บทที่ 290: ช่วงเวลาแห่งการสั่นพ้อง

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 290: ช่วงเวลาแห่งการสั่นพ้อง

“!”

ภายในห้องเก็บไวน์ จู่ ๆ เสียงนั้นก็ทำให้ ลิเลียนตื่นจากภวังค์ ก่อนที่เธอจะรู้ตัว โรเอลก็มายืนอยู่ข้าง ๆ เธอแล้ว

โรเอลในวันนี้ไม่ได้ดูสะอาดและบริสุทธิ์เหมือนปกติ เสื้อผ้าของเขาเปื้อนไปด้วยเลือดและสิ่งสกปรกจากการสู้รบที่เขาเพิ่งผ่านมา อย่างไรก็ตามมีการแสดงอันแน่วแน่บนใบหน้าของเขา ดวงตาสีทองของเด็กหนุ่มเปล่งประกายด้วยคบเพลิงในห้องเก็บไวน์สีเข้ม สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและความสงบ

นรกสีแดงเลือดที่ลิเลียนอยู่นั้นดูเหมือนจะหายไปทันทีที่ เธอมองเข้าไปในดวงตาของเขา เด็กสาวพบว่าตัวเองลืมความโกรธและความเศร้าโศกไปชั่วคราว ความรู้สึกสนิทสนมทำให้หัวใจเธออบอุ่นราวกับแสงอาทิตย์สาดส่อง ดึงเธอออกจากความงุนงง

แต่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในสภาพจิตใจโดยกะทันหัน จู่ ๆ ลิเลียนก็พบว่าตัวเองถูกกลืนกินด้วยความละอายอย่างเหลือทน ในฐานะรุ่นพี่ที่ดูแลโรเอลมาโดยตลอด เธอไม่ต้องการแสดงด้านที่ไม่น่าดูของเธอให้เขาเห็น

“อย่ามองมาที่ฉันนะ ! ออกไป !”

ลิเลียนสั่งด้วยเสียงแหบแห้ง

นี่เป็นครั้งแรกที่ลิเลียนใช้น้ำเสียงที่ทรงพลังเช่นนี้พูดกับโรเอล แต่ในทางกลับกันมันก็ดูอ่อนแอด้วยเช่นกัน ราวกับว่าเธอกำลังอ้อนวอนเขา น่าเสียดายที่โรเอลไม่มีความคิดที่จะทำตามที่เธอต้องการ

“ผมขอโทษ แต่เราเท่าเทียมกัน คุณไม่มีสิทธิ์สั่งผม”

“นี่เธอ !! ปล่อยฉันนะ !”

ลิเลียนดึงแขนของเธอออกจากมือของโรเอล

โรเอลไม่เคยเห็นด้านที่อ่อนแอของลิเลียนมาก่อน มันทำให้เขารู้สึกผิดไปถึงขั้วหัวใจ เขาไม่เสียใจที่ชวนเธอเข้าร่วมการโจมตีครั้งนี้ เนื่องจากความช่วยเหลือจากเธอเป็นสิ่งจำเป็นในการปราบปรามพวกลัทธิชั่วร้าย แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เธอต้องประสบกับบาดแผลอันล้ำลึกนี้ด้วยเช่นกัน

ไม่คิดว่าอาการของเธอจะหนักถึงขนาดนี้ ที่เธอพยายามจะแตะต้องศพคงเพราะ… เธอนึกถึงอดีตสินะ

เมื่อรู้ว่าตนเองต้องทำอะไรสักอย่าง โรเอลก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนจะพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา โดยหวังว่ามันจะช่วยหันเหความสนใจของลิเลียนและทำให้เธอสงบลง

“รุ่นพี่ คุณเมลตี้ ปลอดภัยแล้ว ผมสังหารอธิการของลัทธิสังเวยโลหิตไปแล้วเรียบร้อยครับ”

“…”

มันประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง เสียงที่สงบนิ่งของโรเอลดูเหมือนจะบรรเทาอาการสั่นของลิเลียนได้เล็กน้อย ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงตัดสินใจที่จะพยายามให้หนักขึ้นอีกนิด

“การเก็บกวาดเองก็ใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราจะรายงานเหตุการณ์นี้ไปยังสถาบันการศึกษาในตอนเช้าวันพรุ่งนี้ และทุกอย่างจะจบลง รุ่นพี่ เราออกจากที่นี่กันเถอะครับ ทุกคนกำลังเป็นห่วงคุณ”

“…”

การโน้มน้าวอย่างอ่อนโยนของโรเอล ดึงลิเลียนออกจากความเจ็บปวดอย่างช้า ๆ แต่ศพของรุ่นพี่ผู้ไร้เดียงสาของเธอที่ถูกแขวนอยู่ข้าง ๆ ก็เหมือนจะตำหนิเธอสำหรับความเขลาและไร้อำนาจ ความรู้สึกผิดในใจจึงทำให้เด็กสาวหันกลับไปมองที่ศพของรุ่นพี่ตามสัญชาตญาณอีกครั้ง แต่โรเอลก็ก้าวเข้ามาขวางทางเอาไว้ในทันที

การที่ต้องเฝ้าดูศพที่ถูกทรมานของคนรู้จักนั้นไม่ต่างอะไรไปจากฝันร้าย และสิ่งที่ทำให้สิ่งเลวร้ายลงไปอีกก็คือข้อเท็จจริงที่ว่า ลิเลียนนั้นเป็นหัวหน้าของหน่วยรักษาความปลอดภัย เมื่อประกอบปัจจัยทั้งสองนี้เข้าด้วยกัน ก็เกิดเป็นอุปสรรคที่เธอไม่มีทางเอาชนะได้

อย่างไรก็ตาม โรเอลนั้นมีแผน

“โรเอล ?”

“หยุดมองได้แล้ว นี่คุณกำลังโทษตัวเองสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นใช่รึเปล่า ?”

“ฉันเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย ถ้าฉันสังเกตเห็นเรื่องพวกนี้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ล่ะก็…”

“อย่ามาล้อเล่นน่า ! เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณเลยไม่ใช่เหรอ ?”

โรเอลถามลิเลียนอย่างเคร่งขรึมพร้อมขมวดคิ้วแน่น

“ลัทธิสังเวยโลหิต ดำเนินการแบบนี้มานานอย่างน้อยก็หนึ่งทศวรรษแล้ว ! คิดว่าในช่วงเวลานี้มีหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเปลี่ยนรุ่นมาแล้วกี่คนกัน ? คุณคิดว่าพวกเขาทุกคนเองก็มีความผิดด้วยงั้นเหรอ ?”

“อธิการของลัทธิสังเวยโลหิต มาซีอุส เป็นอาจารย์ของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า เขารู้การเคลื่อนไหวของหน่วยรักษาความปลอดภัยอยู่ตลอด ! มันไม่มีทางเลยที่คุณจะรู้ถึงเรื่องนี้ในสถานการณ์ปกติ ! คุณโทษตัวเองที่ไม่ชำนาญเรื่องการทำนายอนาคตด้วยไหมล่ะ ?

“นอกจากนี้ ความรับผิดชอบของหน่วยรักษาความปลอดภัยก็คือการปกป้องนักเรียนในปัจจุบันของ สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ไม่ใช่ผู้ที่สำเร็จการศึกษาไปแล้ว ความพยายามของพวกเราสามารถปกป้องคุณเมลตี้ที่กำลังจะถูกสังหารโดยลัทธิชั่วร้ายได้สำเร็จ แบบนี้แล้วคุณยังจะปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่าง ที่หน่วยรักษาความปลอดภัยได้ทำเพื่อสถาบันการศึกษาและนักเรียนอีกงั้นเหรอ ?”

“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่…”

ลิเลียนปฏิเสธข้อกล่าวหาของโรเอล แต่ความเจ็บปวดเช่นนี้จะให้เธอบรรเทาลงง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน เด็กสาวได้แต่ก้มศีรษะลงด้วยความทุกข์และเงียบไป

โรเอลรู้สึกเจ็บปวดที่เห็นลิเลียนอยู่ในสภาพเช่นนั้น

พวกเขาใช้เวลาร่วมกันมาเป็นเดือน ในขณะที่ลิเลียนสามารถรับรู้และเข้าใจโรเอลได้ แล้วทำไมเขาจะเข้าใจลิเลียนไม่ได้ล่ะ ?

ลิเลียนเป็นคนที่หัวใจถูกห้อมล้อมด้วยชั้นน้ำแข็ง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่มีความรู้สึก ตรงกันข้าม เธอห่วงใยเพื่อนและเครือญาติของเธอมากกว่าสิ่งใดในโลก อันที่จริงนั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ว่าทำไมจักรวรรดิออสทีนถึงยังสงบสุขจนถึงตอนนี้

หากลิเลียนเลือกที่จะไม่สนใจสายสัมพันธ์ในครอบครัว ด้วยความสามารถและการสนับสนุนอันทรงพลังของเธอ เธอสามารถทำลายพี่ชายที่ไร้ความสามารถทั้งสองคนของเธอได้สบาย ๆ แต่แล้วเธอกลับเลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพวกเขาไม่มีความลังเลใจที่จะกำจัดเธอเลยหากสบโอกาส

ที่ลิเลียนหลีกเลี่ยงการต่อสู้ไม่ใช่เพราะเธอจำเป็นต้องทำ แต่เป็นเพราะเธอไม่ต้องการที่จะสู้ต่างหาก

ความอ่อนโยนของลิเลียนไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสังเกตเห็นได้ในทันที โรเอล ตระหนักได้ถึงความจริงข้อนี้หลังจากได้ใช้เวลาผ่านชั้นเรียนซ่อมทั้งหมดร่วมกัน

เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปจับไหล่ของเธอ มองเข้าไปในดวงตาสีอเมทิสต์ที่หมองคล้ำคู่นั้น

“รุ่นพี่ ผมเองก็เจ็บปวดกับการเสียชีวิตของเหยื่อ แต่เราจะปล่อยให้อดีตมาผูกมัดเราไว้ไม่ได้ สิ่งที่คุณควรจะทำตอนนี้คือปกป้องผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ตามที่ผมได้ยินมาจากปากของมาซีอุส ยังมีภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ซ่อนอยู่ในเงามืดของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า และสิ่งที่ผมทำได้เพียงคนเดียวก็มีจำกัด”

“รุ่นพี่ ผมต้องการคุณ”

“!”

คำพูดสุดท้ายของโรเอลเป็นดั่งค้อนที่ทุบลงบนหัวใจของลิเลียน ทำให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้าน ปฏิกิริยาของเธอ ทำให้เด็กหนุ่มรู้ว่าคำพูดของเขาส่งถึงอีกฝ่ายแล้ว โรเอลจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แต่สิ่งที่เขาลืมไปก็คืออารมณ์อันร้อนระอุที่เริ่มก่อตัวขึ้นในหัวใจของลิเลียน พวกมันเติบโตอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถกดขี่เอาไว้ได้อีกต่อไป

“ม…เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ ?”

“ผมบอกว่า ผมต้องการคุณ รุ่นพี่”

โรเอลทวนคำพูดเหล่านั้นด้วยสายตาที่แน่วแน่ ทว่ามันฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักด้วยบริบทที่เขาพูด เด็กหนุ่มจึงรีบกล่าวเสริม

“อันที่จริง ผมได้ใช้คาถาเวทย์ที่มาพร้อมกับผลข้างเคียงรุนแรง ดังนั้นตอนนี้ผมเลยไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีเท่าไหร่นัก พวกเรายังต้องคุยกันถึงสิ่งที่มาซีอุสพูด และคิดหาทางตอบโต้ ดังนั้น…”

ลิเลียนจ้องมาที่โรเอลอย่างตั้งใจด้วยความเขินอาย ทำให้คำพูดของเขาค่อย ๆ นุ่มนวลขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่จะหายไปในที่สุด

ก…เกิดอะไรขึ้น ? เราพูดมากเกินไปรึเปล่า ?

สายตาของลิเลียนรุนแรงมากจนทำให้โรเอลไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ใบหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อในทันที

กลับกันแล้วลิเลียนรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนข้างในหัวใจของเธอ เด็กสาวพบว่าตัวเองไม่สามารถรักษาใบหน้าอันเป็นปกติของเธอได้อีก เลือดของเธอเริ่มพุ่งเร็วขึ้น ในที่สุดแผ่นน้ำแข็งในตัวของเธอก็ได้พังทลายลง พร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นระรัว

เรารู้สึกร้อนที่หัวใจ แต่… ก็อบอุ่น

ลิเลียนวางมือบนหน้าอก สัมผัสถึงการเต้นของหัวใจอย่างเงียบ ๆ จากนั้นเธอก็ยกมันขึ้นและเอื้อมไปที่แก้มของโรเอล กระนั้นมือที่สั่นเทาของเธอก็หยุดลงไม่แตะต้องเขาต่อ เะอยังคงลังเลอยู่นาน คิ้วที่ขมวดขัดแย้งกันเองบนใบหน้าของเธอสะท้อนให้เห็นถึงการต่อสู้ภายในในของเธอ

แต่แล้วในที่สุดลิเลียนก็มีชัยเหนือการยับยั้งของตัวเอง

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสกับโรเอล

วินาทีถัดมา สายเลือดของพวกเขาก็เริ่มสั่นพ้องกัน ราวกับพวกเขาได้ยินเสียงร้องของทูตสวรรค์นับพันร้องเพลงอยู่ข้าง ๆ ทั้งสองจ้องมองกันและกันด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น