บทที่ 242 การปะทะกันของการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุด

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

เย่เทียนเฉินและเปาเทียนหลงสู้กันไปสิบกว่ากระบวนท่าแล้ว มีทั้งการบุกโจมตีและมีการบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่ เปาเทียนหลงแสดงความสามารถที่ไม่ธรรมดาของอดีตขุนพลระดับทัพฟ้าอย่างเขาออกมา ส่วนเย่เทียนเฉินก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต้องสั่นสะท้านเป็นที่สุด ใครก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะร้ายกาจขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาถึงกับมีฝีมือแข็งแกร่งในขณะที่ยังอายุน้อยเช่นนี้ สามารถต่อสู้กับเปาเทียนหลงได้สิบกว่ากระบวนท่าโดยไม่ตกเป็นรอง

สิบกว่ากระบวนท่า เพียงแค่สิบกว่ากระบวนท่าเท่านั้นแต่กลับทำให้ใครหลายคนรับรู้ได้ถึงความร้ายกาจและความน่าตื่นตาตื่นใจของศิลปะป้องกันตัวของจีน สิบกว่ากระบวนท่านี้ดุเดือดรุนแรงเป็นอย่างมาก ทำให้เย่เทียนเฉินและเปาเทียนหลงต่างก็เคร่งขรึมจริงจังอย่างหาใดเปรียบ ไม่มีใครกล้าดูถูกคู่ต่อสู้ ทำได้เพียงรับมืออย่างเต็มกำลังเท่านั้น

ในตอนที่เปาเทียนหลงตะโกนออกมา ต้องการที่จะตัดสินแพ้ชนะกับเย่เทียนเฉินนั้น แผ่นหินที่อยู่รอบๆ เขาถึงกลับลอยขึ้นมาจากพื้นทั้งหมด อย่างน้อยก็สิบกว่าแผ่น เป็นแผ่นหินที่ใหญ่มาก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าหากถูกแผ่นหินทั้งสิบกว่าแผ่นตกใส่เลย แค่แผ่นเดียวก็สามารถทับคนธรรมดาตายได้แล้ว

“พลังปราณหนักแข็งแกร่งมาก หัวหน้าใช้พลังปราณหนักทำให้แผ่นหินรอบๆ ลอยขึ้นมา จะต้องสามารถโจมตีไอ้หนูนั่นให้ครึ่งเป็นครึ่งตายได้แน่นอน!”

“ไม่ใช่ครึ่งเป็นครึ่งตายตาย แต่จะต้องฆ่าไอ้หนูนั่นได้แน่!”

เมื่อเห็นว่าหัวหน้าใช้พลังปราณหนักของตนออกมาจนทำให้แผ่นหินแผ่นใหญ่ลอยขึ้น ผู้คุ้มกันสองคนที่ติดตามเปาเทียนหลงมาโดยตลอดก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น หลายคนคิดว่าพลังปราณหนักก็คือพลังภายในที่แข็งแกร่งชนิดหนึ่ง เมื่อปะทุออกมาก็จะมีพละกำลังที่แข็งแกร่ง ความจริงนั้นไม่ถูกต้อง ส่วนที่ร้ายกาจที่สุดของพลังปราณหนักก็คือสามารถทำให้ร่างกายรับความกดดันเพิ่มมากขึ้นได้หลายเท่า จากนั้นจึงควบคุมแรงโน้มถ่วงที่คนธรรมดารับไม่ได้ไปโจมตีศัตรู

“ให้ตายสิ ไม่พูดไม่ได้ว่าไอ้เด็กแซ่เย่ร้ายการมาก แต่ครั้งนี้มันจะต้องตายแน่นอน!”

“ต่อให้ก่อนหน้านี้เขาจะสามารถตอบโต้เปาเทียนหลงได้อย่างดุเดือด แต่ตอนนี้ไปยั่วโมโหเปาเทียนหลงก็จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย”

“ครั้งนี้จะต้องไม่เกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นอีกแน่นอน เย่เทียนเฉินต้องตาย!”

คนตระกูลหลัวบ้าคลั่งไปแล้วโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะคนที่ต้องการให้เย่เทียนเฉินตายมาโดยตลอด พูดได้ว่าทุกครั้งที่พวกเขาคิดว่าเย่เทียนเฉินจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย เย่เทียนเฉินก็จะทำให้พวกเขาต้องสั่นสะท้านโดยไม่คาดคิด ยิ่งเป็นเช่นนี้พวกเขาก็ยิ่งหวังจะให้เย่เทียนเฉินสิ้นชีพ ต้องการให้เขาถูกเปาเทียนหลงฆ่าตาย มีเพียงเช่นนี้เท่านั้นพวกเขาจึงจะสามารถวางใจได้

“กระบวนท่าสุดท้าย ถ้าหากแกรอดไปได้ ก็ถือว่าแกชนะ!” มือทั้งสองของเปาเทียนหลงควบคุมแผ่นหินแผ่นใหญ่สิบกว่าแผ่น มองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างเย็นชาแล้วพูดขึ้น

“ฉันชนะแน่อยู่แล้ว ความสามารถทางการต่อสู้ที่แกแสดงออกมาสามารถเป็นลูกน้องของฉันได้เลย แกแพ้แล้ว ฉันไม่ต้องการชีวิตของแก มาติดตามฉันซะเถอะ!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

“รับมือ!”

เปาเทียนหลงตะโกนเสียงดัง กระโดดขึ้นไปสูงสามเมตร ยืนอยู่บนแผ่นหินแผ่น หนึ่ง หินทั้งสิบกว่าแผ่นพุ่งโจมตีลงมายังเย่เทียนเฉินพร้อมกัน คนที่อยู่รอบๆ เห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังออกไป หากว่าถูกทับเข้าไม่ตายก็ต้องเจ็บหนัก ใครก็ไม่กล้าเอาชีวิตของตนมาล้อเล่น

“ลูก…” หลัวเยี่ยนตะโกนอย่างร้อนใจ คิดจะวิ่งเข้าไปแต่กลับถูกลุงหวังขวางเอาไว้ ตอนนี้ใครก็ช่วยเย่เทียนเฉินไม่ได้แล้ว ทำได้แต่พึ่งตัวเองเท่านั้น

“คุณหนูครับ เข้าไปไม่ได้เดี๋ยวจะตายเอา!” ลุงหวังพูดอย่างร้อนใจเช่นเดียวกัน

“ลุงหวัง ปล่อยหนูเถอะ เทียนเฉินกำลังมีอันตราย!” หลัวเยี่ยนดิ้นสุดชีวิต คิดจะพุ่งเข้าไปปกป้องลูกชาย

“แม่ครับ แม่อย่ามาทำให้ผมกังวลเลย ผมไม่เป็นอะไรหรอก แม่ไปยืนกับลุงหวังห่างๆ หน่อยเถอะ!” เย่เทียนเฉินพูดกับแม่ด้วยรอยยิ้ม

หลัวเยี่ยนชะงักไปเล็กน้อย มองใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้มของลูกชาย ทันใดนั้นจึงสงบลงมาก เป็นเช่นนั้นจริงๆ ต่อให้ตนวิ่งเข้าไปจะทำอะไรได้ล่ะ? คงทำให้ลูกชายต้องกังวลเปล่าๆ และไม่อาจรับมือได้อย่างเต็มกำลัง

ในที่สุดหลัวเยี่ยนและลุงหวังก็ไปยืนด้านข้าง ส่วนคนตระกูลหลัวก็ถอยออกไปไกลตั้งนานแล้ว เมื่อต้องเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ ต้องเจอกับสถานการณ์การต่อสู้อันดุเดือดรุนแรงที่เหนือจินตนาการ ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้แม้แต่คนเดียว ในกลุ่มคนเหล่านั้น ดวงตาทั้งสองของหลัวเหยียนซงจับจ้องไปที่เย่เทียนเฉินโดยตลอด นิสัยและฝีมือของหลานคนนี้เหนือจินตนาการของเขาไปมาก ความเด็ดเดี่ยวและความกล้าหาญนั้นร้ายกาจยิ่งกว่าตอนเขายังหนุ่มเสียอีก

เย่เทียนเฉินเห็นหลัวเยี่ยนไปยืนด้านข้างแล้วก็รู้สึกวางใจลงไม่น้อย แต่เขาก็ไม่ได้ดูเบาอีกฝ่ายโดยเด็ดขาด การโจมตีที่เปาเทียนหลงใช้ออกมาหลายกระบวนท่า ต่างเป็นเคล็ดวิชาของพรรควรยุทธโบราณที่รับมือไม่ง่าย และยังไปถึงขั้นที่สามารถควบคุมวัตถุได้แล้ว แน่นอนว่าเย่เทียนเฉินรู้ว่านี่ไม่ใช่พลังพิเศษ เขาไม่อาจรับรู้ได้ถึงการสั่นไหวของพลังพิเศษใดๆ บนร่างของเปาเทียนหลง วิธีที่เปาเทียนหลงใช้ออกมาคือพลังภายในที่แข็งแกร่งอันบริสุทธิ์ สอดแทรกเข้าไปในวัตถุ และใช้พลังในการควบคุมและโจมตี วิธีการเช่นนี้ยิ่งอัดพลังแน่น ก็ยิ่งร้ายกาจ มีอำนาจยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก

ฟิ้ว!

ฟิ้ว!

ฟิ้ว!

หินทั้งสิบกว่าแผ่นพุงเข้าไปยังเย่เทียนเฉินพร้อมกัน ดูเหมือนว่าจะพุ่งตกลงมาจากฟ้า เย่เทียนเฉินไม่มีทางให้หลบเลยสักนิด ส่วนเปาเทียนหลงในตอนนี้ดูคล้ายกับกำลังเดินอยู่บนอากาศ เตะแผ่นหินออกมาด้วยท่าทางคล้ายกับนกนางแอ่น จากนั้นจึงพุ่งตังตามหินทั้งสิบกว่าแผ่นที่กำลังพุ่งไปยังเย่เทียนเฉินแล้วร่วมโจมตีเข้าด้วยกัน

“ย่ะ!”

ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย เย่เทียนเฉินตะโกนออกมา มือทั้งสองแบขึ้นสู่ท้องฟ้า เกิดเสียงดังกึกก้อง มีกำแพงดินผุดขึ้นมาจากดินทั้งสองฝั่ง พุ่งไปยังแผ่นหินทั้งสิบกว่าแผ่นนั้นพร้อมกัน กระบวนท่าโจมตีนี้ก็เป็นการปะทะกันของพลัง เย่เทียนเฉินใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษสายพสุธา กระตุ้นพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันที่อยู่ในร่างกายออกมาในเวลาเพียงพริบตาเดียว สร้างกำแพงดินขึ้นมาสองแผ่นจากพื้นราบรอบๆ เพื่อมาต่อกรกับแผ่นหินที่ตกลงมาทั้งสิบกว่าแผ่นของอีกฝ่าย

ตู้มๆๆ…

กำแพงดินและแผ่นหินปะทะเข้าด้วยกัน เกิดเป็นเสียงระเบิดขึ้นครั้งใหญ่ บนอากาศภฟุ้งกระจายไปด้วยเศษฝุ่น คนที่ยืนล้อมอยู่วงนอกไม่มีใครเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจน เพียงแต่ในช่วงพริบตาที่กำแพงดินและแผ่นหินปะทะกันนั้น พวกเขาเห็นว่ากำแพงดินยุบลง ส่วนแผ่นหินก็แตกเป็นเสี่ยงๆ พลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ทำให้ทุกคนต้องสั่นสะท้าน ช่างร้ายกาจจริงๆ พลังของสองคนนี้เกินขอบเขตคนธรรมดาไปแล้ว

“หมัดเทพปราณฟ้า!”

เปาเทียนหลงตะโกน พุ่งตัวลงมาจากตำแหน่งที่สูงสามเมตร หมัดขวากำแน่นมีประกายสีทองส่องสว่าง ดวงตาแพรวพราวดูโดดเด่น นี่คือการโจมตีเต็มพลังของเขา และเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดในฐานะที่เขาเป็นขุนพลระดับทัพฟ้า ในตอนที่หมัดขวาของเขาพุ่งตรงลงมาข้างล่าง ดูคล้ายกับลำแสงลำหนึ่งที่ปัดเป่าเศษฝุ่นออกเป็นสายอย่างไรอย่างนั้น

ฟิ้ว!

ในตอนที่เปาเทียนหลงทะยานลงมาและโจมตีหมัดออกไปนั้น ท่ามกลางฝุ่นควันก็มีเงาคนพุ่งออกมา ทะยานร่างขึ้นมาข้างบน ต่อยหมัดออกมาเช่นเดียวกัน ทั้งสองทั้งแข็งแกร่งและบ้าคลั่งเป็นอย่างมาก

ตู้ม!

เสียงดังสนั่นหวั่นไหว หมัดเย่เทียนเฉินและเปาเทียนหลงปะทะกัน ระเบิดจนส่องประกายออกมา นี่คือการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาทั้งสอง เย่เทียนเฉินลงมือเต็มกำลังแล้ว ระเบิดพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันขั้นสูงสุดออกมา ต่อยหมัดออกไปได้หนักแน่นอย่างมาก ส่วนเปาเทียนหลงที่เคยเป็นขุนพลระดับทัพฟ้า หากไม่ใช่เพราะฆ่าคนผิดตอนนี้ก็คงเป็นขุนพลระดับทัพฟ้าที่โดดเด่นคนหนึ่ง มีลมปราณแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นที่สามารถควบคุมวัตถุได้แล้ว หมัดนี้ของเขารวบรวมลมปราณฟ้าทั้งหมดในร่าง ดังนั้นจึงเรียกว่าหมัดเทพปราณฟ้า

เปาเทียนหลงถูกโจมตีกลางอากาศจนกระเด็นออกไป ส่วนเย่เทียนเฉินกลับถูกแรงโจมตีกระแทกจนกระเด็นกลับไปอยู่ท่ามกลางเศษฝุ่น ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบลง ยี่สิบกระบวนท่า ทั้งสองต่อสู้กันยี่สิบกระบวนท่าจริงๆ ทั้งตื่นตาตื่นใจและบ้าคลั่งเป็นอย่างมาก เพียงแต่หลังจากยี่สิบกระบวนท่านี้ จะสามารถรู้แพ้รู้ชนะได้หรือไม่คนนอกยากที่จะรู้ได้ เกรงว่าคงมีเพียงเย่เทียนเฉินและเปาเทียนหลงสองเท่านั้นที่จะรู้

ไม่นานเปาเทียนหลงก็ล่วงลงมาถึงพื้น สีหน้าขาวซีด มือขวาบิดเบี้ยวจนเปลี่ยนรูปไปอย่างชัดเจน หมัดเมื่อสักครู่นี้เขาลงมือเต็มที่แล้ว ต่อย “หมัดเทพปราณฟ้า” ที่เป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกไป เดิมทีคิดว่าจะสามารถฆ่าเย่เทียนเฉินได้ ไหนเลยจะรู้ว่าเย่เทียนเฉินกลับต่อยหมัดออกมา เป็นหมัดที่มีความหนักหน่วงรุนแรงเช่นเดียวกัน หมัดปะทะเข้าด้วยกัน ดวลพลังกัน เปาเทียนหลงคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเย่เทียนเฉินจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้

“หัวหน้า คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“หัวหน้า มือของคุณ…”

ผู้คุ้มกันทั้งสองรีบวิ่งเข้ามา ตอนนี้มือขวาของเปาเทียนหลงบิดเบี้ยวจนเปลี่ยนรูปไปแล้ว ทั้งสองต่างรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่ในใจ เมื่อสักครู่นี้พวกเขาย่อมเห็นเปาเทียนหลงต่อยหมัดเทพปราณฟ้าออกมา เรียกได้ว่าเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา แม้แต่คนที่ไม่รู้วิชาต่อสู้ก็สามารถรับรู้ได้ถึงความรุนแรงของหมัด ยิ่งไปกว่านั้นหมัดนี้เป็นหมัดที่เปาเทียนหลงรวบรวมพลังภายในทั้งหมด ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครต้านทานได้ แต่เย่เทียนเฉินถึงกับสามารถปะทะขึ้นมาได้จริงๆ ใช้กำปั้นซัดปะทะเข้ามาเช่นเดียวกัน ที่สำคัญที่สุดก็คือยังทำให้มือขวาของเปาเทียนหลงกระดูกหักจนเปลี่ยนรูปร่างไปแล้ว ทำให้พวกเขาตกใจจนคางแทบร่วง

“ฉันไม่เป็นไร…เย่เทียนเฉินแข็งแกร่งมากจริงๆ โชคดีที่พวกแกสองคนไม่ได้ลงมือ ไม่งั้นคงต้องตายไปแล้ว!” เปาเทียนหลงมองผู้คุ้มกันสองคนที่เป็นลูกน้องของตน พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง

ผู้คุ้มกันทั้งสองพยักหน้าเงียบๆ มองไปท่ามกลางเศษฝุ่น ตอนนี้พวกเขาไม่ได้มีสายตาดูถูกเลยแม้แต่ครึ่งส่วน แต่กลับนับถือเย่เทียนเฉินด้วยซ้ำ ผู้แข็งแกร่งย่อมควรค่าแก่การนับถือของผู้คน พวกเขาเองก็รู้สึกโชคดีที่เมื่อสักครู่นี้ไม่ได้ออกไปสู้แทนหัวหน้าเปาเทียนหลง มิเช่นนั้นเกรงว่าตอนนี้คงจะกลายเป็นศพไปแล้ว

“หัวหน้าเปา ไม่เป็นไร ไอ้หนูนั่นจะต้องตายแน่!”

“ฮ่าๆ ตายก็ดี ไอ้เด็กนี่โอหังเกินไปแล้ว กล้ามาก่อเรื่องที่ตระกูลหลัวของพวกเรา จะต้องตาย”

“หึ ไอ้คนไม่รู้จักที่ตาย ถึงกับกล้ายั่วยุหัวหน้าเปา ต่อให้เขามีความสามารถอยู่บ้าง แต่จะต้องแหลกเป็นโคลนไปแล้วแน่!”

เมื่อเห็นเปาเทียนหลงถึงกับได้รับบาดเจ็บ มือขวาบิดเบี้ยวจนเปลี่ยนรูปไป กระดูกจะต้องแตกเป็นเสี่ยงอย่างแน่นอน มิฉะนั้นคงไม่เกิดสภาพร้ายแรงแบบนี้ คนตรกูลหลัวต่างก็รู้สึกใจสั่น ใครก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ ดูท่าที่เขาลงมือทำร้ายจางอวิ๋นและหลัวเสียนเม่ยก็ลงมือไว้ไมตรีมากแล้ว มิฉะนั้นชีวิตของสองแม่ลูกคู่นี้คงเก็บไว้ไม่ได้

“เทียนเฉิน…เทียนเฉิน…” หลัวเยี่ยนตกตะลึง เปาเทียนหลงไม่เป็นอะไรแล้ว ถ้าอย่างนั้นเย่เทียนเฉินคงจะไม่…

ในตอนที่คนตรกูลหลัวลอบยินดีอยู่ในใจ กระทั่งระงับความยินดีเอาไว้ไม่ไหวจนยิ้มออกมา ส่วนหลัวเยี่ยนก็ใกล้จะคลั่งไปแล้ว คิดที่จะวิ่งเข้าไปท่ามกลางฝุ่นควันเพื่อไปหาลูกชาย ตอนนั้นเอง เงาร่างร่างหนึ่งก็เดินออกมาอย่างมาดเท่ มุมปากคาบบุหรี่มวนหนึ่ง มือซ้ายล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง มือขวามีเลือดไหลลงมาตามแขน…

……………….