ตอนที่ 513 อ้อนสามีที่รัก / ตอนที่ 514 จินตนาการ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 513 อ้อนสามีที่รัก

 

 

อวี๋กานกานรู้ดีว่าเขาเป็นคนปากหนักจึงเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน “เมื่อกี้ฉันยังสงสัยอยู่เลยว่าฉันจองตั๋วชั้นแระหยัดอยู่ดีๆ ทำไมถึงได้มานั่งชั้นเฟิร์สคลาสได้ นี่คุณเลื่อนชั้นที่นั่งให้ฉันเหรอคะ”

 

 

ฟังจือหันตอบเสียงอืมในลำคอเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน ท่าทางเย็นชาของเขาเต็มไปด้วยศักดิ์ศรีสูงส่ง

 

 

ในเมื่อเขาไม่สนใจอวี๋กานกานจึงเอาแต่จ้องมองเขาเงยหน้าขยับศีรษะเข้าไปใกล้ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรไป

 

 

เครื่องบินกำลังขับทะยานแต่เธอก็ยังคงรักษามาดนี้ไว้

 

 

จนในที่สุดฟังจือหันก็พับเก็บนิตยสารหันหน้ามาสบตาเธอแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย “คาดเค็มขัดให้เรียบร้อย”

 

 

อวี๋กานกานไม่ขยับเขยื้อนแล้วจ้องตาเขาก่อนจะเอ่ยขึ้น “ฉันคิดว่าชาตินี้คุณจะไม่สนใจฉันซะอีก”

 

 

ฟังจือหันไม่ตอบเพียงแต่เคลื่อนตัวเข้าไปคาดเข็มขัดให้อวี๋กานกานด้วยความรวดเร็ว

 

 

ในขณะที่กำลังเตรียมชักมือกลับไป

 

 

จู่ๆ อวี๋กานกานก็กอดแขนเขาเอาไว้กระพริบตามองเขาปริบๆ อย่างออดอ้อน

 

 

เพราะแขนของเขาถูกเธอกอดเอาไว้เขาจึงไม่ดึงแขนเธอออกไปแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นเดิมเพียงแต่จ้องมองเธออยู่อย่างนั้น

 

 

อวี๋กานกานสบตาเขาแน่นิ่งแล้วมอบรอยยิ้มอ่อนหวานให้กับเขา

 

 

หากเธอไม่หัวเราะก็โอเคอยู่หรอกแต่นี่ยังหลุดขำออกเสียง “ปล่อยผม”

 

 

“ไม่ปล่อย”

 

 

“ปล่อย”

 

 

“ก็ไม่ปล่อย” อวี๋กานกานพูดด้วยน้ำเสียงฮึดฮัดเหมือนงอนเขาพลางซบศีรษะไปที่แขน

 

 

ฟังจือหันออกแรงขยับแขนอวี๋กานกานจึงรีบกอดแน่นกว่าเดิมแล้วขู่เขาฟ่อๆ “ถ้าคุณกล้าชักแขนกลับไปล่ะก็เราสองคนขาดกัน”

 

 

ตอนที่เห็นเขาปรากฏตัวบนเครื่องบินเธอก็รู้แล้วว่าเขาโกรธเธอไม่ลง

 

 

แล้วตอนที่คาดเข็มขัดให้เธอก็ยืนยันได้แล้วว่าเขาไม่มีวันแยกห่างจากกัน

 

 

ถึงแม้เธอจะงอนตุ๊บป่องเขาก็ไม่ทอดทิ้งเธอ

 

 

ความจริงก็เป็นเช่นนี้

 

 

แขนถูกอวี๋กานกานกอดเอาไว้ในอ้อมแขน ฟังจือหันที่ทำเป็นใจแข็งพลันก็ใจอ่อนลงขึ้นมาเสียดื้อๆ

 

 

อวี๋กานกานอ้อนเขาอ่อนหวานจึงทำให้ความหึงหวงในใจมลายหายไปทันที

 

 

แต่เขายังคงสีหน้าเย็นชาดังเดิมแล้วเหน็บแนมเธอ “ที่ผมไม่อนุญาตให้คุณกลับไปหาอาจารย์ทำไมถึงกับต้องตัดขาดจากผมด้วย”

 

 

อวี๋กานกานถูไถใบหน้าเล็กของเธอกับแขนของเขาแล้วพูดขึ้นเหมือนไร้ความผิด “ฉันไม่เคยพูดแบบนั้นสักหน่อย คุณอย่ามาปรักปรำฉันนะ”

 

 

ฟังจือหันไม่ยอมปล่อยประเด็น “ไม่พูดก็ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ”

 

 

อวี๋กานกานยกยิ้มถามเขาอย่างระมัดระวัง “หากฉันหมายความแบบนั้นจริงๆ เลิกกันแล้วมีความสุขจริงๆ เหรอ”

 

 

ฟังจือหันเหลียวตัวยื่นมือมาช้อนคางเธอเอาไว้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบทุ้มต่ำที่แฝงไปด้วยความอันตราย “เลิกกันอย่างมีความสุขอย่างนั้นเหรอ คุณฝันไปเถอะ!”

 

 

“ฉันไม่ได้ฝันแต่ ฉันคิดถึงฟังจือหันต่างหาก”

 

 

อวี๋กานกานมองเขาตาปริบๆ ดวงตาคู่สวยมีน้ำใสคลอเบ้า

 

 

น้ำเสียงที่นุ่มนวลอ่อนหวานทำเอาใจแข็งเย็นยะเยือกอ่อนลงในพริบตา

 

 

เธอเรียกเขาเบาๆ “เสี่ยวฟัง”

 

 

ฟังจือหัน “…”

 

 

อวี๋กานกานหัวเราะซุกซน “เสี่ยวจือ”

 

 

ฟังจือหัน “…”

 

 

อวี๋กานกานยังคงเรียกชื่อต่อไป “เสี่ยวหาน เสี่ยวหานหาน…”

 

 

ฟังจือหันโผเข้าใกล้ใบหน้าของเธอแล้วพูดขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ต่อไปถ้าเป็นแบบนี้อีก ผมจะกดคุณจมเตียงจนลุกไม่ขึ้นเลยคอยดู”

 

 

เขายื่นมือไปบีบแก้มของเธอ

 

 

อวี๋กานกานอึ้งไปพักหนึ่งก่อนถึงจะเข้าใจความหมายของเขา เธอจึงหน้าแดงฉับพลัน “โรคจิต!”

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 514 จินตนาการ

 

 

ณ เมืองไป๋หยาง

 

 

อวี๋กานกานและฟังจือหันยืนอยู่ใต้ตึกอพาร์ตเมนต์ อวี๋กานกานมีความลังเลเล็กน้อยแต่ฟังจือหัน

 

 

กลับมีท่าทางปกติแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “ไปเถอะ”

 

 

“คือ ห้องข้างบนคุณก็รู้อยู่ว่ามีสองห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก…” ถึงแม้เธอจะพูดอย่างไม่เข้าใจแต่ความหมายกลับชัดเจนคือต้องการให้ฟังจือหันจองโรงแรมแต่ยังคงไม่กล้าพาแฟนเข้าบ้านโดยตรง

 

 

“คุณนอนโรงแรม”

 

 

อวี๋กานกานชะงัก “บ้านฉันอยู่ที่นี่แล้วทำไมต้องไปนอนโรงแรมด้วยอ่ะ”

 

 

ฟังจือหันมองเธอเย็นยะเยือก รูม่านตาดำลุ่มลึกราวกับวังน้ำวนที่มองไม่เห็นใต้น้ำทำอย่างกับจ้องดึงดูดเธอเข้าไป

 

 

เธอหัวเราะฮ่าๆ ให้กับฟังจือหัน “ยังไงคุณก็ไปนอนโรงแรมเถอะ”

 

 

“เราไม่นอนด้วยกันเหรอ”

 

 

“ไม่ล่ะ”

 

 

“เพราะอะไร”

 

 

“คุณอยู่ไหนผมก็อยู่นั่น” ฟังจือหันพูดพร้อมทั้งก้าวไปข้างหน้า

 

 

อวี๋กานกานรีบก้าวเดินตามเขา ในขณะที่เดินขึ้นบันไดอวี๋กานกานพยายามพูดกับฟังจือหันแต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรฟังจือหันก็เงียบตลอดทาง

 

 

แล้วเดี๋ยวจะนอนกันยังไง

 

 

หรือว่าจะให้อาจารย์เหม่ยเหรินไปนอนกับฟังจือหัน

 

 

ถึงอย่างไรเตียงของอาจารย์เหม่ยเหรินก็กว้างพอ ก็ดีเหมือนกันจะได้ให้เขาทั้งสองคนมีโอกาสได้กระชับความสัมพันธ์กัน

 

 

แต่คงไม่นอนด้วยกันจนเกิดความรู้สึกพิเศษขึ้นมาหรอกนะ

 

 

นี่เธอกำลังจินตนาการบ้าบออะไรอยู่เนี่ย…

 

 

เมื่อเธอเอาแต่ครุ่นคิดจินตนาการแล้วตกใจเสียเองจนเกือบสะดุดล้ม โชคดีที่ฟังจือหันพยุงเธอเอาไว้ได้ทัน

 

 

“ช้าๆ หน่อยสิ อาจารย์ของเธอไม่วิ่งหนีไปไหนหรอก”

 

 

น้ำเสียงเปรี้ยวเข็ดฟันใครได้ยินเป็นต้องตัวซีดตัวสั่น

 

 

“ฉันกลัวอาจารย์วิ่งหนีที่ไหนกัน ฉันกลัวว่าคุณจะถูกอาจารย์ลักพาตัวไปต่างหากล่ะ” อวี๋กานกานพึมพำเสียงแผ่วเบา ฟังจือหันไม่ได้ยินก็เลยหันมามองเธอ “คุณพูดอะไร”

 

 

อวี๋กานกานส่ายหน้า “ไม่มีอะไรๆ”

 

 

ฟังจือหันจ้องเข้าไปในแววตาเธออย่างลึกซึ้งราวกับจะมองให้ลึกลงไปในใจของเธอ

 

 

อวี๋กานกานกลัวฟังจือหันจะอ่านความคิดออกเธอจึงยิ้มเจื่อนๆ ให้กับฟังจือหัน

 

 

จากนั้นรีบเดินไปสองก้าวก็ถึงหน้าประตูแล้วยกมือขึ้นเคาะ

 

 

เหอสือกุยเปิดประตูออกมาเห็นอวี๋กานกานกับฟังจือหันยืนอยู่ด้านนอกก็เบิกตาตกใจ เขาคิดว่าฟังจือหันจะห้ามอวี๋กานกานได้ซะอีก

 

 

แล้วทำไมถึงยังตามเธอมาไป๋หยางได้ มากลางดึกเช่นนี้ทำให้คนเป็นห่วงจริงๆ

 

 

เขากำลังจะอบรมเธอแต่ยังไม่ทันจะเอ่ยเสียงอวี๋กานกานก็พูดขึ้นมาอย่างตกใจเสียก่อน “อาจารย์เหม่ยเหรินทำไมถึงบาดเจ็บขนาดนี้ล่ะคะ”

 

 

เธอวางกระเป๋าสัมภาระในมือลงแล้วเดินวนสำรวจรอบตัวเหอสือกุย “นี่ยังบอกว่าบาดเจ็บเล็กน้อยได้อยู่เหรอคะ”

 

 

ใบหน้ามีรอยแผลขนาดนี้แถมที่แขนยังคล้องผ้าใส่เฝือกอีก อาจารย์เป็นถึงหมอผ่าตัด

 

 

เธอแสบจมูกขึ้นมาน้ำตาคลอเบ้าจนแทบจะร้องไห้ออกมา “มันจะกระทบถึงมือของอาจารย์หรือเปล่าคะ”

 

 

“ไม่ต้องห่วงหรอกแต่สภาพอาจจะดูไม่จืดไปหน่อย ที่จริงแค่บาดเจ็บนิดหน่อยไม่กี่วันก็หายดีแล้ว” เหอสือกุยยื่นมือลูบหัวเธอป้อยๆ เพื่อปลอบโยนเธอ

 

 

อวี๋กานกานขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง “ประโยคนี้หนูเคยพูดปลอบคนไข้มาหลายคนแล้วค่ะ”

 

 

“หากเธอไม่เชื่อก็มาตรวจฉันได้เลย”

 

 

บริเวณที่เขาบาดเจ็บหนักไม่ใช่ที่แขนแต่กลับเป็นข้างหลัง แต่อวัยวะภายในไม่ได้บาดเจ็บดังนั้นจึงไม่มีอะไรร้ายแรงจริงๆ

 

 

แผลที่แขนตื้นมากเพื่อไม่ให้กระทบถึงงานผ่าตัดของเขาในอนาคตฉะนั้นจึงใช้ผ้าคล้องเอาไว้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเธอจะกลับมาเร็วขนาดนี้จึงทำให้เธอเข้าใจผิดไปซะแล้ว