บทที่ 288
บทที่ 288

เหมาอันถูกเตะที่หัวเข่าอย่างแรงจนต้องคุกเข่าลงไปก่อนจะพยายามยืนขึ้นแล้วก็ถูกเตะซ้ำไปอีกครา

“ถังหยิน เจ้าเองก็เป็นขุนนางเหมือนกัน ในฐานะที่เจ้าก่อกบฏโทษของเจ้าคือประหารอย่างแน่นอน” แม้เหมาอันจะถูกกดลงพื้น แต่ก็ยังพูดออกมาได้

ถังหยินหัวเราะออกมา “ใช่แล้ว ข้าเองก็เป็นขุนนางเหมือนกัน แต่ข้าคือชาวเฟิงไม่ใช่ชาวเปิง ข้าก็แค่กำจัดพวกกบฏเท่านั้นเอง ในทางกลับกันเจ้าน่ะคอยช่วยเจ้าทรราชนั่นแล้วไม่ได้อะไรตอบแทนเลย แถมยังกล้าพูดแบบนี้อีก เห็นทีคงจะต้องจัดการเสียแล้ว เพชฌฆาตอยู่ไหน ?”

ตามเสียงเรียกนั้น ชาย 2 คนที่ถือขวานและดาบใหญ่ก็เดินเข้ามา

“พาเหมาอันไปประหารเสีย”

“ขอรับ !” เพชฌฆาตทั้งสองลากตัวเหมาอันไป ชายทรราชรู้อยู่แล้วว่าชีวิตของเขากำลังมาถึงจุดสิ้นสุด จึงได้ตะโกนออกไป “ถังหยิน ข้าจะล่วงหน้าไปก่อนนะ แล้วข้าจะรอเจ้าอยู่ที่ปรโลก ! ฮ่าฮ่าฮ่า !”

เมื่อเห็นเหมาอันถูกลากตัวออกไปข้างหน้ากระโจม ชิวเจิ้นก็รีบวิ่งตามออกไป “ช้าก่อน !” เขาตะโกนแล้วหันกลับไปบอกถังหยิน “นายท่าน เหมาอันคนนี้เก่งและมากไปด้วยความสามารถ แถมยังรู้เรื่องการแพทย์ ดังนั้นทำไมเราไม่เลี้ยงเขาไว้ล่ะ ?”

ถังหยินทุบโต๊ะด้วยความหงุดหงิด “ไอ้สารเลวนี่มันไม่ควรเลี้ยงเอาไว้อยู่แล้ว มันรับใช้ซ่งเทียนมาก่อน ข้าไม่ไว้ใจมันหรอก !”

“นายท่าน…” ชิวเจิ้นพยายามจะหาคำอธิบาย แต่ถังหยินก็ไม่รอช้า รีบสั่งให้พวกเพชฌฆาตลงมือ

“ฆ่ามันเสียสิ ! จะรออะไรอีก !”

“ขอรับ !” เพชฌฆาตไม่รอช้า เขารีบยกขวานขึ้นแล้วฟันเข้าใส่ลำคอของเหมาอัน

ฉัวะ !

หัวของเหมาอันกระเด็นลอยออกไปไกลพร้อมกับเลือดที่ไหลรินเป็นทาง

ถังหยินยังไม่หายโกรธ เขาจึงได้หันไปถามกู่เยว่ “มีครอบครัวของเหมาอันในเมืองนี้หรือไม่ ?”

“มีขอรับ”

“ฆ่ามันให้หมด !”

เมื่อได้ฟัง กู่เยว่ก็พลันประกบมือแล้วถ่ายทอดคำสั่งลงไป

จากนั้นถังหยินก็หันมองหลูชิงเฟิงที่อยู่ตรงหน้า

ในฐานะแม่ทัพ หลูชิงเฟิงไม่กลัวความตาย แต่ตอนนี้หัวใจของเขากำลังสั่นคลอนอย่างบ้าคลั่ง ด้วยร่างไร้หัวของเหมาอันนอนอยู่ที่หน้ากระโจมทำให้เขารู้สึกสั่นกลัวอย่างยิ่ง “ฆ่าข้าสิ !”

ถังหยินส่ายหัว “ข้าได้ยินมาว่าความสามารถของเจ้าไม่เลวเลยนี่นา”

“ไม่เท่าเจ้าหรอก !”

“ทำไมคิดแบบนั้นกัน ?”

“ข้ากับเจ้าเคยสู้กันมาก่อนในเมืองแล้ว”

“เจ้านี่เอง !” ถังหยินนึกขึ้นได้แล้วว่าหลูชิงเฟิงที่อยู่ตรงหน้าคือคนที่สู้กับเขาก่อนหน้า

อย่างที่ลูกน้องของเขาเคยบอกไว้ พลังของอีกฝ่ายเองก็ใช่ย่อยเช่นกัน “ซ่งเทียนคือทรราชที่ฆ่าอ๋องคนก่อนแล้วยึดบัลลังก์มาเป็นของตัวเอง เขามันชั่วร้ายจนต้องฆ่าทิ้ง และเพื่อการนั้นข้าต้องการพลังของเจ้า หากเจ้ารับใช้ข้า เจ้าจะได้รับทั้งเงินทองและอำนาจมากมายรวมไปถึงตำแหน่งขุนนาง แต่ถ้าเจ้าเลือกที่จะต่อต้านข้า งั้นแล้วก็เตรียมเป็นแบบเหมาอันได้เลย !”

แม้ว่าทั้งสองจะเป็นลูกน้องของซ่งเทียนเหมือนกัน แต่ถังหยินกลับมีวิธีปฏิบัติที่แตกต่างกันออกไป

หลูชิงเฟิงเริ่มคิดหนักเมื่อได้ฟังข้อเสนอ เขาลังเลว่าจะทรยศซ่งเทียนแล้วเลือกถังหยินดีหรือไม่ แล้วสุดท้ายก็ตัดสินใจได้ “ข้าสนใจในข้อเสนอของเจ้า แต่ข้าเป็นแม่ทัพ ดังนั้นจึงไม่อาจรับใช้สองนายได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะประหารข้าโดยเร็ว และข้าก็จะขอบคุณท่านมากถ้าหากท่านสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของข้า”

“แล้วถ้าข้าปล่อยเจ้าเล่า ?” ถังหยินถาม

“ถ้าหากท่านทำเช่นนั้น ข้าก็จะกลับไปเมืองหยานแล้วจับอาวุธมาสู้กับท่านต่อ” หลูชิงเฟิงเป็นคนตรงไปตรงมา เขาพูดทุกอย่างในใจหมดเปลือก

ถังหยินถอนหายใจ ชายคนนี้เป็นคนที่ซื่อสัตย์และภักดียิ่งชีพ …เขาเงียบไปสักพักก่อนจะมองชิวเจิ้นกับกู่เยว่พร้อมกับคิด ตอนนี้ชายหนุ่มได้ทำการสังหารคนมากความสามารถอย่างเหมาอันไปแล้วอย่างง่ายดาย แล้วทำไมถึงจะทำแบบเดียวกันนั้นกับหลูชิงเฟิงไม่ได้เล่า ?

ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ออกคำสั่ง “ฆ่าเขาซะ !”

ในเมื่อใช้งานไม่ได้ ก็ต้องฆ่าทิ้งสถานเดียว !!!

เพชฌฆาตรับคำสั่ง รีบเข้าลากตัวหลูชิงเฟิงออกไปสังหารที่หน้ากระโจมเช่นเดิม

ถังหยินบอกกับกู่เยว่ “จัดการกับครอบครัวของหลูชิงเฟิงด้วย”

กู่เยว่ทำสีหน้าไม่เข้าใจ ในเมื่อถังหยินให้สัญญาแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับครอบครัวของหลูชิงเฟิง แล้วทำไมเขาถึงได้พูดแบบนี้ออกมากัน ?

ถังหยินกล่าว “หากจะจัดการปัญหา ก็ต้องถอนรากถอนโคนให้สิ้น หากเริ่มฆ่าไปแล้วก็ต้องฆ่าต่อไปจนหมดเพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามในอนาคต”

“ข้าน้อยรับทราบ” กู่เยว่ก้มหัวให้

หลังจากกองทัพหลักเข้ายึดเมืองจี๋ได้ ถังหยินก็สั่งให้สังหารหมู่ทหารที่อยู่ในเมืองทั้งหมด โดยเฉพาะพวกแม่ทัพและขุนนางที่อยู่ในเมืองนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่แค่นั้น เพราะแม้แต่ครอบครัวของพวกเขาเหล่านั้นก็ไม่ถูกละเว้น

นี่เรียกว่าการเชือดไก่ให้ลิงดู !

และเมื่อหมู่บ้านเล็ก ๆ ใกล้เมืองจี๋ทราบเรื่องนี้ พวกขุนนางที่อยู่โดยรอบก็พากันเข้ามายอมแพ้และสาบานว่าจะภักดีต่อถังหยิน !

ซึ่งที่พวกเขาทำไปนั้น ก็เพื่อไม่ให้หมู่บ้านของพวกเขาถูกเผาทำลายด้วยความโหดร้ายเลวทรามของถังหยินนั่นเอง !!!

กองทัพหลักพักผ่อนกันทั้งวัน ก่อนที่ถังหยินจะสั่งให้ทั้งกองทัพมุ่งหน้าลงไปทิศใต้และเข้าสู่เขตเป่าฉิง เพื่อเข้าตีเมืองหลีฮู่และเมืองสีไป่

เมื่อถังหยินสั่งให้กองทัพของเขาลงใต้ กองทัพปิงหยวนและกองทัพจี้เฟิงก็เคลื่อนไหวจากตะวันออกไปยังตะวันตกแล้วเข้าล้อมเมืองสีไป่เอาไว้

ในทางกลับกัน กองทัพกำลัง 1 แสนนายของชานซุยที่นำโดยเหลียงฉีและหยวนยู่ก็กำลังเดินทางอย่างยากลำบาก เพราะเส้นทางในดูกีไม่ใช่อะไรที่พวกเขาคุ้นชินแม้แต่น้อย

ในทะเลทรายอันกว้างใหญ่ ต่อให้มีม้าหรืออูฐก็ยังเดินทางลำบาก แล้วจะนับประสาอะไรกับพวกทหารราบ

ในตอนแรกพวกทหารเริ่มป่วย ก่อนที่มันจะขยายวงกว้างไปเรื่อย ๆ แค่เดิมทีเสบียงกองทัพก็หนักมากพอแล้ว นี่ยังต้องแบกคนเจ็บไปด้วย !!

สิ่งที่แย่ที่สุดก็คือยารักษาโรคที่มีไม่มากพอในกองทัพ จนทำให้ทหารบางนายที่ล้มป่วยอยู่ตายจากไป

และและเพราะความร้อนของทะเลทราย จึงทำให้ศพไม่อาจคงสภาพได้นานนัก จนต้องทำการฝังทันทีเพื่อไม่ให้เน่าเปื่อย

นอกจากนี้ มันก็ยังมีทรายดูดที่ทำให้ทั้งกองทัพต้องระวังตัวกันมาก ด้วยถึงจะดูเผิน ๆ เหมือนกองทรายธรรมดา แต่เมื่อเดินไปเหยียบเมื่อไหร่มันจะสูบทุกอย่างลงไปในทันที !

การเดินทัพในทะเลทรายลำบากกว่าที่คิด ดังนั้นเหลียงฉีจึงได้ตัดสินใจมอบม้าให้แก่ทหารที่ป่วยได้ขี่และใช้บรรทุกของ ก่อนจะยอมเดินเท้าเช่นเดียวกับทหารราบ

แม่ทัพแบบนี้จะได้รับความเคารพจากพวกทหารมากเป็นพิเศษ ดังนั้นการกระทำของเขามันก็ทำให้ขวัญและกำลังใจของทั้งกองทัพเพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก

หลังจากเดินทัพในทะเลทรายมากกว่าสิบวัน กองทัพชานซุยก็ออกจากเขตทะเลทรายได้แล้ว และมาถึงเขตแดนระหว่างดูกี เฟิง และหนิงในท้ายที่สุด !

ทว่าเมื่อมาถึงจุดนี้ กองทัพของพวกเขาก็ได้เสียหายแล้วไปมากกว่า 3 หมื่นนาย …โดยที่ยังไม่ได้รบแม้แต่น้อย

ชายแดนร่วมระหว่าง 3 ดินแดนนี้มีแต่ภูเขาและมีพื้นที่กว้าง ถ้าใครอยากจะเดินทางไปประตูตง ก็ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะเดินทางไปถึง ดังนั้นหยวนยู่และเหลียงฉีจึงทำการปรึกษากัน ก่อนจะตัดสินใจตั้งค่ายกันที่นี่ก่อนเพื่อให้พวกทหารได้พักผ่อน

ทว่าเหลียงฉีกลับปฏิเสธความคิดนั้นในทันที เพราะถ้าหากให้พวกทหารพักระหว่างการเดินทาง มันจะทำให้ความฮึกเหิมอ่อนจางลงจนน่ากลัว และอีกอย่าง พวกเขาก็ยังต้องไปอีกไกลทีเดียวกว่าจะถึงที่หมาย

เมื่อได้ยินแบบนั้น หยวนยู่ก็หัวเราะแห้ง ๆ กองทัพพวกเขาเพิ่งจะเดินทางออกจากทะเลทรายได้ไม่นาน แล้วยังจะต้องมาเจอกับหุบเหวนรกแบบนี้อีกงั้นหรือ ? ต่อให้พวกเขาเดินทางไปประตูตงได้จริง แต่จะไม่เหนื่อยตายก่อนงั้นเหรอแบบนี้ ?