ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 79

พระสนมเหมยกล่าวอย่างไม่พอใจ “ผ่านมาหลายปีขนาดนั้น ข้าเองก็ลืมไปแล้วว่านางข้าหลวงผู้นั้นชื่อว่าอะไร และก็ไม่รู้ว่าถูกย้ายไปอยู่ตำหนักไหนเสียแล้ว บางทีอาจถูกปล่อยให้ออกจากวังไปแล้วก็เป็นได้”

เมื่อเห็นว่าเซี่ยจื่ออานทำให้พระสนมเหมยรู้สึกยุ่งยากลำบากใจ ในที่สุดก็กล่าวตำหนิขัดจังหวะขึ้นมา แสร้งแสดงท่าทางความเป็นแม่ออกมากล่าวน “จื่ออานข้าบอกกับเจ้ากี่ครั้งกี่หนแล้วว่าเจ้าจะต้องพูดและทำสิ่งต่าง ๆ อย่างเหมาะสมต่อหน้าคนอื่น อุปนิสัยของพระสนมเหมยนั้น ก็อย่างที่ทุกคนรู้ พระนางเป็นคนเปิดเผยและจริงใจ เจ้าพูดเช่นนี้ คงไม่ได้จะเปรยว่าพระนางแต่งเรื่องขึ้นมาใช่ไหม? นี่เป็นการหมิ่นพระเกียรติอย่างร้ายแรง ถึงแม้ว่าแม่ของเจ้าจะไม่เคยสอน แต่ข้าก็ตักเตือนเจ้าอยู่บ่อยครั้ง ทำไมเจ้าถึงไม่จำ กระทำอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเกิดเรื่องยุ่งเหยิงเช่นนี้?”

จื่ออานกล่าวอย่างไม่เกรงกลัว “เปล่า ข้าไม่ได้จะเปรยว่าพระสนมเหมยแต่งเรื่องขึ้นมา แต่ข้าพูดอย่างชัดเจนว่าพระนางแต่งเรื่องขึ้นมาจริง ๆ เรื่องแบบนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

พระสนมเหมยโกรธจัด “เซี่ยจื่ออาน เจ้าช่างบังอาจนัก กล้าดีอย่างไรมาใส่ร้ายข้า หาว่าข้าแต่งเรื่องขึ้นมา?”

แม้ว่าหวงไท่โฮ่วได้เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อจื่ออานแล้ว แต่ทว่าจื่ออานไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่ชี้ให้เห็นว่าพระสนมแห่งราชวงค์นี้แต่งเรื่องขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่ไม่สมควรเป็นอย่างมาก และท่าทางของนางก็ดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก “จื่ออาน อย่าพูดจาเหลวไหล พระสนมเหมยไม่มีทางโกหกแน่”

อุปนิสัยของพระสนมเหมย หวงไท่โฮ่วยังไว้วางใจได้ นางเข้ามาอยู่ในวังเป็นเวลากว่ายี่สิบปีแล้ว แม้ว่าจะไม่เอ่ยถึงเรื่องคุณธรรม แต่นางได้ทำหน้าที่รับใช้องค์จักรพรรดิอย่างดีและได้ให้กำเนิดองค์ชายกับองค์หญิง หวงไท่โฮ่วไม่อาจทนเห็นคนนอกวังมาใส่ร้ายตามอำเภอใจได้

หวงไท่โฮ่วไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าพระสนมเหมยในตอนนี้ไม่ใช่พระสนมเหมยเหมือนเช่นวันก่อนแล้ว หลังจากที่ฝ่าบาทป่วยหนัก นางก็เริ่มวางแผนถึงอนาคต เพื่อเป็นแม่ที่แข็งแกร่ง ใช้ประโยคนี้กับนาง ถึงแม้จะไม่เหมาะสม แต่ว่ามันก็เป็นจริงเป็นเช่นนั้น

จื่ออานที่กำลังจะพูด ก็ได้ยินเสียงขันทีตะโกนจากนอกพระตำหนักว่า “ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิมาถึงแล้ว!”

เมื่อสิ้นเสียง หวงไท่โฮ่วยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็เห็นมู่หรงเจี๋ยก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว

เมื่อเข้ามาในพระตำหนักแล้ว เขาเลิกคิ้วและมองพระสนมเหมย “พระสนมเหมย ตอนที่ข้าอยู่ด้านนอกได้ยินว่าท่านอารมณ์ไม่ดี ใครทำให้พระสนมเหมยผู้อ่อนโยนของพวกเราโมโหได้ถึงขนาดนี้ ช่างสมควรถูกลงโทษ!”

พูดจบเขาก็ก้าวไปข้างหน้าและโค้งคำนับ “ถวายบังคมเสด็จแม่”

หวงไท่โฮ่วพูดอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า “เจ้าไม่ยุ่งเรื่องการเมืองของเจ้าหรือ จะมายุ่งเรื่องของวังหลังทำไม?

ถึงจะพูดไปอย่างนั้น แต่ก็ตบเก้าอี้ที่อยู่ข้าง ๆ “นั่งลงสิ”

มู่หรงเจี๋ยมองไปที่จื่ออาน ด้วยท่าทางยั่วเย้า “แน่นอนว่าที่ลูกมาที่นี่ก็เพื่อมาดูลูกสะใภ้ของท่าน”

จื่ออานหน้าแดง ก้มหน้าลงในทันที

มหาเสนาบดีเซี่ยและหลิงหลงฟูเหรินมองหน้ากันแทบจะกระโดดยืนขึ้น แล้วถามว่าหมายความว่าอย่างไร?

ใบหน้าของหลิงหลงฟูเหรินซีดเผือด เป็นไปไม่ได้ เซี่ยจื่ออานต้องแต่งกับผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิเหรอ? เขาจะแต่งงานกับนางได้อย่างไร? ใครจะเต็มใจแต่งงานกับนาง ตอนนี้ในเมืองหลวงไม่ว่าจะเป็นบุตรชายของพวกพ่อค้าที่ร่ำรวยหรือของพวกข้าราชการก็ไม่อยากแต่งกับนาง ผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิหมายความว่ายังไงกัน?

หวงไท่โฮ่วอดจะหัวเราะไม่ได้ “ข้ายังไม่ได้สั่งการเลย เจ้าก็เรียกสะใภ้แล้ว รู้สึกละอายไหม?”

มู่หรงเจี๋ยมองไปที่จื่ออานด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ไม่มีรอยยิ้มในดวงตาสักนิดเดียว “จื่ออานเจ้าเพิ่งทำให้พระสนมเหมยขุ่นเคืองพระทัย? รีบขอโทษพระนางเสีย”

ใบหน้าของพระสนมเหมยก็ซีดเล็กน้อย “ท่านอ๋อง ท่านกับจื่ออาน?

มู่หรงเจี๋ยกล่าว “อ๋อ เรื่องนี้เหรอ ข้าไม่อาจพูดได้ เพื่อไม่ให้เสด็จแม่ว่าข้าได้ว่า ไม่รู้จักละอาย เจ้าถามเสด็จแม่เองก็แล้วกัน”

หวงไท่โฮ่วถูกเขาล้อเลียน “พอได้แล้ว หลีกไปไกล ๆ เจ้าน่ะน่าไม่อาย”

ฮวงไทยเฮาไม่ได้ใส่ใจ นางมองไปที่จื่ออาน “เจ้าเพิ่งบอกว่าสิ่งที่พระสนมเหมยพูดนั้นนางแต่งเรื่องขึ้นมา เจ้ามีหลักฐานไหม ตามคำบอกเล่าของพระสนม นางข้าหลวงผู้นั้นตอนนี้หาตัวยากมาก”

จื่ออานโค้งคำนับและกล่าว “หวงไท่โฮ่ว นางข้าหลวงรับใช้ผู้นั้นหาตัวได้ไม่ยาก พระสนมเหมยเพิ่งจะพูดว่านางโปรดปรานนางผู้นี้ อีกทั้งเป็นนางข้าหลวงรับใช้ในพระตำหนัก สามารถเข้ามารับใช้ในตำหนักได้ทั้งยังได้รับความไว้วางใจด้วย ถึงแม้ว่าพระสนมจะจำชื่อนางไม่ได้ แต่คนรอบข้างพระนางจะต้องจำได้อย่างแน่นอน หากยังจำไม่ได้ ให้ขันทีในตำหนักช่วยหาผูัที่รับใช้พระสนมเมื่อครั้งเป็นสนมตำแหน่งผิน จะต้องตรวจสอบเจอแน่ว่านางข้าหลวงผู้นี้เป็นใคร”