อัครมเหสีฉู่ยิ้มและกล่าวว่า “เพื่อนของเจ้าช่างโชคดีเหลือเกิน”

“ฮูหยินรับประทานหรือยังขอรับ? หากยังไม่ทาน เช่นนั้นอาหารเหล่านี้ก็มอบให้กับฮูหยินเลยขอรับ

ไม่ทันที่อัครมเหสีฉู่จะตอบกลับ ซิ่งเอ๋อร์ก็รีบปฏิเสธและตำหนิ “อาหารเช้าของฮูหยินทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่รบกวนคุณชายหรอก ส่วนอาหารของคุณชายก็เก็บเอาไว้ทานเองเถอะ”

ความหวังของเขาสิ้นสุดลงเพียงคำพูดเดียว เขายิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “ขอโทษขอรับ” จากนั้นจึงนำตะกร้าสำรับอาหารเดินจากไป

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแผ่นหลังของเขาช่างเปล่าเปลี่ยวเดียวดายหรือเป็นเพราะระหว่างคิ้วของเขาช่างดูคุ้นเคย อัครมเหสีฉู่เห็นเข้าก็รู้สึกสงสารอย่างบอกไม่ถูก

“เดี๋ยวก่อน”

อัครมเหสีฉู่เดินไปข้างหน้าและยิ้มจางๆ “อาหารของคุณชายช่างหอมเหลือเกิน ข้ารู้สึกอยากลิ้มรสเสียแล้ว หากคุณชายไม่รังเกียจ เช่นนั้นข้าก็จะรับตะกร้าสำรับอาหารนี้เอาไว้”

“ฮูหยิน” ซิ่งเอ๋อร์ตกใจ

ฮูหยินไม่เคยรับประทานอาหารข้างนอกเลย นอกเหนือจากที่พวกเขาจัดเตรียมเอาไว้ แต่ทำไมวันนี้กลับรับประทานอาหารของคนแปลกหน้าได้นะ?

นางกล่าวกระซิบ “ฮูหยิน เด็กหนุ่มคนนี้ไม่เป็นก็ไม่รู้ หากการพบเจอกับเราเมื่อวานเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ เช่นนั้นทำไมวันนี้ถึงยังเจอกันอีก แถมยังมอบอาหารให้กับท่านอีกด้วย? บ่าวเห็นว่า เขาจงใจเข้าหาท่านนะเจ้าคะ ท่านห้ามรับประทานอาหารของเขาเชียวนะเจ้าคะ”

“ข้าว่าเขาดูเป็นคนจิตใจดีเสียออก ไม่เหมือนกับเป็นคนไม่ดี”

“คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ต่อให้เขาเป็นคนไม่ดี เขาก็ไม่แสดงออกมาทางสีหน้าหรอกเจ้าค่ะ ฮูหยิน……”

“พอได้แล้ว เจ้าถอยออกไปก่อนเถอะ”

ซิ่งเอ๋อร์ยังจะพูดต่อ แต่อัครมเหสีฉู่ทำสีหน้าเย็นชาจ้องเขม็งใส่นางเพื่อให้นางหยุดพูด

ซิ่งเอ๋อร์ทั้งกระวนกระวายทั้งเป็นกังวล

อัครมเหสีฉู่ไม่เคยพูดรุนแรงกับนางเช่นนี้มาก่อนเลย แต่วันนี้กลับโมโหขึ้นเพียงเพื่อเด็กหนุ่มที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า นี่……

อัครมเหสีฉู่กล่าวขอโทษขอโพย “คนใช้ของข้าไม่รู้เรื่อง คุณชายได้โปรดอย่าใส่ใจเลย”

“ไม่เลย เป็นเรื่องดีเสียต่างหากที่นางจงรักภักดีต่อเจ้านาย”

“เพิ่งจะเช้าเอง คุณชายก็ยังไม่ทานอะไรเลยใช่ไหม เช่นนั้นก็รับประทานด้วยกันสิ ซิ่งเอ๋อร์ เจ้าไปจัดเตรียมถ้วยและตะเกียบมาอีกหนึ่งชุดเข้ามา”

“เจ้าค่ะ……” ซิ่งเอ๋อร์เดินออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก ไม่นานก็หยิบถ้วยและตะเกียบเดินกลับเข้ามา

ตะกร้าสำรับถูกเปิดออก ภายในนั้นมีกับข้าวทั้งหมดสามอย่างและข้าวต้มหนึ่งถ้วย

อย่างแรกคือเห็ดผัดมังสวิรัติ เห็ดนั้นมีหลายสีและจัดวางให้เป็นรูปบ้านเห็ด

อีกอย่างหนึ่งคือแสงจันทร์บนสระบัว มีรากบัว ถั่วลันเตา หัวไชเท้าและเห็ดหูหนูเป็นส่วนประกอบ

อีกอย่างหนึ่งคือจับฉ่ายเต้าหู้ ที่ถูกเรียกว่าจับฉ่ายเต้าหู้นั่นก็เป็นเพราะเต้าหู้ในถ้วยนั้นมีทั้งแบบยัดไส้ แบบทอดและแบบผัด และมีพริกแดงและพริกเขียวตกแต่งเพื่อให้ออกมาดูสวยงาม

อาหารทั้งสามชนิดนี้ ไม่ว่าจานไหนก็ดูเต็มไปด้วยสีสันที่ชวนรับประทาน จากการตกแต่งของเขาทำให้รู้ได้ว่าเขาใช้ความพยายามอย่างมาก

ซิ่งเอ๋อร์ตกตะลึงมาก ไม่คาดคิดเลยว่าอาหารมังสวิรัติจะสามารถทำออกมาได้ดูน่าทานและสวยงามเช่นนี้ อีกทั้งยังดูดีกว่าอาหารในวังหลวงไม่รู้ตั้งกี่สิบเท่า

แต่อาหารทั้งสามอย่างนี้ กลับเป็นอาหารมังสวิรัติที่อัครมเหสีฉู่ไม่โปรดเลยสักอย่าง

นางติดตามอัครมเหสีฉู่มาเป็นเวลาหลายปี นางกลับไม่เคยเห็นพ่อครัวทำอาหารเหล่านี้ให้อัครมเหสีฉู่เสวยเลยสักครั้ง

ฝ่าบาทก็เคยรับสั่งว่าภายในวังห้ามจัดสำรับอาหารที่มีสิ่งของเหล่านี้ เพราะอัครมเหสีฉู่กลัวรสชาตินั้น

ในขณะที่อัครมเหสีฉู่มองดูอาหารทั้งสามจานนั้นก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย

พระองค์ไม่รู้จักเด็กผู้ชายคนนี้เลย แต่เด็กผู้ชายคนนี้ไม่เพียงแค่ให้ความรู้สึกหนึ่งที่คุ้นเคยกับพระองค์เท่านั้น

อีกทั้ง……

อาหารทั้งสามอย่างนี้ พระองค์ชอบทานอย่างมากตอนที่กำลังตั้งครรภ์ ทุกครั้งที่ทานอาหารทั้งสามอย่างนี้เข้าไป พระองค์ก็รู้สึกได้ว่าเด็กที่อยู่ในท้องของพระองค์ชอบมาก

หลังจากนั้น……

หลังจากนั้นลูกของพระองค์ก็ถูกลักพาตัวไป พระองค์กลัวว่าจะกระทบกระเทือนจิตใจอีก จากนั้นจึงไม่ทานอาหารสามอย่างนี้อีกเลย

เมื่อนึกถึงลูกที่สูญหายไป จากนั้นดวงตาของอัครมเหสีฉู่ก็แดงก่ำและน้ำตาก็ไหลออกมา