ตอนที่ 23 ส่งอาหารให้พี่สาวใหญ่

เมื่อถึงวันที่สองของการส่งมอบอาหาร หัวหน้าหมู่บ้านก็ได้ทำการแบ่งอาหารแล้ว

เย่ฉูฉู่ไม่ได้ไปร่วมสนุกกับคนอื่น ๆ เพียงไม่นานจ้าวเหวินเทา พี่รองจ้าวและคนอื่น ๆ ก็เข็นรถลากที่ใส่อาหารของครอบครัวตัวเองกลับมา

ในนั้นมีอาหารอัดแน่นเต็มไปหมด ทำให้ทุกคนดีใจแทบแย่

“คุณย่า คืนนี้พวกเราจะได้กินของดีใช่ไหมครับ?!” เถี่ยต้านหลานชายคนโตพูดด้วยความดีใจ

หลูต้าน หม่าต้านและคนอื่น ๆ ก็มองคุณย่าของพวกเขาอย่างรอคอย แน่นอนว่ายังมีสาวน้อยต้าหยา เอ้อร์หยาและคนอื่น ๆ ด้วย ทว่าพวกเธอต่างก็ไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไร

“ตกลง งั้นคืนนี้กินบะหมี่ก็แล้วกัน!” คุณแม่จ้าวพูดด้วยรอยยิ้ม

 

เป็นเพราะเห็นอาหารมากขนาดนี้ นางจึงอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง อีกอย่างการเก็บเกี่ยวข้าวสาลีในปีนี้ แต่ละครัวเรือนก็ได้ส่วนแบ่งเส้นหมี่มาส่วนหนึ่งด้วย นั่นก็ถือว่าได้กินของดีไม่ใช่เหรอ?

เมื่อเทียบกับข้าวโพดบดและมันเทศ บะหมี่ย่อมอร่อยมากอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเด็ก ๆ จึงดีใจมาก

 

แน่นอนว่าต่อมาก็ต้องนำอาหารเก็บเข้ายุ้ง ส่วนแบ่งปีนี้ได้มันเทศมาไม่น้อย จึงต้องเลือกมันเทศออกมาด้วย

ส่วนที่มีผิวถลอกอยู่ได้ไม่นานก็จะนำออกมากินก่อน ไม่ก็นำไปต้มหรืออาจทำเป็นมันเทศอบแห้ง ส่วนที่ถูกเก็บเกี่ยวอย่างดี ก็เก็บไว้ในห้องใต้ดิน สามารถเก็บได้นานและไม่เน่าเสีย

ส่วนธัญพืชหยาบอย่างเมล็ดข้าวโพด เมล็ดข้าวฟ่างและอื่น ๆ อาหารพวกนี้ถูกตากแดดจนแห้งแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะเน่าเสีย

 

อาหารภายในบ้านคุณแม่จ้าวเป็นคนดูแลทั้งหมด หลังจากนางจัดระเบียบไว้อย่างดีแล้วก็พูดเหมือนอย่างเคย “เหวินเทา เอาอาหารบางส่วนไปส่งให้พี่สาวใหญ่กับพี่สาวห้าของแกหน่อย!”

หลังจากแจกจ่ายอาหารใหม่ในทุกทุกปี ทางบ้านก็จะส่งอาหารไปให้พี่สาวใหญ่จ้าวและพี่สาวห้าจ้าวด้วย ซึ่งจ้าวเหวินเทาจะเป็นคนนำไปส่งให้ตลอด ดังนั้นมันจึงไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนแต่อย่างใด เพราะทั้งบ้านมีแค่น้องสามีคนเล็กนี่แหละที่ขี่จักรยานเป็น

จ้าวเหวินเทาย่อมเต็มใจอยู่แล้ว เขาพูดพร้อมหัวเราะหึ ๆ “ได้เลย งั้นผมไปยืมจักรยานของคุณลุงก่อนนะครับ!”

เขาเองก็จะได้ไปซื้อเหล้าที่ในเมืองกลับมาบ้านสักขวดด้วย หากถึงเวลาจะได้นำไปเชื่อมสัมพันธ์กับไช่ซื่อหู่ อีกอย่างเขารู้สึกว่าโอกาสที่ไช่ซื่อหู่จะเปิดเผยเรื่องการซื้อขายกับเขาคงมีไม่มากขนาดนั้น บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสของเขาก็ได้ใครจะไปรู้

แต่ในกระเป๋าของเขาไม่มีเงินเลย แน่นอนว่าต้องไปขอภรรยาของเขาอยู่แล้ว

เงินจากการขายโสมป่ายังคงอยู่และไม่ได้แตะจนถึงตอนนี้

เย่ฉูฉู่กำลังเย็บผ้าห่มอยู่ ก่อนหน้านี้ไม่มีเวลาให้ทำ ตอนนี้ว่างจากการทำนาแล้ว จึงต้องใช้เวลานี้ เพราะอีกไม่นานก็จะเข้าฤดูหนาวแล้ว ตอนนี้อากาศแต่ละวันก็มีการเปลี่ยนแปลง

เหวินเทาของเธอยื่นหน้าเข้ามาหา เย่ฉูฉู่ไม่ทันได้ตั้งหลักจึงหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา แต่พอทราบว่าเขามาขอเงิน เธอจึงกลอกตาใส่โดยพลันพร้อมกล่าวว่า “คุณเองก็รู้ว่าฉันเก็บไว้ที่ไหน จะมาขอจากฉันทำไมคะ?”

“มันเหมือนกันที่ไหนกันล่ะครับ เงินต้องผ่านมือภรรยาของผมสิถึงจะถูก ผมไปหยิบเองได้ยังไงกัน” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยรอยยิ้ม

เย่ฉูฉู่รู้สึกหวานชื่นอยู่ภายในใจ หลังจากหัวเราะออกมาเธอก็หยิบเงินสิบหยวนให้เขา

จ้าวเหวินเทามองภรรยาที่นำเงินสิบหยวนให้ตนเอง ซึ่งไม่ได้ให้เขาแค่ไม่กี่เหมา จึงแอบยิ้มอยู่ภายในใจ เธอไม่กลัวว่าเขาจะนำเงินไปแอบกินคนเดียวเลยจริง ๆ สินะ

 

เพิ่งคิดได้เช่นนี้ เขาก็พบว่าภรรยาของตนเองหยิบคูปองเนื้อและคูปองข้าวที่เหลือจากคราวก่อนให้เขา กล่าวว่า “คุณไปหาของอร่อย ๆ กินที่ร้านอาหารสักหน่อยนะคะ”

 

ช่วงหลายวันมานี้เขาช่างลำบากจริง ๆ แค่เก็บเกี่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็เหนื่อยมากแล้ว ในขณะที่เธอยังมีเวลาได้พักผ่อน เช่นเวลาประจำเดือนมาก็ยังได้หยุดอยู่บ้าน ซึ่งปกติก็จะสลับกับพวกพี่สะใภ้เพื่อพักผ่อน แต่พวกเขาเป็นผู้ชายทำแบบนั้นไม่ได้ ต้องทำงานตั้งแต่ต้นจนจบ

ส่วนอาหารที่อยู่ในบ้านก็เป็นแบบนี้แหละ ถ้าไม่ใช่ข้าวโพดบดก็เป็นบะหมี่มันเทศ กินจนเลี่ยนเต็มทีแล้ว

 

จ้าวเหวินเทารู้สึกตื่นตันใจขณะมองภรรยาคนนี้ เธอวางเขาอยู่ในใจของเธอจริง ๆ

“งั้นผมไม่เกรงใจภรรยาแล้วนะครับ?” จ้าวเหวินเทาพูด เขาเองก็อยากรับประทานซาลาเปาไส้เนื้อลูกใหญ่ในเมืองจริง ๆ

“อื้อ” เย่ฉูฉู่เก็บเงินส่วนที่เหลือเรียบร้อยแล้ว เธอก็กลับมาเย็บผ้าห่มต่อ

ส่วนจ้าวเหวินเทานั้น หลังจากกินอาหารเที่ยงแบบง่าย ๆ ก็ปั่นจักรยานออกเดินทาง

การปั่นจักรยานจากในชนบทเข้าไปในเมืองต้องใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง

ก่อนอื่นต้องเดินทางไปหาพี่สาวใหญ่ของเขาที่ทิศเหนือของเมืองก่อน

สามีของพี่สาวใหญ่ทำงานอยู่ที่สำนักงานทรัพยากรน้ำ รับผิดชอบเรื่องขุดบ่อ โดยปกติจะไม่อยู่บ้าน ภายในบ้านก็จะมีพี่สาวใหญ่ของเขา หลานชายหลานสาวสี่คน แน่นอนว่ามีพ่อแม่สามีด้วย

“พี่สาวใหญ่!” จ้าวเหวินเทาตะโกนเรียก

“น้องชายลูกสะใภ้เหรอ?” คนที่เดินออกมาไม่ใช่พี่สาวใหญ่จ้าว แต่เป็นแม่สามีของหล่อน นางเป็นหญิงชราเท้าเล็ก ใบหน้าเต็มไปด้วยความฉลาดหลักแหลม

“คุณป้า ช่วงนี้ร่างกายดูแข็งแรงเชียวนะครับ?” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยรอยยิ้ม

แม่เฒ่าหวังเองก็รู้ดีว่าช่วงนี้เป็นวันอะไร ครั้นเห็นว่าท้ายจักรยานมีถุงกระสอบ รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าก็ยิ่งมีมากขึ้น นางพูดด้วยรอยยิ้ม “สบายดี ๆ วันมะรืนเจิ้นซิงกับพวกจงหัวก็กลับมาแล้ว ให้น้าสะใภ้เล็กได้เห็นหน้าค่าตาสักหน่อย!”

“วันนี้เจิ้นซิงกับจงหัวแล้วก็หรงหรงไปโรงเรียนกันหมดเลยสินะครับ?” จ้าวเหวินเทาจอดจักรยาน ระหว่างที่แกะเชือกที่มัดอยู่บนถุงกระสอบก็ถามไปพลาง

 

“เจิ้นซิงกับหรงหรงเรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมปลาย จงหัวเรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมต้น ส่วนเยว่เยว่นอนอยู่ เล่นมาทั้งวันแล้ว” หญิงชราหวังกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“แล้วพี่สาวใหญ่ของผมล่ะครับ?” จ้าวเหวินเทาถาม

“แม่ของเจิ้นซิงเอาเสื้อผ้าไปส่งแล้ว” แม่เฒ่าหวังกล่าวเสียงเบา

 

จ้าวเหวินเทาก็รู้อยู่แล้ว นี่เป็นงานส่วนตัว เดิมทีแม่เฒ่าหวังทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวในโรงงานทอผ้า แต่ภายหลังอีกฝ่ายเกิดการใช้เส้นสายก็เลยบีบให้นางออก แต่เป็นเพราะที่บ้านนางยังมีจักรเย็บผ้า จึงทำงานส่วนตัวสะดวกสบายเป็นอย่างมาก

 

เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรและย้ายอาหารหนัก 30 ชั่งลงมา พร้อมกับพูด “ของพวกนี้แม่บอกให้ผมเอามาให้พวกหลาน ๆ กิน มีไม่เยอะ ถือว่าเป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากแม่ของผมครับ”

“แม่ของเธอก็เกรงใจกันเกินไปแล้ว ส่งอาหารมาให้ทุกปีเลย!” แม่เฒ่าหวังรีบพูด

จ้าวเหวินเทาจึงยกเข้าไปวางในบ้านให้นาง

แม่เฒ่าหวังเองก็นำน้ำแกงหวาน(1)ที่ต้มไว้เรียบร้อยแล้วออกมา “เธอกินข้าวเที่ยงมาหรือยัง? ที่บ้านยังมีข้าวอยู่นะ ให้ฉันไปอุ่นให้สักหน่อยไหม?”

“ไม่เป็นไรครับ ผมกินมาแล้ว” จ้าวเหวินเทากล่าวขอบคุณ และพูดว่า “ผมต้องเอาของไปส่งให้พี่สาวห้าต่อ คงอยู่นานไม่ได้ครับ”

“เธอกินน้ำแกงหวานก่อนสิ” แม่เฒ่าหวังกล่าว

จ้าวเหวินเทาพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณป้าก็เกรงใจเกินไปแล้ว ผมมาทุกปีคุณป้าก็ให้ผมกินน้ำแกงหวานทุกปีเลย”

“เป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้วล่ะ” แม่เฒ่าหวังพูดด้วยรอยยิ้ม

หลังจากกินน้ำแกงหวานจนหมด จ้าวเหวินเทาก็ออกเดินทางไปยังทิศตะวันออกของเมือง เขากลับไปได้ไม่นานพี่สาวใหญ่จ้าวก็กลับมา

แม่เฒ่าหวังจึงเล่ารื่องที่น้องชายของหล่อนนำอาหารมาส่งให้หล่อน

“ทำไมกลับไปเร็วจัง” พี่สาวใหญ่จ้าวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น

“เห็นบอกว่าต้องเอาอาหารไปส่งให้น้าห้าของเจิ้นซิงต่อ แม่ก็เลยไม่ได้ให้เขาอยู่ต่อ” แม่เฒ่าหวังพูด

 

พี่สาวใหญ่จ้าวได้ยินก็ไม่ได้พูดอะไร หล่อนหยิบผ้าออกมาจากกระเป๋า “แม่คะ นี่เป็นผ้าที่ฉันเพิ่งรับมา ลูกค้าบอกว่าให้ทำตามแบบก่อนหน้านี้ ตัดให้เหมือนกันเลยค่ะ”

“ได้สิ!” แม่เฒ่าหวังรับผ้าไปดูก่อนจะพยักหน้า

“งั้นแม่ทำงานเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันไปทำกับข้าวก่อน” พี่สาวใหญ่จ้าวพูด หล่อนมองอาหารที่น้องชายนำมาส่ง ภายในใจก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา คิดว่ากลับไปคราวหน้าคงต้องนำน้ำตาลแดงซักถุงไปบำรุงให้น้องสะใภ้หกสักหน่อยแล้ว

ไม่มีใครสั่นคลอนตำแหน่งภายในตระกูลหวังของหล่อนได้

เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าหวังคุนสามีของหล่อนเป็นผู้สืบสกุลเพียงคนเดียวอย่างไรล่ะ

แม่เฒ่าหวังและพ่อเฒ่าหวังมีลูกชายคนนี้เพียงคนเดียว

…………………………………………………………………………………………………………………………

(1)มาจากคำว่า ถังสุ่ย (糖水) ซึ่งเป็นขนมหวานแบบจีนตอนใต้ มีทั้งแบบน้ำเชื่อมใสใส่ธัญพืชต่าง ๆ กับแบบน้ำข้นที่สกัดจากธัญพืชเช่นถั่วเหลือง งา ซึ่งเต้าฮวย เต้าทึง น้ำเต้าหู้ น้ำงาดำ เรียกโดยรวมว่าถังสุ่ยหมด

สารจากผู้แปล

เป็นสะใภ้คนเดียวของบ้านมันก็ได้เปรียบอยู่นะคะ ไม่โดนเปรียบเทียบในหมู่สะใภ้ด้วยกัน เรื่องไม่เยอะดี

ไหหม่า(海馬)