ตอนที่ 178: ปัญหาที่กำลังเข้ามา

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 178: ปัญหาที่กำลังเข้ามา

เมื่อได้เห็นเสน่ห์ของยูลเลี่ยน เจี้ยนเฉินก็ยังมีความสงบและเงียบในใจ “ผู้จัดการยูลเลี่ยน ในตอนนี้สัตว์อสูรระดับห้าก็ถูกขายไปแล้ว เงินจะถูกส่งให้ข้าเลยไหม?”

ยูลเลี่ยนหัวเราะเบาเบา “ท่านวู่หยุน กรุณารอซักครู สัตว์อสูรระดับห้านั้นถูกขายไปจริง ๆ แต่ขั้นตอนทางการเงินก็ยังต้องใช้เวลาอยู่บ้าง”

เจี้ยนเฉินพยักหน้าแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก เขานั่งลงรอ เขารู้ว่าการประมูลนั้นเพิ่งจบลง พวกเขาจำเป็นต้องจัดการการเงินระหว่างผู้ชนะประมูลกับสิ่งของแต่ละชิ้น ดังนั้นเขาต้องรอให้ธุรกรรมทางการเงินเสร็จก่อนที่เขาจะรับเงินจากโรงประมูลได้

เมื่อได้เห็นเจี้ยนเฉินใจลอย ยูลเลี่ยนก็ขมวดคิ้ว ด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงามของนาง นางดูมีท่าทางไม่พึงพอใจ หลังจากที่ลังเลซักพัก นางก็พูดออกมาเบา ๆ “ท่านวู่หยุน ท่านมาจากส่วนไหนของทวีปหรือ?”

เมื่อได้ยินดังนี้ เจี้ยนเฉินก็หัวเราะ “ข้าเกิดในหมู่บ้านที่ห่างไกลและแยกตัวออกไป แม้แต่ข้าจะบอกชื่อของหมู่บ้านไป ผู้จัดการยูลเลี่ยนก็ไม่รู้จักหรอก ดังนั้นมันจะดีที่สุดถ้าไม่พูดออกไป”

หลังจากนั้น ยูลเลี่ยนก็พยายามที่จะชวนเจี้ยนเฉินคุยด้วยการถามเขาถามเกี่ยวกับเขาเพื่อพยายามที่จะหาข้อมูลของเขาบางอย่างด้วย

อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินไม่ใช่เด็กหนุ่มที่ไม่มีประสบการณ์อีกแล้ว แม้แต่ยูลเลี่ยนจะมีทักษะชำนาญในการใช้คำพูดเพื่อที่จะทำให้เจี้ยนเฉินติดกับและคายข้อมูลออกมา แต่ทุกคำตอบที่นางได้ก็ไม่ได้ทำให้นางพอใจ ทุกครั้งที่เจี้ยนเฉินตอบนาง ข้อมูลที่นางต้องการก็ไม่เคยหลุดออกมา ข้อมูลที่หลุดออกมาเป็นข้อมูลที่ใช้ไม่ได้ทั้งหมด

“ดูเหมือนวู่หยุนจะไม่ใช่คนธรรมดา การที่จะทำให้ข้อมูลหลุดออกมาจากปากของเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย” ยูลเลี่ยนรู้สึกปวดหัวในขณะที่นางคิดอยู่กับตัวเอง

เมื่อเห็นว่ายูลเลี่ยนมีสีหน้าโกรธเล็กน้อย เจี้ยนเฉินก็หัวเราะกับตัวเองในใจ

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก…” ในตอนนี้ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมา

เมื่อได้ยินเสียงนี้ ยูลเลี่ยนก็นั่งตัวตรงบนที่นั่งของนาง และนางก็เอื้อมออกไปกดปุ่มที่ดูไม่สะดุดตาบนโซฟา ประตูของห้องเปิดออกอย่างเงียบเงียบ ด้านนอกมีหญิงอายุยี่สิบที่ดูมีเสน่ห์ที่อยู่ในเครื่องแบบกำลังยืนอยู่

“ผู้จัดการยูลเลี่ยน ผู้อาวุโสหวงต้องการให้ข้าเอาเข็มขัดมิตินี้มาให้ท่าน” คนรับใช้พูดเสียงต่ำกับยูลเลี่ยน

“ส่งมาเลย”

“ค่ะ นายท่าน”

คนรับใช้เข้ามาในห้องและส่งเข็มขัดมิติให้ยูลเลี่ยน สายตาของนางมองไปที่ใบหน้าของเจี้ยนเฉินเล็กน้อยก่อนที่จะมองกลับมา

ยูลเลี่ยนตรวจสอบสิ่งของในเข็มขัดมิติ จากนั้นก็วางมันลงบนโต๊ะเบาเบาในขณะที่นางยิ้ม “ท่านวู่หยุน เงินทั้งหมด 110,000 เหรียญม่วงที่ท่านได้จากการขายสัตว์อสูรระดับห้าอยู่ในนั้น ท่านสามารถตรวจสอบดูได้”

เจี้ยนเฉินสำรวจสิ่งที่อยู่ในเข็มขัดมิติ กองเหรียญม่วงระยิบระยับเป็นระเบียบ 11 กอง กองอยู่ด้านในเข็มขัดมิติ แต่ละกองมี 10,000 เหรียญม่วงพอดี

เมื่อได้รับเงินของเขาแล้ว เจี้ยนเฉินก็ไม่มีเรื่องที่จะต้องอยู่ที่นี่นานกว่านี้แล้ว เขายืนขึ้นจากโซฟาและแสดงท่าทางสุภาพไปที่ยูลเลี่ยน “ผู้จัดการยูลเลี่ยน ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอลาก่อน” หลังจากนั้น เขาก็หันไปและกำลังจะเดินออกไปทางประตู

“ท่านวู่หยุน กรุณารอก่อนซักครู่” จู่ ๆ ยูลเลี่ยนก็เรียนเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินหยุดเดินและหันไปทางยูลเลี่ยน “ผู้จัดการยูลเลี่ยน มีบางอย่างที่ท่านต้องการจะบอกข้างั้นหรือ ? ” เขาถามอย่างราบเรียบ

ยูลเลี่ยนลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านวู่หยุน ถ้าท่านมีแกนสัตว์อสูรระดับห้า พวกเรา โรงประมูลฟีนิกซ์สวรรค์ปรารถนาที่จะซื้อเอาไว้ด้วยราคาที่ท่านต้องการ นอกเหนือไปจากนั้น พวกเราจะเห็นมันเป็นความลับด้วย ไม่มีอะไรเสียในการคิดถึงข้อเสนอนี้”

เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างขอโทษขอโพย “ข้าขอโทษด้วยจริงจริง ผู้จักการยูลเลี่ยน ข้าไม่มีแกนสัตว์อสูรระดับห้า” เจี้ยนเฉินเปิดประตูแล้วออกไปโดยไม่รอให้นางตอบกลับ

เมื่อดูเจี้ยนเฉินหายไปจากสายตาของนาง ยูลเลี่ยนก็ถอนหายใจแล้วพูด “ในตอนแรกข้าตั้งใจที่จะเตือนเจ้า เมื่อเจ้ารีบร้อนที่จะจากไปแบบนี้ ข้าก็ไม่วุ่นวายที่จะพูดมันอีกแล้ว ผู้มีอิทธิพลที่มาในครั้งนี้ค่อนข้างซับซ้อน เจ้าจะรอดในวิกฤติครั้งนี้ไปได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของเจ้าแล้ว”

….

หลังจากที่เจี้ยนเฉินออกจากโรงประมูลฟีนิกซ์สวรรค์ไป เขาก็ยืนอยู่ด้านหน้าทางเข้าและสำรวจไปรอบ ๆ ตามที่คาด มีร่องรอยของคนที่น่าสงสัยหลายคนรอบ ๆ เขา

เจี้ยนเฉินไม่ได้หยุดนานนักและเริ่มเดินอย่างปกติไปทางถนนที่พลุกพล่าน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะทันได้ไปไกล ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาใช้ความสามารถในการสัมผัสทางจิตวิญญาณที่ทรงพลังของเขา และเขาสามารถสัมผัสได้ถึงสายตานับร้อยที่มองมาจากทุกทิศมาทางเขา

หัวใจของเจี้ยนเฉินตกไปอยู่ตาตุ่มในขณะที่เขาตระหนักได้ว่า เขาเสียเปรียบเล็กน้อย “เป็นไปได้ไหมว่าคนที่ทรงอำนาจพวกนั้นรู้แล้วว่าข้าเป็นคนที่ขายสัตว์อสูรระดับห้าสองตัวนั้นออกไป? หรือโรงประมูลฟีนิกซ์สวรรค์เป็นคนเปิดเผนตัวตนของข้า”

แม้ว่าเขาจะตระหนักได้ว่าสถานการณ์จะไม่เป็นไปตามที่เขาหวัง ท่าทางของเจี้ยนเฉินก็ยังคงสงบ เขาเดินอย่างปกติเหมือนเดิม เหมือนว่ามันไม่มีอะไรผิดปกติในสถานการณ์นี้ และเขาก็มุ่งหน้าไปที่ถนนที่พลุกพล่าน

ในขณะที่เจี้ยนเฉินออกจากโรงประมูลไป คนที่กระจายอยู่รอบรอบก็เริ่มออกจากตำแหน่งของพวกเขาและตามเจี้ยนเฉินไปอย่างใกล้ชิด

เมื่อสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของคนที่อยู่ด้านหลังเขา เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะเหยียดยิ้มออกมา เลือดของเขาที่สงบก็เดือดพล่านขึ้นมา ตั้งแต่ที่เขาจะอยู่ในขั้นสูงสุดของเซียนผู้เชี่ยวชาญ เจี้ยนเฉินก็ไม่เคยสู้กับคนอื่นเลย เขาต้องการที่จะทดสอบว่าเขาจะสามารถรับมือกับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษได้กี่คนในตอนที่เขาอยู่ในระดับนี้

“ท่าน กรุณาหยุดด้วย!”

ในตอนนี้เอง ชายวัยกลางคนบางคนที่อยู่ในชุดดำก็เข้ามาขวางทางเจี้ยนเฉินอย่างกะทันหัน

เจี้ยนเฉินหยุดเดินและมองไปที่ชายวัยลางคนอย่างเฉยเมย “ท่านสุภาพบุรุษ ท่านมีอะไรอย่างนั้นหรือ?”

หนึ่งในชายพวกนั้นยิ้มแล้วพูดออกมา “พวกเราเป็นคนของตระกูลฮีมมิ้งของเมืองฟีนิกซ์ ตระกูลเฮมมิ่งของพวกเราไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อท่าน พวกเราต้องที่จะเชิญท่านไปเป็นแขกของตระกูลเรา”

“ตระกูลเฮมมิ่ง ! ” หลังจากได้ยินแบบนั้น หัวใจของเจี้ยนเฉินก็เต้นไม่เป็นจังหวะ ในระหว่างหลายวันที่ผ่านมาที่เขาอยู่ในเมืองฟีนิกซ์ เขาได้ยินชื่อของตระกูลนี้มาก่อน พวกเขาเป็นตระกูลที่มีอำนาจในพื้นที่ของเมืองฟีนิกซ์ และพวกเขาแข็งพอที่จะเป็นหนึ่งในสามตระกูลที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่ได้

“ขอขอบคุณในคำเชิญของตระกูลเฮมมิ่ง แต่ข้ายังมีอะไรที่ต้องไปทำ ข้าคงไปเป็นแขกให้กับพวกเจ้าไม่ได้” เจี้ยนเฉินปฏิเสธ

ท่าทางของคนในตระกูลไม่ได้เปลี่ยนไปจากสิ่งที่เขาตอบ คนที่พูดในตอนแรกพูดขึ้นมา “ท่านวู่หยุน มีคนที่มีอำนาจหลายคนที่รู้จักท่านแล้วในตอนนี้ สถานการณ์ในปัจจุบันของท่านนั้นลำบากมาก ตระกูลเฮมมิ่งเป็นตระกูลเดียวที่สามารถช่วยท่านได้ กรุณาคิดถึงข้อเสนอของพวกเราด้วย”