายามที่จะโถมเข้าห่อหุ้มตัวเขาในคราเดียว

 

ขณะที่สิ่งที่ถูกมันจับได้ จะถูกกัดกร่อนและกลืนกินไปเลยโดยตรง!

 

ไม่ใช่แค่เคลื่อนย้ายได้ในพริบตา แต่ยังสามารถกลืนกินทุกอย่างที่สัมผัส มันสามารถครอบครองสกิลเหล่านี้ได้พร้อมๆกันเลยอย่างงั้นหรือ?

 

หากมีสกิลใดสกิลหนึ่งมันก็คงจะธรรมดา ทว่าหากใช้รวมกันแล้วมันทรงพลังไม่น้อยเลยจริงๆ

 

หากเขาเลือกที่จะป้องกันมิใช่หลบเลี่ยงแบบในตอนนี้แล้วล่ะก็ .. ทุกอย่างคงจบลงตั้งแต่การโจมตีครั้งแรกไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องบอกบรรยายใดๆถึงครั้งที่สองอีก

 

กู่ฉิงซานหยุดอยู่เหนือผืนฟ้า

 

ในระยะไกลออกไปเบื้องล่างเขา มอนสเตอร์ทะมึนยังคงไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ

 

ดูเหมือนว่าการเคลื่อนย้ายพริบตาหรือที่เรียกสั้นๆว่าวาร์ปของมัน จะต้องมีช่วงระยะที่แน่นอนเสียก่อน จึงจะสามารถใช้ออกได้

 

“ดาบพิภพ เจ้าสิ่งนั้นเป็นผีรึเปล่า?”

 

“ไม่ใช่ แต่ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือสิ่งใด เพราะข้าไม่เคยพบเห็นมันมาก่อนเลย”

 

“ขนาดเจ้าเองก็ยังไม่เคยพบเห็นมันมาก่อนงั้นหรือ … น่าสนใจดีนี่”

 

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้วววว!

 

กู่ฉิงซานกุมดาบพิภพในมือ และสับคมกล้าของมันลงไปยังผืนดินเบื้องล่างอย่างไม่รู้จบ

 

เห็นแค่เพียงรังสีดาบสีนวลผ่องดั่งแสงจันทร์ ตัดข้ามผ่านผืนฟ้าอันกว้างใหญ่ โถมเข้าใส่มอนสเตอร์ยอดเขาทะมึน

 

ตัดจันทรา —ฟันต่อเนื่องเก้าครั้ง!

 

มอนสเตอร์ทะมึนสาดสายตามองรังสีดาบอันร้ายแรงนี้ และหายวับไปในทันที

 

เฝ้ารอจนกระทั่งรังสีดาบพุ่งผ่านไป มันจึงค่อยปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

 

คิ้วของกู่ฉิงซานขมวดเข้าหากัน

 

เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่มันเลือกที่จะซ่อนตัวอยู่ในความว่างเปล่า และเมื่อรังสีดาบทั้งหมดบินผ่านไป มันก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งทันที

 

นี่มันเป็นความสามารถ ‘ มิติหลบเลี่ยง’ อันหาได้ยากยิ่ง!

 

ครอบครองทั้งพลังวาร์ป พลังกลืนกิน และมิติหลบเลี่ยง สามสกิลที่แสนจะทรงพลังนี้จู่ๆก็ปรากฏขึ้นในตัวมอนสเตอร์ตัวเดียวอย่างกระทันหัน!

 

“ระวังไว้หน่อยก็ดีนะ มันไม่ธรรมดาเลย” ดาบพิภพเตือน

 

“ข้าพอจะรู้อยู่หรอกว่ามันครอบครองความสามารถมากมาย แต่ข้าเองก็ไม่ต้องการที่จะจบลงเช่นนี้เหมือนกัน!” กู่ฉิงซานงึมงำ

 

มืออีกข้างวาดออกไปในอากาศที่ว่างเปล่า คว้ากุมจับดาบเช่าหยินอย่างแม่นมั่น

 

ยามมือดาบทั้งสองถูกกุมไว้ในมือ นั่นบ่งบอกได้ว่า กู่ฉิงซานได้เอาจริงแล้ว!