เล่มที่ 9 บทที่ 269 อู๋เฉินหลบหนี

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

“หยุด!”

เสียงหญิงสาวตวาดขึ้นเพื่อให้ทุกคนหยุดการกระทำ

หลินเมิ้งหยาเข้ามายืนระหว่างกลางพวกเขาทั้งสองฝ่าย ก่อนจะหันไปสบตาป๋ายหลี่อู๋เฉินอย่างไม่กลัวเกรง

“พระชายาหลบไปพ่ะย่ะค่ะ ไม่ว่าอย่างไรข้าน้อยหลินขุยก็ไม่มีทางปล่อยพวกเขาออกไปจากที่นี่ พระองค์โปรดวางพระทัย ข้าน้อยไม่มีวันปล่อยให้พวกเขาทำร้ายพระองค์ได้อย่างแน่นอน”

พวกเขาเป็นชาย ดังนั้นย่อมให้ความสำคัญกับคำว่าศักดิ์ศรีมาเป็นที่หนึ่ง ฉะนั้น สำหรับหลินขุยแล้ว เขาไม่อาจทำใจยอมรับการทรยศหักหลังของพวกป๋ายหลี่อู๋เฉินได้

“ไม่! หลินขุย จงปล่อยพวกเขาไป ป๋ายหลี่อู๋เฉิน วันนี้ข้าจะออกหน้าปล่อยเจ้าไปเอง ที่ทำเช่นนี้หาใช่เพราะข้ากลัวเจ้า แต่ข้าไม่อยากเห็นพี่น้องต้องมาเข่นฆ่ากันเอง นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าไม่ใช่คนของจวนอวี้อีก หากพวกเจ้ายังมีสำนึกอยู่สักเพียงเล็กน้อย หวังว่าพวกเจ้าจะไม่แปรพักตร์และช่วยศัตรูทำลายจวนอวี้ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าได้รับความเชื่อใจจากท่านอ๋องเสมอมา แต่ถ้าหากพวกเจ้าบังอาจแพร่งพรายเรื่องของท่านอ๋องแล้วล่ะก็ ข้าจะตามฆ่าล้างพวกเจ้าจนสุดขอบโลก หลินขุยปล่อยพวกเขาไป!”

สิ้นเสียงของหลินเมิ้งหยา ทุกคนตกอยู่ในอาการสงบนิ่ง

บรรยากาศกดดันเมื่อครู่พลันเงียบสงัด จางเหลียงก้มหน้าลง สุดท้ายพวกเขาก็ไม่สามารถหักหลังหลงเทียนอวี้ได้

ราวกับว่าเขาได้ตัดสินใจแล้ว ดังนั้นจางเหลียงจึงหันหน้าไปมองทางหลินเมิ้งหยา ก่อนจะเอ่ย

“พระชายากล่าวมีเหตุผล วันนี้พวกข้ามาเพียงเพราะต้องการช่วยท่านป๋ายหลี่ออกไป หากพระชายายอมปล่อยพวกข้าไป เช่นนั้นพวกข้าจะไม่ลงมือเข่นฆ่าคนที่เคยเป็นดั่งพี่น้องของตนเอง”

หลินขุยกลับจ้องจางเหลียงด้วยความโกรธเกรี้ยว พวกเขาเคยเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันมาก่อน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้พวกเขาจะหักหลังท่านอ๋อง สำหรับเขาแล้ว เรื่องนี้มิอาจให้อภัยได้

“ไม่! พวกเขาจะออกไปทั้งที่ยังมีชีวิตไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ พระชายา! จะปล่อยพวกเขาออกไปไม่ได้!”

หลินเมิ้งหยาส่ายหน้า ความคิดยังคงเหมือนเดิม

“ปล่อยพวกเขาไป ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร ข้าจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง ข้าจะเป็นผู้ไปอธิบายกับท่านอ๋องเอง เจ้าหลบไป ปล่อยให้พวกเขาออกไปจากที่นี่”

คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้หลินขุยมิอาจลงมือได้อีกต่อไป

การเข่นฆ่ากันระหว่างพี่น้องไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาอยากให้เกิดขึ้น แม้จะยังคงโกรธแค้น แต่ถึงกระนั้นหลินขุยก็หลีกทางให้

หนึ่งคน สองคน ใบหน้าของพวกเขาล้วนเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวด แต่ถึงกระนั้นก็ยังเลือกที่จะเดินไปอีกทาง

พวกจางเหลียงก้มหน้าลง หากออกไปจากที่นี่แล้ว พวกเขาจะไม่ใช่มิตรสหายกันอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นศัตรูที่ต้องเข่นฆ่ากันเมื่อพบเห็นทันที

หลินเมิ้งหยาเดินนำหน้าสุด นางเชิดหน้าขึ้นสูงเพราะอยากให้ป๋ายหลี่อู๋เฉินได้รับรู้ว่าเหตุที่นางปล่อยเขาไปนั่นหาใช่เพราะนางต้องการรักษาชีวิตของตนเอง

คนทั้งสองกลุ่มเดินมาถึงด้านหน้าประตูคุกใต้ดิน สีของท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีดำจางๆ ทว่าแสงจากคบเพลิงทำให้ภูเขาหินปลอมส่องประกาย

หลงเทียนอวี้ยืนหันหลังให้กับประตูคุกใต้ดิน ร่างสูงโปร่งของเขาทำให้ทุกคนหยุดฝีเท้าลง

“ท่านอ๋อง หม่อมฉัน…”

หลินเมิ้งหยาคิดอยากอธิบาย แต่หลงเทียนอวี้กลับโบกมือห้าม

เหล่าองครักษ์ที่ล้อมพื้นที่เอาไว้อย่างแน่นหนาแหวกทางออก ป๋ายหลี่อู๋เฉินและจางเหลียงคิดไม่ถึงเลยว่าหลงเทียนอวี้จะยอมปล่อยพวกเขาไป

“พวกเจ้าจงไปเถิด แต่เมื่อไปแล้วอย่าได้กลับมาที่นี่อีก”

กล่าวเสียงทุ้มต่ำ แม้จะเจือไว้ซึ่งความเย็นชา แต่ถึงกระนั้นก็ยังแฝงไว้ซึ่งความรู้สึกเจ็บปวดเจือจาง

มองดูเหล่าสหายที่เคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ ตอนนี้พวกเขากลายเป็นศัตรูไปแล้ว เช่นนี้จะไม่ให้เขาเจ็บปวดได้อย่างไร

ทว่าชายคนนี้มักเคยชินกับการเก็บซ่อนความรู้สึกของตนเองเอาไว้ภายในใจ แม้จะเจ็บปวด แต่ก็มิยอมเผยอาการใดๆ ออกมาให้เห็น

“ท่านอ๋อง ข้าน้อยสำนึกในบุญคุณของพระองค์เสมอมา วันนี้พวกเรามาเพียงเพื่อช่วยท่านป๋ายหลี่ออกไปจากที่นี่ พวกเราจะไม่มีวันหักหลังพระองค์อย่างแน่นอน”

จางเหลียงก้มหน้าพูดจนจบ ก่อนจะชักดาบออกมาในจังหวะที่ไม่มีใครทันสังเกตุ

ราวกับว่าได้ปรึกษากันมาก่อนเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเหล่าองครักษ์ที่คุ้มกันรอบตัวป๋ายหลี่อู๋เฉินจึงใช้ดาบฆ่าตัวตายทีละคนสองคน

หลินเมิ้งหยาเบิกตากว้าง ขณะที่คิดจะเข้าไปห้าม มือหนาข้างหนึ่งกลับยื่นไปโอบตัวนางให้หันหลังให้กับคนเหล่านั้น

“อย่ามอง”

เขาสั่งเสียงเรียบด้วยน้ำเสียงเจือความเจ็บปวด ทางด้านหลังมีหยดเลือดไหลรินและเสียงร่างกายล้มลงกระแทกพื้น ดวงตาของหลินเมิ้งหยาเปี่ยมไปด้วยความรวดร้าว

นาง…ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เลยแม้แต่น้อย

“ท่านอ๋อง ข้ากับโหวซานจือมาเพื่อช่วยชีวิตของท่านป๋ายหลี่แต่เพียงเท่านั้น พวกเราสองคนมาอยู่ที่นี่ได้เพียงไม่นาน เข้าร่วมงานสำคัญน้อยครั้ง ต่อให้ถูกจับได้ก็สร้างความเสียหายให้แก่พระองค์ได้ไม่มาก เมื่อพวกข้าพาท่านป๋ายหลี่ไปส่งถึงสถานที่ปลอดภัยแล้ว เช่นนั้นพวกข้าจะฆ่าตัวอย่างแน่นอน พระองค์ได้โปรดวางพระทัย”

ทางด้านหลัง เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น หลินเมิ้งหยาจับเสื้อผ้าของหลงเทียนอวี้แน่น

เพราะเหตุใดเรื่องราวจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้

หลงเทียนอวี้พยักหน้า ความตายของคนเหล่านี้สร้างความเจ็บปวดให้เขาไม่น้อย

ร่างไร้วิญญาณเกลื่อนกลาดเต็มพื้น คนเหล่านี้ล้วนเคยสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่เขา ต่อให้เขาไม่ลงมือฆ่า แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็จะใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแผนการที่ป๋ายหลี่อู๋เฉินคิดขึ้น

“คิก คิก ท่านอ๋องเห็นแล้วหรือไม่? อันที่จริงคนเหล่านี้สามารถตายด้วยน้ำมือของพี่น้องเพื่อนพ้องได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะเลือกการตายเช่นนี้ ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะพระชายาของพระองค์ทั้งสิ้น พวกเขาจึงต้องมาตายอย่างน่าสมเพชเช่นนี้”

หลินเมิ้งหยาโกรธจัด คนที่ผิดคือป๋ายหลี่อู๋เฉินต่างหาก หากมิใช่เพราะเขา คนเหล่านี้จะตายได้อย่างไร

หมุนตัวกลับ สิ่งที่ได้เห็นคือร่างไร้วิญญาณเกลื่อนกลาดเต็มพื้น

องครักษ์สิบกว่าคนล้วนทรุดตัวลงแน่นิ่งแทบเท้าของป๋ายหลี่อู๋เฉิน โลหิตสีแดงสดไหลนองเต็มพื้น

“ป๋ายหลี่อู๋เฉิน! พวกเขาต้องมาตายแบบนี้ก็เพราะเจ้า! นี่เจ้าไม่มีแม้แต่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเลยแม้แต่น้อยอย่างนั้นหรือ? หากมิใช่เพราะต้องการจะช่วยเจ้า เช่นนั้นพวกเขาจะต้องมาจบชีวิตลงเช่นนี้หรือ? เจ้าสั่งให้พวกเขาทรยศท่านอ๋อง พวกเขาถึงต้องรับผิดชอบต่อความตายเช่นนี้”

หลินเมิ้งหยายอมรับ มือของนางเปื้อนไปด้วยเลือด แต่นางไม่เคยหาประโยชน์จากคนที่ห่วงใยนางมาก่อน

ทว่าป๋ายหลี่อู๋เฉินกลับใช้ความภักดีของคนเหล่านี้มาเป็นเครื่องมือ

คนผู้นี้ไม่มีแม้แต่ความเห็นใจให้กับผู้อื่น!

ท้องฟ้ามืดสนิท ท่ามกลางแสงสะท้อนจากคบเพลิง ดวงตาของป๋ายหลี่อู๋เฉินเปล่งประกาย

หลินเมิ้งหยาอยากฆ่าเขาเหลือเกิน แต่เพราะการตายของคนเหล่านี้ นางจึงทำได้เพียงจ้องหน้าเขาเขม็ง

“ไสหัวไป”

หลงเทียนอวี้ส่งเสียงเย็นเฉียบ

ครุ่นคิด เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้จะต้องทำให้เขาเจ็บปวดมากอย่างแน่นอน ป๋ายหลี่อู๋เฉินแสยะยิ้ม ก่อนจะพาองครักษ์อีกสองคนเดินเข้ามาหยุดยืนด้านหน้าหลงเทียนอวี้

คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะคุกเข่าต่อหน้าลงเทียนอวี้แล้วโขกหัวลงกับพื้น

หลงเทียนอวี้หันหน้าไปอีกทาง เขาไม่อยากเห็นคนทรยศคนนี้อีก

อยู่ๆ ป๋ายหลี่อู๋เฉินก็ระเบิดอารมณ์อีกครั้ง ขณะที่ไม่มีใครทันสังเกต เขาเข้าไปคว้าตัวหลินเมิ้งหยาเอาไว้

“ป๋ายหลี่อู๋เฉิน เจ้าอยากตายอย่างนั้นหรือ”

สายตาของหลินขุยเปี่ยมไปด้วยความอาฆาต ทุกคนชักดาบออกมาแล้วชี้ไปทางป๋ายหลี่อู๋เฉิน

“เจ้าคิดจะทำอะไร”

ป๋ายหลี่อู๋เฉินจับตัวหลินเมิ้งหยาเอาไว้แน่น มีดเล่มหนึ่งพลันปรากฏที่มือของเขา เขาชี้มีดไปที่ลำคอของหลินเมิ้งหยา หากเขากรีดมันลงไป เลือดสีแดงสดจะต้องพวยพุ่งออกมาอย่างแน่นอน

“ท่านอ๋อง! เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นก็เพราะผู้หญิงคนนี้ หากข้าจะไป ข้าก็ขอฆ่านางก่อนแล้วค่อยไป หากนางยังอยู่ สักวันหนึ่งนางจะต้องทำลายพระองค์อย่างแน่นอน”

น้ำเสียงเย็นชาของป๋ายหลี่อู๋เฉินประกาศกร้าว หัวใจของหลินเมิ้งหยาสั่นระรัว ดูเหมือนป๋ายหลี่อู๋เฉินจะต้องการเอาชีวิตของนางจริงๆ

ปลายมีดเย็นเฉียบแตะอยู่บนคอระหงของหลินเมิ้งหยา เพียงนางดิ้นหนีเล็กน้อย ความรู้สึกเจ็บแสบพลันแล่นขึ้นมา

ไม่ต้องมีใครบอกนางก็รู้ได้ว่ามีดเล่มนี้คมเพียงใด

“ปล่อยนางเสีย มิเช่นนั้นข้าจะหักกระดูกของเจ้าออกเป็นชิ้นๆ”

หากเมื่อครู่หลงเทียนอวี้ตกอยู่ในอาการเจ็บปวด เช่นนั้นตอนนี้เขาก็กำลังตกอยู่ในห้วงโทสะ

สาเหตุที่เขาคุมขังป๋ายหลี่อู๋เฉินเอาไว้นั่นก็เพราะเขาต้องการจะยับยั้งแผนการลอบสังหารหลินเมิ้งหยาของชายคนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นป๋ายหลี่อู๋เฉินยังได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการหยุดยั้งของเขาในคืนนั้น

หากมิใช่เพราะชิงหูและหลินจงอวี้ อีกทั้งยังมีคนที่เขาส่งไปคุ้มกันรอบตำหนักหลิวซินแล้วล่ะก็ เกรงว่าป๋ายหลี่อู๋เฉินคงทำตามแผนสำเร็จไปแล้ว

“ท่านอ๋อง! พระองค์อย่าได้มัวลุ่มหลงในตัวนางอีกต่อไปเลย ต่อจากนี้ไปพระองค์จะต้องทำการใหญ่ ท่านลองตรองดูเถิดว่าตอนนี้ตัวท่านใจอ่อนเพียงใดคนที่จะทำการใหญ่ได้จำต้องเยือกเย็นสุขุมรอบคอบ แต่เพราะผู้หญิงคนนี้ทำให้พระองค์เปลี่ยนไป นางจะทำให้พระองค์เดินทางผิด ข้าไม่มีวันยอม! ข้าไม่มีวันยอมให้เรื่องนี้ต้องเกิดขึ้น!”

หลินเมิ้งหยาเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดป๋ายหลี่อู๋เฉินจึงเกลียดชังนางมากขนาดนี้

ถูกตามที่เขากล่าว ก่อนที่นางจะปรากฏตัว หลงเทียนอวี้เป็นชายไร้หัวใจและสงบเยือกเย็น

อย่าว่าแต่ศัตรูเลย แม้แต่ต่อหน้าลูกน้อง เขาก็ไม่เคยเผยรอยยิ้มให้เห็น

แต่หลังจากได้พบเจอกับนาง หลงเทียนอวี้ไม่เพียงเรียนรู้ที่จะยิ้ม แต่พ่อบ้านเติ้งและหลินขุยล้วนเอ่ยว่าหลงเทียนอวี้มิเย็นชาเหมือนก่อนแล้ว

หลงเทียนอวี้ที่เป็นแบบนี้หาใช่คนอ่อนแอปวกเปียก แต่เขามีความรู้สึกเหมือนมนุษย์มากขึ้น อีกทั้งยังสนใจความเจ็บปวดของลูกน้อง หากเป็นแต่ก่อน เกรงว่าป๋ายหลี่อู๋เฉินคงตายไปนานแล้ว

ทว่าเขาเพียงแค่ลงโทษด้วยการคุมขังเท่านั้น สาเหตุที่ทำแบบนี้ก็เพราะต้องการอยากไว้ชีวิตเขา

“ป๋ายหลี่อู๋เฉิน เจ้าคิดผิดแล้ว หลงเทียนอวี้หาใช่คนเย็นชาเหมือนแต่ก่อน แต่เขากลายเป็นหัวหน้าที่มีเลือดเนื้อและชีวิตจิตใจ เจ้าลองมองดูเถิด คนเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงความเกรงกลัวต่อหลงเทียนอวี้ แต่พวกเขายังรู้สึกเคารพนับถืออีกด้วย นี่ต่างหากคือความต้องการของเขา แต่สิ่งที่เจ้าต้องการคือเครื่องจักรที่มีไว้สังหารผู้คนอย่างโหดเหี้ยมทารุณเท่านั้น!”