บทที่ 262 สังหารหมู่สรรพสัตว์

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 262 สังหารหมู่สรรพสัตว์

เมืองไห่ชิง จัตุรัสกลางเมืองกลุ่มจอมยุทธ์หลายร้อยคนมารวมตัวกัน สัตว์เลี้ยงของพวกเขากำลังส่งเสียงคำรามดังสนั่น

ทุกคนกำลังพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

“พี่ฉิน ได้ยินเรื่องคำเตือนมาหรือยังครับ?” จอมยุทธ์คนหนึ่งพูดถึงคำเตือนเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว

“เรื่องไร้สาระ อย่าไปสนใจเลย”

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าใครกันที่บังอาจขนาดนี้?”

“ไม่สำคัญหรอกว่ามันเป็นใคร แต่ที่แน่ ๆ มันคงเป็นคนเสียสติที่อยากเรียกร้องความสนใจนั่นแหละ”

ไม่มีใครให้ความสำคัญต่อคำเตือนของฉู่ชวิ๋น ซึ่งถือเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง

“เด็กน้อยที่ไหนน่ารักจัง” ใครบางคนอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง

เมื่อกลุ่มคนได้ยินคำอุทานนั้น พวกเขาก็เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่น่ารักน่าชังเหมือนกับตุ๊กตา ผมสีม่วงของเธอเป็นประกายสว่างไสว เด็กผู้หญิงดู น่ารักและสูงส่ง เธอเดินเข้ามาพร้อมกับสองเท้าขาวผ่อง

“เด็กที่ไหนกันเนี่ย? ให้ลุงพาไปกินไอติมไหมจ๊ะ?” ชายชราผมขาวคนนึงพูดพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย

“ไป๋อู๋ฉาง อย่าให้เด็กผู้หญิงคนนี้ต้องถูกทำลายไปเลย” ชายเครายาวที่สวมใส่เสื้อเปิดอกคนหนึ่ง หันไปถลึงตาใส่ชายชรา ก่อนที่จะหันมาส่งยิ้มหวานให้กับเด็กผู้หญิง “จะไปไหนหรือจ๊ะหนูน้อย? ให้ลุงพาไปส่งที่บ้านไหม?”

“พวกแกสองคนหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ” หญิงวัยกลางคนที่แต่งหน้าจัดคนนึงส่งเสียงขึ้น “หนูน้อยจ๋า มากับพี่ดีกว่านะ เดี๋ยวพี่ให้เล่นตุ๊กตา”

“นังแมงมุมพิษ พูดอะไรดูหน้าตัวเองหน่อยสิ แก่จนเป็นยายเป็นย่าได้แล้วนะ มาพี่เพ่ออะไรกัน” ไป๋อู๋ฉางพูดเหน็บแนมอย่างร้ายกาจ

“ไป๋อู๋ฉาง แกอยากตายหรือไง?” ความแก่ชราคือตราบาปของหญิงทุกคน ไม่เว้นแม้แต่จอมยุทธ์หญิงในยุทธภพเองก็เช่นกัน

ทุกคนที่อยู่ที่นี่รับชมเหตุการณ์ด้วยความตลกขบขัน

ในโลกนี้มีคนจำนวนมากมายป่วยทางจิตเป็นโรครักใคร่เด็ก อย่างเช่น

ไป๋อู๋ฉางและชายเครายาว รวมถึงแมงมุมพิษด้วยเช่นกัน แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิง แต่เธอก็ชอบเด็กหญิงหน้าตาน่ารักน่าชังและชอบจับตัวเด็ก ๆ ไว้เป็นของตัวเอง ซึ่งถือว่ามีสภาพจิตใจที่ผิดปกติมาก ๆ

“สัตว์พวกนี้เป็นของพวกนายหรือเปล่า?” เด็กหญิงพูดออกมาแล้วเสียงของเธอฟังดูน่ารักเหมือนกับหน้าตา

“ไม่ต้องกลัวหรอกหนูน้อย เดี๋ยวลุงจะปกป้องหนูเอง” ไป๋อู๋ฉางยิ้มอย่างชั่วร้าย

“งั้นเดี๋ยวฉันจัดการพวกมันเลยนะ”

คำพูดของเด็กหญิงทำให้กลุ่มคนเงียบงัน ก่อนที่พวกเขาจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

ทุกคนยังคงหัวเราะในขณะที่เฝ้ามองเด็กหญิงเดินตรงเข้าไปหาลิงขาว ที่มีขนาดตัวใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่ง ตัวของเด็กหญิงมีความสูงแค่เพียงหัวเข่าของลิงยักษ์เท่านั้น

เด็กหญิงยกมือขึ้นหมุนเบาๆ คลื่นลมปราณก็ปรากฏ

ฉับ!

หัวของลิงยักษ์ขาดกระเด็นตกลงบนพื้น เลือดจากลำคอพุ่งขึ้นไปกลางอากาศสูงมากกว่า 10 เมตร เลือดเหล่านั้นตกลงมาราวกับสายฝนจากท้องฟ้า เปรอะเปื้อนไปทั่วตัวจอมยุทธ์จำนวนมาก

แต่เด็กหญิงยังคงยืนอยู่ที่เดิม เลือดไม่ได้เปื้อนตัวเธอเลยแม้แต่น้อย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนตกตะลึง

หลังจากนั้น เด็กหญิงก็ยกมือขึ้นสะบัดเบาอีกครั้ง ลมปราณวูบวาบพุ่งออกมา

ฉับ!

หัวของสัตว์อีกหลายตัวขาดกระเด็น เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดราวกับน้ำพุ

เลือดสีแดงสดเจิ่งนองไปทั่วพื้นดิน ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังอยู่ในนรก

หลังจากนั้น ก็ไม่มีสัตว์ชนิดไหนรอดชีวิตอยู่ที่ลานจัตุรัสอีกเลย ทุกตัวถูกตัดหัวทิ้งไปหมดแล้ว

เหล่าจอมยุทธ์ยืนนิ่งเหมือนกับเป็นรูปปั้น เฝ้ามองสัตว์เลี้ยงของตนเองถูกฆ่าตายเหมือนกับเห็นภาพหลอน

ทันใดนั้นเอง เด็กหญิงก็เดินตรงเข้าไปหาไป๋อู๋ฉาง ตอนนั้นทุกคนถึงได้สติขึ้นมา

ไป๋อู๋ฉางอยากจะตอบโต้ แต่ร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยแรงกดดันที่มองไม่เห็น ทำให้หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น

ผลั่ก!

ร่างของไป๋อู๋ฉางลอยกระเด็นออกไปจากฤทธิ์กำปั้นของเด็กน้อย เลือดเนื้อของเขาฉีกขาด เลือดสาดกระจายไปทั่ว

ชายเครายาวและแมงมุมพิษหวาดกลัวจนขาอ่อน เขาและเธอไม่ได้เก่งกาจกว่าไป๋อู๋ฉางเลย เพราะงั้นพวกเขาเลยตกใจมาก

ชายเครายาวร้องคำรามโคจรพลังลมปราณ ลมปราณสีขาวพลันพุ่งออกไปกลางอากาศ

แต่โชคร้ายที่เมื่อเด็กหญิงยกมือขึ้นโบกสะบัดหนึ่งครั้งเบา ๆ ลมปราณสีขาวก็สลายหายไปทันที

ในเวลาเดียวกันนี้เอง ลมปราณสีขาวอีกสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากกำปั้นของเด็กน้อย

โครม!

เลือดสาดกระจาย ชายเครายาวลอยกระเด็นไปไกล

แมงมุมพิษจะลงมือบ้าง เธอได้ฉายาว่าแมงมุมพิษก็เพราะมีความชำนาญเรื่องการใช้พิษ เลือดของเธอเพียงแค่หยดเดียวสามารถฆ่าคนตายได้ภายในพริบตา

แต่แมงมุมพิษไม่ทันได้ทำอะไรด้วยซ้ำ เด็กหญิงก็เดินมาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว หลังจากนั้น ร่างของแมงมุมพิษก็ล้มลงไป หัวใจถูกพลังลมปราณกระแทกจนระเบิดเป็นเศษเนื้อ!

ยอดฝีมือสามคนถูกฆ่าติด ๆ กัน ลมปราณสีขาวพุ่งออกมาจากมือของเด็กน้อยใส่กลุ่มคนที่ยังคงยืนอยู่โดยรอบ

ลานจัตุรัสพลันก้องกังวาลด้วยเสียงร้องโหยหวน

ทุกครั้งที่เกิดลมปราณสีขาวพุ่งออกมาจะต้องมีคนกระดูกแตกหัก เส้นเอ็นฉีกขาด ไม่มีใครเคลื่อนไหวได้เกินสองก้าว

ไม่นาน กลุ่มจอมยุทธ์ที่อยู่ในลานจัตุรัสก็นอนจมกองเลือดเหลือเพียงเด็กน้อยเท่านั้นที่ยืนอยู่ดังเดิม

“พวกแกละเลยต่อคำเตือนของฉู่ชวิ๋น ผลกรรมจึงตามสนอง ถ้าฉู่ชวิ๋นบอกให้ไว้ชีวิตพวกแก ฉันจะฆ่าพวกแกให้หมดทุกคน!”

เสียงที่น่ารักน่าชังของเด็กหญิงดังกังวานไปทั่วแผ่นฟ้า สั่นสะเทือนไปทั้งแผ่นดิน แล้วร่างของเธอก็หายวับไปในพริบตา

บรรดาจอมยุทธ์ที่นอนจมกองเลือดได้แต่หวาดกลัวและเศร้าเสียใจต่อชะตากรรมของตนเอง

ในขณะเดียวกัน อีกจุดหนึ่งในเมืองไห่ชิง คนสองคนกำลังต่อสู้กัน

แม่หม้ายสาวกำลังเคลื่อนไหวด้วยความดุดัน แต่ว่าเธอพบเจอศัตรูที่น่าหวาดกลัว

ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลามีอาวุธเป็นพัดกระดูก อานุภาพของมันร้ายแรงมาก ถ้าไม่ได้สวมใส่ชุดเกราะทองคำอยู่ แม่หม้ายสาวคงกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปแล้ว

“เธออยากตายจริง ๆ ใช่ไหม? ทำตัวใหญ่โตออกคำสั่งให้คนอื่นไสหัวไปตามใจชอบ เธอเป็นใครมาจากไหนกัน” ในขณะที่ชายหนุ่มพูดออกมา เขาก็โจมตีด้วยความดุดัน พัดกระดูกในมือกางออกพลังลมปราณพุ่งตัดอากาศเข้ามา

แม่หม้ายสาวเองก็มีฝีมือร้ายกาจอยู่พอตัว เธอตวัดมีดในมือออกไปโดยเร็ว

วาบ!

พลังของมีดกับพัดกระดูกปะทะกันอย่างแรง

ตู้ม! ตู้ม!

ก้อนหินขนาดใหญ่สองก้อนแตกสลายกลายเป็นผุยผงจากพลังที่กระจายออกมาของพวกเขา

แม่หม้ายสาวเค้นเสียงในลำคอ รวมพลังลมปราณขึ้นมาอีกครั้ง มีดในมือของเธอกลายเป็นเปลวเพลิงลุกโชนพุ่งเข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม

ชายหนุ่มโบกสะบัดพัดในมือ เกิดพายุหมุนหลายลูกล้อมตัวเขาเอาไว้ เปลวไฟจากคมมีดของหญิงสาวจึงดับลงไปทันที

แต่ยังมีพายุหมุนลูกหนึ่งเคลื่อนเข้ามากระแทกใส่แม่หม้ายสาวเข้าอย่างจัง

ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นสูง ดวงตาเป็นประกายแวววาวพลังการป้องกันจากชุดเกราะทองคำนั้นแข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว !

“ไม่สำคัญหรอกว่าเธอมาจากไหน หรือเจ้านายของเธอเป็นใคร แต่วันนี้ ฉันจะฆ่าเธอล้างแค้นให้กับสหายของฉัน”

ชายหนุ่มโบกสะบัดพัดกระดูกอีกหลายครั้งและทุกครั้งจะเกิดเป็นลมหมุนลูกใหญ่พุ่งออกมา

แม่หม้ายสาวสวมใส่ชุดเกราะทองคำอยู่ เธอจึงไม่หลบหนีเลยแม้แต่น้อย เปลวไฟลุกโชนจากมือของเธอพุ่งออกมากลางอากาศด้วยความร้อนแรง

แต่ชายหนุ่มก็ได้ยิ้มมุมปาก พัดกระดูกในมือของเขาสั่นเบาๆ ลมปราณหลายสายระเบิดตัวออกมา

เปรี้ยง!

ลมปราณเหล่านั้นกระจายตัวไปทั่วบริเวณ ชนเข้ากับชุดเกราะทองคำจนเกิดเสียงการปะทะกันอย่างรุนแรง เขาโดยไม่เปิดโอกาสให้แม่หม้ายสาวได้ตั้งตัว ลมปราณได้ซัดใส่ชุดเกราะของเธออีกหลายครั้ง

ชุดเกราะทองคำมีความแข็งแกร่งก็จริง แต่พลังของลมปราณเหล่านี้ทำให้แม่หม้ายสาวได้แต่ต้องล่าถอยออกมา

แม่หม้ายสาวไม่อยากจะเชื่อว่าฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งขนาดนี้ ถึงแม้ชุดเกราะทองคำจะป้องกันลมปราณพวกนี้ได้ แต่ร่างกายของเธอก็รู้สึกได้ถึงแรงกระแทกที่ซัดเข้ามา จนทำให้เธอต้องกระอักเลือดออกมาเลยทีเดียว

ชายหนุ่มหัวเราะเยาะ ก่อนที่จะปล่อยคลื่นลมปราณออกมาอีกครั้ง!

เปรี้ยง!

ร่างของแม่หม้ายสาวลอยกระเด็นไปไกลหลายร้อยเมตร เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากมุมปากของเธอ

แต่ถึงจะโดนกระแทกเข้าไปอย่างแรง ชุดเกราะทองคำของเธอก็ยังไม่บุบสลายเลยแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มหมุนตัวกลางอากาศและสะบัดฝ่ามือ ลมปราณสีขาวพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง

แม่หม้ายสาวตกตะลึงถึงขีดสุด ดูเหมือนว่าคราวนี้เธอคงไม่รอดแล้วจริง ๆ

แต่ในทันใดนั้นเอง ลวดหนามสีดำก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ

เปรี้ยง!

ลมปราณสีขาวถูกลวดหนามสีดำป้องกันเอาไว้จนสะท้อนกลับไปหลายทิศทาง

ชายหนุ่มตกใจ ต้องรีบถอยหลังหลบพลังของตนเองเป็นพัลวัน

ลวดหนามสีดำนั้นไม่ได้ติดตามเขามา แต่มันลอยกลับไปหยุดอยู่ตรงหน้าของแม่หม้ายสาว

ความจริงแล้วลวดหนามเหล่านี้พุ่งออกมาจากดาบสั้นเล่มหนึ่ง ตัวดาบตีขึ้นมาจากเหล็กสีดำสนิทที่แผ่รัศมีเย็นเยียบ เพียงแค่จ้องมองก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวเย็นไปถึงกระดูกดำแล้ว

ชายหนุ่มและบรรดาจอมยุทธ์ดวงตาเบิกโพลง นี่คืออีกหนึ่งอาวุธลึกลับที่น่าหวาดกลัวไม่น้อย

แม่หม้ายสาวเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน แต่เธอก็รู้ดีว่าใครเป็นคนส่งมันมา แม่หม้ายสาวเอื้อมมือไปหยิบดาบสั้นมาถือไว้ เมื่อโคจรพลังอีกครั้งดาบสั้นเล่มนี้ก็มีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมาสว่างไสว

ทุกคนจ้องมองไปที่ดาบสั้น พวกเขาไม่เคยมีใครเห็นมันมาก่อน

แม่หม้ายสาวปาดเลือดออกไปจากมุมปาก เธอยิ้มออกมาด้วยความเยือกเย็น ก่อนที่จะเดินตรงเข้าไปหาชายหนุ่ม

ฉับ!

เมื่อตวัดดาบออกไป คลื่นลมปราณจากตัวดาบก็ถาโถมเข้ามา จอมยุทธ์ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกหนาวลงไปถึงกระดูกดำ

ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลามีท่าทีเปลี่ยนไป เขาโบกสะบัดพัดกระดูกในมือ ปล่อยพลังลมปราณตอบกลับมาอีกชุดใหญ่

เปลวไฟจากคมดาบตัดอากาศ จนกลายเป็นเสียงลมกรีดร้อง พุ่งผ่านพลังลมปราณโต้ตอบกลับมาได้

ชายหนุ่มไม่อยากเชื่อสายตา ทั้งตัวเขาและพัดกระดูกถูกดูดเข้าไปหาเปลวไฟจากตัวดาบ

เคล้ง!

เมื่อเกิดการปะทะกัน กระดูกส่วนหนึ่งจากพัดกระดูกของอีกฝ่ายก็แตกหัก

“บัดซบ” ชายหนุ่มเดือดดาลที่อาวุธถูกทำลาย เมื่อเขาโกรธแค้นร่างกายจึงเต็มไปด้วยจิตสังหาร

แม่หม้ายสาวไม่หวาดกลัว ตอนนี้เธอเป็นฝ่ายที่กุมความได้เปรียบเอาไว้ เธอมีอาวุธในตำนานอยู่ถึงสองชิ้น ชิ้นหนึ่งก็คือชุดเกราะ ส่วนอีกชิ้นก็คือดาบสั้นในมือ แม่หม้ายสาวกวาดตามองกลุ่มจอมยุทธ์และเดินเข้าไปหา

ดาบสั้นตวัดอย่างแผ่วเบาแต่มีพลังเปี่ยมล้น แม่หม้ายสาวโคจรพลังเต็มที่

โครมคราม!

เกิดการระเบิดไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ก้อนหินดินทรายระเบิดกระเด็นไปทั่ว กินพื้นที่รัศมีหลายร้อยเมตร

แม่หม้ายสาวสวมใส่ชุดเกราะทองคำ ในมือถือดาบสั้น พลังการต่อสู้ของเธอเพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว เมื่อรวมกับทักษะควบคุมเปลวเพลิงประจำตัว ทำให้พวกเขาไม่อาจต่อกรเธอได้เลย

ชายหนุ่มร่ำร้องด้วยความพ่ายแพ้ พัดกระดูกในมือของเขาเหลือกระดูกอยู่แค่เพียงสองซี่ หน้าตาของเขาตอนนี้อัปลักษณ์เป็นอย่างยิ่ง

ฉับ!

เขาร้องคำรามในขณะที่ล่าถอย หน้าอกปรากฏรอยดาบเลือดสาดกระจายออกมาทันที

โฮก!

เสือดาวสีเงินตัวหนึ่งพุ่งกระโจนเข้าใส่แม่หม้ายสาว มันเป็นสัตว์เลี้ยงของชายหนุ่มพัดกระดูก เขี้ยวของมันมีแต่รอยเลือดแห้งกรัง บ่งบอกได้ถึงความอำมหิตเป็นอย่างดี

แม่หม้ายสาวดีดตัวถอยไปกลางอากาศ ก่อนที่จะหันกลับมาตวัดดาบไปหนึ่งที ร่างของเสือดาวตัวนั้นก็ขาดออกเป็นสองท่อน สายฝนเลือดพร่างพรมลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง

“ฉันจะฆ่าแก” เมื่อเห็นสัตว์เลี้ยงสุดที่รักถูกฆ่าตายไปต่อหน้าต่อตา ชายหนุ่มก็มีใบหน้าบิดเบี้ยว ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

“คิดว่านายยังมีปัญญาทำอะไรได้อีกหรือไง?” แม่หม้ายสาวพูดด้วยความดูถูก เธอยกมือขึ้นและตวัดดาบอีกครั้ง

เคล้ง!

พัดกระดูกสองซี่สุดท้ายบนมือชายหนุ่มถูกพลังลมปราณของเธอทำลายลง

“เธอเป็นใครกันแน่?” ชายหนุ่มพยายามตั้งสติ ดวงตาของเขาเย็นชาและจ้องมองแม่หม้ายสาวด้วยความโกรธแค้น

“นายไม่สมควรจะรู้ แค่ทำตามที่นายท่านของฉันสั่งก็พอ” แม่หม้ายสาวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แล้วเธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่หน้าที่ของเธอไม่ใช่การสังหารชายหนุ่มคนนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกลุ่มจอมยุทธ์คนอื่นอยู่อีกจำนวนมากที่จะปล่อยผ่านไปไม่ได้

ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาริมฝีปากบิดเบี้ยว กล้ามเนื้อของเขากระตุกไปทั่วใบหน้าก่อนพูดออกมา “ไม่สำคัญหรอกว่าเธอจะเป็นใคร แต่เธอมาทำร้ายสหายของฉันแบบนี้ ไม่กลัวว่าจะต้องเป็นศัตรูกับพวกเราหรือไง?”

“นายเป็นตัวแทนของคนทั้งเมืองไห่ชิงหรือไงล่ะ?” แม่หม้ายสาวหัวเราะด้วยความขบขัน เมื่อเข้าใจถึงเจตนาของอีกฝ่าย เธอก็พูดต่อว่า

“นายท่านของพวกเราไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น ถ้านายท่านอยากฆ่านายจริง ๆ แค่ยกมือวูบเดียวเขาก็ฆ่านายได้แล้วที่สำคัญก็คือ เราจะไม่มาคิดถึงเรื่องที่ลงมือไปแล้วเด็ดขาด”

ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อ อีกฝ่ายหนึ่งทำราวกับว่าคำพูดของเขาเป็นเพียงเรื่องขบขัน ดูเหมือนว่าพวกของแม่หม้ายสาวพร้อมจะเป็นศัตรูกับพวกเขาแล้วจริง ๆ

“ดี ดี กล้าหาญมากนักนะ ฝากไว้ก่อนเถอะ งานนี้ฉันต้องแก้แค้นแน่” ชายหนุ่มแสยะยิ้มด้วยความอาฆาต ก่อนที่จะหันหลังกลับ

ฉับ!

คมดาบเป็นประกายวูบวาบ

ฟู่!

ชายหนุ่มร้องโหยหวน เลือดสาดกระจายออกมาจากหัวไหล่ของเขา แขนเกือบขาดกระเด็น

“แก…แก” เขาหันกลับมามองด้วยแววตาโกรธแค้น

“ฉันอยากให้นายจำสิ่งที่พูดเอาไว้ให้ดี ฉันเลยทำสัญลักษณ์ให้ยังไงล่ะ !” แม่หม้ายสาวพูดด้วยสีหน้าเหยียดหยาม

ชายหนุ่มหายใจรุนแรง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร แต่ในที่สุดเขาก็ได้แต่สะกดกลั้นอารมณ์และกลืนคำพูดลงในลำคออย่างอดทน !