ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 78
ความคิดที่ว่านางจะบังเอิญโชคดีมุ่งไปที่หวงไท่โฮ่ว เพราะนางรู้ว่าหวงไท่โฮ่วจะไม่ลงโทษข้ารับใช้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ถ้าได้ยินว่าหยวนซื่อต้องการโบยนางฆ่าหลวงให้ตาย เพียงเพราะเรื่องชาที่หก จะต้องไม่พอใจหยวนซื่อมากแน่ ๆ
และก็เป็นอย่างที่คาดไว้ หวงไท่โฮ่วได้ยินที่พระสนมเหมยเล่า ก็โกรธเคืองทันที “มีคนเลวทรามเช่นนี้ด้วยหรือ? ไม่ใช่ว่านางเป็นผู้ที่มีความสามารถด้านวรรณกรรมที่โดดเด่น? จะโหดร้ายอย่างไร้เหตุผลได้อย่างไร?”
ฮองเฮาก็เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง เพราะว่า เรื่องที่สนมเหมยเล่ามาก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ อุปนิสัยใจคอและพฤติกรรมของหยวนซื่อ นางเองก็ไม่ได้รู้ดีนัก
หากว่าเป็นจริง นางพูดหักล้างว่าไม่จริง ก็จะกลายเป็นนางที่แพ้พ่ายให้แก่สนมเหมย ต่อไปก็จะถูกสนมเหมยยึดครองตำแหน่งที่สูงกว่า แล้วจะถูกจูงจมูก
ความเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นในนัยน์ตาของหลิงหลงฟูเหริน ก่อนหน้านี้สนมเหมยพูดว่าเป็นเพียงข่าวลือ แต่บัดนี้บอกว่ามันเกิดขึ้นที่ตำหนักของพระนาง อยากได้รับความไว้วางใจจากหวงไท่โฮ่วล่ะสิ?
มาดูกันว่าฮองเฮาจะพูดว่าอย่างไร!
ในที่สุดจื่ออานก็ทนไม่ได้อีกต่อไป เดินเข้ามาด้านในอย่างไว
มหาเสนาบดีเซี่ยกับหลิงหลงฟูเหรินที่เห็นนางต่างตกใจมาก
ไม่ใช่ว่าถูกโบยและขังไว้ที่ห้องลงทัณฑ์เหรอ? ทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้? อีกทั้งเมื่อเห็นผิวพรรณของนาง ดูเหมือนว่าสองวันที่นางอยู่ที่นี่จะสุขสบายมาก ๆ
พระสนมเหมยก็ตกใจเล็กน้อย เป็นไปได้ไหมว่าข่าวที่แพร่ออกมานั่นผิดพลาด?
จื่ออานเดินไปที่เบื้องหน้าของหวงไท่โฮ่ว แล้วคุกเข่าลง เงยใบหน้าที่แลดูหมดจดทว่าดื้อรั้นขึ้นมา “จื่ออานขอถวายบังคมหวงไท่โฮ่ว”
หวงไท่โฮ่วที่เห็นนางเข้ามา สีพระพักตร์ก็เปลี่ยนไปในทันที กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “รีบลุกขึ้นเถิด”
จื่ออานลุกขึ้น นัยน์ตาเชือดเฉือน นางกล่าว “หวงไท่โฮ่วได้โปรดให้อภัยหม่อมฉันด้วยเพคะ ที่บุกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต”
หวงไท่โฮ่วโบกมืออย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร “ไม่เป็นไร เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้ากำลังคิดอยู่ว่าจะให้คนไปรับตัวเจ้ามา”
ท่าทีของหวงไท่โฮ่วทำให้มหาเสนาบดีเซี่ยและหลิงหลงฟูเหรินตกใจ เป็นแบบนี้ได้ยังไง? หวงไท่โฮ่วไม่ได้เกลียดชังนางเรื่องการถอนหมั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้ ถึงแม้หวงไท่โฮ่วจะเชื่อว่านางถูกบังคับ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ตำหนินางเลย เพราะว่า นางถอดผ้าคลุมศีรษะเจ้าสาวออกต่อหน้าเจ้าหน้าที่ทุกระดับและกล่าวเรื่องการถอนหมั้นออกมา
จื่ออานโค้งคำนับแล้วหันไปมองมหาเสนาบดีเซี่ย ด้วยนัยน์ตาอันทุกข์ระทมขมขื่นที่ทำให้คนไม่อาจละสายตาได้ มหาเสนาบดีเซี่ยที่เห็นในระยะใกล้ เขาหลบเลี่ยงโดยไม่รู้ตัว ไม่กล้าที่จะมอง
ความตระหนกในใจยังไม่ทันลดลงก็มีเรื่องน่าประหลาดใจใหม่เพิ่มเข้ามา เขาพบว่าบุตรสาวคนนี้ที่ไม่เคยเป็นที่โปรดปรานของเขาเลย ได้เปลี่ยนไปมากจริง ๆ
ไม่สิ ไม่ควรใช้คำว่าเปลี่ยนไปมาอธิบาย แต่มันเหมือนเปลี่ยนไปเป็นอีกคนเลย
จื่ออานถามเขาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ท่านพ่อ ลูกขอถามท่านแค่คำเดียว ในใจของท่าน ท่านแม่เป็นอย่างที่ท่านหรือพระสนมเหมยพูดจริง ๆ หรือไม่?”
มหาเสนาบดีเซี่ยรู้สึกโกรธ เขาโมโหจื่ออานและโมโหตัวเองด้วย ไม่คาดคิดเลยว่าเกือบจะถูกนางทำให้ตกใจกลัวแล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นสบตาแล้วก็กล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าที่พ่อกล่าวหรือที่พระสนมเหมยกล่าวมา มีสักครึ่งประโยคที่ไม่จริงไหม?”
ประกายของการเหยียดหยามแวบผ่านเข้าในดวงตาของจื่ออาน จากนั้นนางก็โค้งคำนับพระสนมเหมย “เมื่อครู่นี้ พระสนมเหมยได้กล่าวถึงตัวอย่างเมื่อหลายปีก่อน เพื่อพิสูจน์ว่ามารดาของหม่อมฉันนั้นโหดร้ายทารุณเพียงใด หม่อมฉันจึงอยากจะถามพระนางสักหน่อยว่า สามารถเรียกตัวนางข้าหลวงผู้นั้นมาที่นี่ได้หรือไม่ หม่อมฉันมีเรื่องที่ต้องถามนาง”