เยี่ยเฟิงจัดระเบียบอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้มันเข้าที่เข้าทางกว่านี้และมุมปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย “ข้าก็คิดว่าดูดีเช่นกัน”

“อันที่จริงเจ้าไม่ต้องทำเช่นนี้ก็ได้ ข้าเป็นคนเรียบง่าย เพียงแค่ผัดกับข้าวจานเล็กๆ สักสองอย่างก็ได้แล้ว เจ้า……”

ยังไม่ทันที่กู้ชูหน่วนจะพูดจบ เยี่ยเฟิงมองขึ้นไปบนท้องฟ้า คลุมตะกร้าสำรับ แล้วพูดเบาๆ ว่า “พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เกรงว่าจะไม่ทันแล้ว เช่นนั้นยกให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะ”

“อ๋า……”

กู้ชูหน่วนตกตะลึง

อาหารเหล่านี้ไม่ได้เตรียมไว้ให้นางหรอกหรือ?

หรือว่าจะเขินอาย จึงจะส่งไปที่ในห้องนอนของนาง?

ท่ามกลางความสงสัย เยี่ยเฟิงก็หันกลับมาและดึงผ้าคลุมหน้าของนางออก จากนั้นถามว่า “แม่นางกู้ สีหน้าของข้าแย่มากเลยใช่ไหม?”

“ไม่……ไม่เลย” เพียงแค่ตาบวมเล็กน้อย

“ขอบใจ”

เยี่ยเฟิงพูดขอบคุณ จากนั้นจึงหันหลังเดินออกไปจากห้องถือศีลอดอาหาร และหลงเหลืออยู่เพียงกู้ชูหน่วนและฝูกวงที่ยืนจ้องหน้ากัน

นี่คืออะไรกัน?

เยี่ยเฟิงมองไม่เห็นหรืออย่างไรว่านายท่านยืนอยู่ตรงนี้?

กู้ชูหน่วนกระแอมเบาๆ “เยี่ยเฟิงเป็นคนขี้อาย เราต้องเข้าใจเขาเสียหน่อย ไปกันเถอะ กลับห้องไปกินอาหารเจที่เยี่ยเฟิงทำให้ดีกว่า”

“ขอรับ”

ทั้งสองเดินออกมาจากห้องถือศีลอดอาหาร แต่พวกเขาค้นพบว่า เยี่ยเฟิงกลับไม่ได้เดินไปทางห้องพักของพวกเขา แต่กลับเดินเลี้ยวไปที่ห้องพักอีกแห่งหนึ่ง

อีกทั้ง……

พวกเขายังเห็นว่าเยี่ยเฟิงกำลังเดินไปมาอยู่บ้านห้องพักด้วยความเป็นตื่นเต้นเป็นกังวล ราวกับต้องการจะส่งสำรับอาหารเข้าไป แต่ก็ไม่กล้า

ในที่สุดเขาก็นำอาหารที่อยู่ในตะกร้ามอบให้กับพระที่เดินผ่านมา

“ท่านอาจารย์ รบกวนท่านนำสำรับอาหารนี้เข้าไปมอบให้กับฮูหยินที่อยู่ข้างในได้หรือไม่?”

“โยมคือโยมคนที่ทำอาหารเจเมื่อเช้านี้ใช่ไหม?”

“ขอรับ……”

ใบหน้าของเยี่ยเฟิงแดงก่ำ รู้สึกร้อนรนและรู้สึกอธิบายไม่ถูก

“ได้ยินมาว่าฮูหยินคนนั้นทำความดีและสะสมคุณธรรมมานานหลายปีแล้ว และยังบริจาคเงินจำนวนมากให้กับวัดไป๋อวิ๋นด้วย ข้า……ข้าได้ยินแล้วก็รู้สึกซาบซึ้ง จึงต้องการอยากจะทำอาหารเจเพื่อมอบให้กับนาง เพื่อเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยขอรับ”

จากนั้นพระท่านนั้นก็ตระหนักขึ้นได้

เขายิ้มและกล่าวว่า “โยมช่างมีน้ำจิตน้ำใจเหลือเกิน แต่เรื่องอาหารการกินของฮูหยินท่านนั้นมีคนรับผิดชอบโดยเฉพาะ โดยปกติแล้วจะไม่ทานอาหารเจที่เราจัดเตรียมไว้ โดยมีคนใช้ของนางเป็นผู้จัดเตรียมดูแล อาหารเจของเจ้านี้ เกรงว่าคงยากที่จะส่งเข้าไป”

ความตื่นเต้นของเยี่ยเฟิงกลับกลายเป็นความผิดหวัง

เขาลืมไปได้อย่างไร พระองค์เป็นถึงอัครมเหสี จะเสวยอาหารที่เขาทำได้อย่างไร

“ขอบคุณท่านอาจารย์” เขารับอาหารเจเอาไว้ และสายตายังคงจับจ้องไปที่ห้องพักห้องนั้นและเดินออกไปช้าๆ

พระท่านนั้นกล่าวเตือน “โยม ถึงแม้ว่าอาตมาจะไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของฮูหยินท่านั้น แต่ข้าได้ยินมาว่าฐานะของนางนั้นสูงส่งและข้างกายยังมีองครักษ์จำนวนไม่น้อยที่คอยปกป้อง หากไม่มีอะไรก็ไม่ต้องเข้าใกล้นางที่นี่ จะได้ไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ร้าย”

“ขอบคุณท่านอาจารย์”

“อมิตตพุทธ อาตมาขอตัวลาก่อน”

กู้ชูหน่วนยิ่งรู้สึกสงสัย

ยิ่งรู้สึกน่าสงสัยก็คือ มีหญิงวัยกลางคนผลักประตูเดินออกไปพร้อมกับสาวใช้ เมื่อเห็นเยี่ยเฟิงเข้า สีหน้าของหญิงวัยกลางคนก็ดูมีความสุข

“คุณชายน้อย เป็นเจ้าไปได้อย่างไร”

ร่างกายของเยี่ยเฟิงสั่นไหวขึ้นทันที

เขาอยากจะหันหลังกลับไป แต่ร่างกายก็แข็งเกร็งและหัวใจของเขาก็เต้นแรง

อัครมเหสีฉู่เดินมาตรงหน้าของเยี่ยเฟิงและเผยรอยยิ้มออกมา

“คุณชายน้อย เราเจอกันอีกแล้ว เจ้ากำลัง……”

“อ้อ……ทำอาหารขึ้นมาเล็กน้อย เดิมทีต้องการนำไปให้เพื่อนของข้ากิน แต่เพื่อนของข้าไม่ค่อยชอบอาหารเจของที่นี่เท่าไรนัก ฉะนั้น……”

กู้ชูหน่วนแทบทนไม่ได้

เยี่ยเฟิงรู้จักโกหกตั้งแต่เมื่อไรกันนะ?

นางพูดตอนไหนว่าไม่กิน?

เห็นได้ชัดว่านางอยากกินมาก?

อีกอย่างฝีมือการพูดโกหกของเยี่ยเฟิงก็แย่มาก ดวงตาคู่นั้นไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองหญิงวัยกลางคนคนนั้นเลย ดูออกว่ากำลังพูดโกหก