บทที่ 264 ช่วยเหยียนชง
ฉู่ชวิ๋นเคลื่อนไหวผ่านท้องฟ้ายามราตรีด้วยความรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด ความเร็วของเขาเร็วมากกว่าความเร็วเสียงถึง 2 เท่าด้วยความเร็วขนาดนี้ ผิวหนังของเขาจึงรู้สึกแสบร้อนจากการเสียดสีกันของอากาศ
ขณะเดียวกัน ทั่วทั้งเมืองไห่ชิงก็เต็มไปด้วยรถบรรทุกทหารหลายสิบคันที่มุ่งหน้าตรงไปยังเขตตะวันตกของเมือง
ต้องใช้เวลาขับรถเร็วเต็มที่ประมาณ 1 ชั่วโมงจึงจะถึงถนนจุนหยิงในเขตตะวันตก แต่ฉู่ชวิ๋นใช้เวลาเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น!
บนท้องฟ้ามืดมิดไปหมดแล้ว ในเขตชานเมืองฝั่งตะวันตกมีโรงงานตั้งอยู่มากมาย โรงงานแต่ละแห่งเป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่อ้าปากกว้างในเงามืด
ฉู่ชวิ๋นปล่อยจิตวิญญาณออกไปสภาพภูมิประเทศโดยรอบภายในรัศมี 1 กิโลเมตรก็สะท้อนกลับมา
เขตตะวันตกมีพื้นที่อยู่ไม่น้อย ฉู่ชวิ๋นจึงต้องคอยเปลี่ยนทิศและปล่อยจิตวิญญาณออกไปเรื่อยๆ
พลังจิตวิญญาณของเขาพัฒนาขึ้นมาก การรับรู้สภาพภูมิประเทศของเขาจึงขยายพื้นที่กินวงกว้างหลายกิโลเมตร ในทันใดนั้นเอง ดวงตาของเขาก็ส่องแสงเป็นประกายกลางความมืดเมื่อมองไปยังทิศทางฝั่งหนึ่ง
สิ่งที่ฉู่ชวิ๋นกำลังเห็นอยู่ก็คือ เหยียนชงนอนจมกองเลือดอยู่ห่างไปไม่ไกล
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นปรากฏความเยือกเย็นราวกับน้ำในบ่อน้ำลึก ร่างกายของเขาแผ่จิตสังหารออกมา เมื่อพบร่างที่หมดสติของเหยียนชง ชายหนุ่มก็เข้าไปจัดการสร้างม่านพลังมาห่อหุ้มเอาไว้ เพื่อให้แน่ใจว่าเลือดบริวารของเขาจะไม่หายไปไหน
ฉู่ชวิ๋นตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเหยียนชง พบว่าเหยียนชงลมหายใจรวยริน หัวใจเต้นช้าลงมากจนน่าใจหาย
ชายหนุ่มสร้างม่านพลังครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 10 เมตร ม่านพลังส่องแสงเป็นประกายราวกับดวงอาทิตย์ขนาดเล็ก ดูโดดเด่นสะดุดตายามราตรี
ค่ายกลแปรโลกา
ฉู่ชวิ๋นคำรามในลำคอและกรีดเลือดของตัวเองออกมาหนึ่งหยด เลือดของเขามีสีแดงผสมสีทองเป็นประกายสว่างไสว เมื่อเลือดของเขาหยดลงไปบนหน้าผากของเหยียนชง ร่างที่นอนแน่นิ่งของเหยียนชงก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันที
ผิวหนังของเหยียนชงเปลี่ยนไปกลายเป็นสีแดง ดูเหมือนว่าหยดเลือดของฉู่ชวิ๋นจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของเขาได้ไม่น้อย
ฉู่ชวิ๋นสร้างม่านพลังขึ้นมาอีกหนึ่งจุด เลือดที่ไหลนองอยู่บนพื้น เริ่มกลับมารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนด้วยพลังที่มองไม่เห็นและไหลย้อนกลับเข้าไปในร่างกายของเหยียนชงอีกครั้ง
ร่างกายของเหยียนชงเต็มไปด้วยพลังลมปราณ ไหลเวียนไปตามแขนขาและอวัยวะภายใน
กระบวนการเติมเลือดคืนสู่ร่างกายต้องใช้เวลานานพอสมควร
จนกระทั่งคนอื่น ๆ ตามมาสมทบ
“ตาเฒ่าหยาน” เหลยเป้าอุทานออกมาด้วยความเดือดดาล เขาไม่เคยเห็นเหยียนชงตกอยู่ในสภาพนี้มาก่อน ดวงตาของเหลยเป้าแดงก่ำเหมือนสัตว์ร้ายกระหายเลือด
“หุบปาก อย่ารบกวนสมาธิฉู่ชวิ๋น” จิ่วโยวดุ
ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง เลือดบนพื้นก็ไหลเวียนกลับคืนเข้าไปในร่างกายของเหยียนชง แต่เหยียนชงยังคงอยู่ในอาการโคม่า เนื่องจากเขาเสียเลือดเยอะเกินไป และเลือดที่ซึมลงไปใต้ผืนทรายก็ใช้ประโยชน์ไม่ได้อีกแล้วโชคดีที่ฉู่ชวิ๋นมาทันเวลาพอดี เขาจึงสามารถกรองเลือดที่อยู่ใต้พื้นดินพื้นทรายให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้ เหยียนชงจึงปลอดภัยแล้ว
ต้องขอบคุณดาบวิเศษในมือของเหยียนชง ฝ่ายตรงข้ามมัวแต่ให้ความสนใจที่ตัวดาบ จนลืมให้ความสนใจที่ตัวคน ไม่เช่นนั้นแล้ว ฉู่ชวิ๋นคงมาช่วยได้ไม่ทันการณ์
ฉู่ชวิ๋นสลายม่านพลังออกและนำดอกไม้โลหิตให้เหยียนชงกิน ซึ่งเหยียนชงเคยกินมันมาแล้วครั้งหนึ่ง
สรรพคุณที่โดดเด่นที่สุดของดอกไม้โลหิตก็คือ มันช่วยทำให้เลือดในร่างกายสดใหม่ แน่นอนว่าคนเราสามารถถ่ายเลือดได้จากโรงพยาบาล แต่ถ้าร่างกายของเหยียนชงมีเลือดของคนอื่นผสมอยู่ด้วย มันก็จะส่งผลเสียต่อพลังลมปราณในอนาคต ถึงแม้เขาจะพยายามฝึกฝนให้หนักสักเท่าไหร่ มันก็จะไม่เป็นผลดีแน่ๆ
หลังจากนั้น ฉู่ชวิ๋นก็สั่งให้พวกปันจือหาวส่งตัวเหยียนชงกลับไปที่ค่ายทหาร
พอนายทหารจำนวนหนึ่งนำตัวเหยียนชงกลับไปแล้ว ปันจือหาวก็ได้เข้ามารายงานว่า “ผมสั่งให้คนเฝ้าทุกทางออกเอาไว้แล้ว พวกเราจะทำอะไรต่อไปดีครับ? ออกคำสั่งมาได้เลย”
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่เฝ้าทางออกเอาไว้ก็พอ” ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ทุกคนที่ได้ยินรู้สึกเหมือนกับถูกสายฟ้าฟาด
ฉู่ชวิ๋นกำลังบอกให้ปันจือหาวออกไปจากที่นี่นั่นเอง เนื่องจากปันจือหาวเป็นแค่เพียงคนธรรมดา อยู่ต่อไปก็ช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้
หลังจากนั้น ฉู่ชวิ๋นก็พาพวกของจิ่วโยวเดินเข้าไปในส่วนลึกของตัวโรงงาน เลือดของเหยียนชงไหลหยดเป็นทางอยู่บนพื้นดิน นอกจากช่วยนำทางให้พวกศัตรูแล้ว มันก็ยังช่วยนำทางพวกเขาด้วยเช่นกัน
กลุ่มของฉู่ชวิ๋นเดินตามรอยเลือดไปบนพื้นดิน ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มก็ปล่อยพลังจิตออกไปสำรวจสภาพแวดล้อมในพื้นที่หลายกิโลเมตรรอบตัว
.…
ภายในโรงงานร้าง แผ่นหินบนพื้นดินเลื่อนออกเล็กน้อย เปิดเผยให้เห็นอุโมงค์ใต้ดินที่มีคนหลายคนกำลังปีนลงไปสู่ด้านล่าง
“รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ” ใครคนหนึ่งกระซิบขึ้น
“โม่เฉิงจุน ไหนล่ะผู้หญิง?” อีกคนหนึ่งตอบกลับมาด้วยภาษาจีนแปร่งหู
“มัตสึคาว่าคุง ถ้าคุณยอมมอบดาบมาให้ผม ผมจะช่วยคุณหาผู้หญิงสวยๆ ดีกว่าที่คุณเคยเจอมาอีก”
“@¥%……”
ดวงตาของโม่เฉิงจุนปรากฏความขุ่นเคืองขึ้นมาแล้ว ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธ
“ทุกคนไปซะ” เขาออกคำสั่ง
ชายฉกรรจ์หลายสิบคนที่ซ่อนตัวอยู่ภายในความมืดมิดใต้อุโมงค์ เตรียมตัวหลบหนีกันทันที
“พวกแกอยู่ที่นี่แหละ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น” พลัน เสียงที่ราบเรียบของใครบางคนก็ดังขึ้นในความมืด
ชายฉกรรจ์หลายสิบคนนั้นหยุดชะงักและกวาดตามองโดยรอบทันทีและเห็นเงาร่างของคนสี่คนเดินออกมาจากเงามืด
“จอมมารฉู่” ดวงตาของโม่เฉิงจุนเบิกโตและร่างกายก็แข็งเกร็งไปทันทีเมื่อพบเห็นฝ่ายตรงข้าม
ในขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของประตูวิญญาณสลาย ทุกคนเคยเห็นรูปถ่ายของฉู่ชวิ๋น จะมีใครบ้างไม่รู้จักจอมมารฉู่?
ฉู่ชวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อย “ประตูวิญญาณสลาย”
ชายหนุ่มใส่เสื้อคลุมสีดำและมีฮู้ดสีดำปกคลุมใบหน้า ดูเหมือนการแต่งกายของประตูวิญญาณสลายไม่มีผิด
“ทำไมเด็กผู้หญิงคนนั้นน่ารักขนาดนี้” ดวงตาของมัตสึคาว่าจ้องมองตรงไปที่จิ่วโยว หลังจากนั้น เขาก็หัวเราะออกมาด้วยความวิปริต
หัวใจของโม่เฉิงจุนกระตุกวูบ เกิดความคิดอัปมงคลขึ้นในหัว
“ไอ้พวกญี่ปุ่น” ฉู่ชวิ๋นจ้องมองฝ่ายตรงข้าม “พวกแกใช่ไหมที่โจมตีค่ายทหาร?”
ดวงตาของมัตสึคาว่ายังคงจับจ้องอยู่ที่จิ่วโยว ไม่ได้สนใจคำพูดของฉู่ชวิ๋นเลยแม้แต่น้อย “โม่เฉิงจุน ถ้านายจับเด็กผู้หญิงคนนี้มาให้ฉันได้ ฉันจะยอมมอบดาบให้กับนาย”
โม่เฉิงจุนรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนขึ้นมาทันที ในฐานะสมาชิกประตูวิญญาณสลาย มีหรือเขาจะไม่รู้จักความน่ากลัวของจิ่วโยว?
เปรี้ยง!
ไม่รอคำสั่งจากฉู่ชวิ๋น จิ่วโยวชิงลงมือทันที เส้นผมสีแดงของเธอปลิวไสว ร่างของเด็กหญิงเป็นประกายระยิบระยับ ปืนสีเงินกระบอกหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ เสียงปืนคำรามเหมือนกับเสียงมังกร พุ่งตรงไปที่ลำคอของมัตสึคาว่าทันที
ฉู่ชวิ๋นยิ้มด้วยความขมขื่นและพูดออกมา “ใจเย็นๆ เราต้องจับเป็น ไม่ใช่จับตาย”
ฉู่ชวิ๋นอยากรู้เจตนาของชาวต่างชาติพวกนี้ว่า เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาทําอะไรที่ประเทศจีน
มัตสึคาว่าเย็นวาบไปทั่วตัว ในวินาทีนั้นได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเด็กหญิงตัวเล็กแค่นี้ จะมีพลังน่ากลัวถึงเพียงนี้
เช้ง!
ดาบโค้งเล่มหนึ่งถูกชักออกมาจากฝัก ทั่วร่างของมัตสึคาว่าปรากฏลำแสงสว่างไสว ตัวดาบโค้งเองก็ส่งแสงเป็นประกายตั้งแต่โคนดาบจนถึงปลายดาบ
เช้ง!
ปลายดาบตวัดเข้ามากระทบถูกปลายปืน ประกายไฟสาดกระจายไปทุกหนทุกแห่ง พร้อมกับที่มีลำแสงสีเงินพุ่งออกมาจากปลายปืน
มัตสึคาว่าร้องโหยหวนและกลิ้งไปบนพื้น พื้นดินที่ร่างของเขากลิ้งลงไปปรากฏรอยแตกร้าวขึ้นมาแล้ว มัตสึคาว่าจ้องมองจิ่วโยวด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
เปรี้ยง!
ปืนสีเงินในมือของจิ่วโยวยิงพลังตรงเข้าไปที่ร่างของมัตสึคาว่าอีกครั้ง
เช้ง!
ประกายไฟสาดกระจายในความมืด พลังสีเงินจากปืนของจิ่วโยวถูกดาบปัดกระจายไป พร้อมกันนั้นก็เกิดเป็นประกายดาบแทงโต้ตอบกลับมา
วิชาดาบของมัตสึคาว่ามีความแปลกประหลาดและยืดหยุ่น ดาบเดียวของเขาสามารถทำได้ทั้งป้องกันและโต้กลับได้ในเวลาเดียวกัน
ฉู่ชวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นมา ว่ากันตามระดับพลังในวงการยุทธภพจีน ระดับพลังของมัตสึคาว่าน่าจะจัดอยู่ในขั้นจักรพรรดิระดับ 2 เลยทีเดียว
ดวงตาที่เยือกเย็นของจิ่วโยวเต็มไปด้วยแววสังหาร ปืนสีเงินในมือส่องแสงสว่างระยิบระยับ เด็กหญิงไม่ใช่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 ก็จริงแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ใกล้เคียง นอกจากนี้ จิ่วโยวยังมีอาวุธวิเศษอยู่ในมือ ดังนั้น เธอจึงไม่หวาดกลัวอะไรเลย
พื้นดินระเบิดตัวอย่างต่อเนื่อง กระสุนถูกยิงออกมามัตสึคาว่าใช้ดาบปัดกระสุนทิ้งไป
เช้ง!
มัตสึคาว่าส่งเสียงคำราม ดาบของเขาเกิดรอยร้าวขึ้นมา ปืนสีเงินแทงเข้าใส่แขนของเขาอย่างจัง จนแขนแทบจะขาดออกจากกัน
จิ่วโยวไม่พูดอะไร สีหน้าของเด็กหญิงเต็มไปด้วยความอำมหิต เธอเหนี่ยวไกปืนอีกครั้ง คราวนี้แสงสีขาวจากกระบอกปืน พุ่งตรงไปที่ลำคอของมัตสึคาว่า
มัตสึคาว่าเดือดดาลสุดขีด แก้มัดห่อผ้าสีดำที่สะพายอยู่บนหลังออกมา ดาบวิเศษของเหยียนชงปรากฏอยู่ในมือของเขาแล้ว มัตสึคาว่านำดาบมาป้องกันลำแสงสีขาวที่พุ่งเข้ามา แรงกระแทกที่เกิดขึ้นทำให้ตัวเขาไถลไปด้านหลังอย่างน่าหวาดกลัว
มัตสึคาว่าถือดาบวิเศษอยู่ในมือ จ้องมองไปที่จิ่วโยวด้วยความพรั่นพรึง
“นั่นมันดาบจีน ไม่คู่ควรกับแกสักหน่อย!” จิ่วโยวตะโกนเสียงก้องกังวาล และในวินาทีต่อมา ก็เกิดแสงสว่างราวกับฟ้าผ่า
มัตสึคาว่ายกดาบขึ้นมาป้องกันเป็นโล่ แต่นี่ไม่ใช่ดาบโค้งของเขา มันมีน้ำหนักไม่เบา เมื่อถูกแรงกระแทกจากลำแสงปืน ดาบในมือก็กระเด็นเกือบหลุดมือ
มัตสึคาว่าร้องคำราม หัวไหล่มีเลือดไหลทะลักไม่หยุด จิ่วโยวไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ตอบโต้ จิ่วโยวเดินเข้ามาหมายใช้ปืนจ่อยิงลำคอ
มัตสึคาว่าตัวสั่นด้วยความกลัวสุดขีด รีบตวัดดาบวิเศษฟันเข้าใส่จิ่วโยว แต่ก็เหมือนกับแมวไล่จับหนู เด็กหญิงกระโดดหนีไปไกลแล้ว
จิ่วโยวกระโดดหนีไปยืนอยู่ไกลสิบกว่าเมตร รอดพ้นจากรัศมีดาบวิเศษ แต่ก็พ้นระยะการยิงปืนของเธอเช่นกัน
มัตสึคาว่ารีบดีดตัวพุ่งเข้าไปหาฉู่ชวิ๋นทันที
ฉู่ชวิ๋นถึงกับประหลาดใจไม่น้อย แต่ฉู่ชวิ๋นก็ยิ้มออกมาเขาหมุนมือข้างหนึ่งในอากาศ ทำให้ลมปราณสั่นไหว
แล้วฝ่ามือขนาดใหญ่ก็พุ่งลงมาจากด้านบน ครอบคลุมร่างของมัตสึคาว่าที่กำลังร้องโหยหวนจนมิด พื้นดินสั่นสะเทือนด้วยแรงกระแทกอันรุนแรง
ฉู่ชวิ๋นไม่ได้ใช้พลังฝ่ามือมานานแล้ว
ควันและฝุ่นที่ลอยฟุ้งในอากาศจางหายไป รอยแตกร้าวบนพื้นดินก็เพิ่มมากขึ้น ร่างของมัตสึคาว่าจมหายไปใต้พื้นดิน มองแทบไม่เห็นว่ามีสภาพเป็นอย่างไร
ฉู่ชวิ๋นต้องการจับเป็น แต่ฝ่ามือของเขาทำให้เลือดสาดกระจายไปทั่ว
“จิ่วโยว จับเป็นนะ…”
เปรี้ยง!
จิ่วโยวเดินถือปืนเข้าไปจ่อที่หัวใจของมัตสึคาว่า ปลายปืนกระตุกหนึ่งครั้ง แล้วร่างของมัตสึคาว่าก็แยกกระจายออกเป็นห้าส่วนทันที
ฉู่ชวิ๋นอดยิ้มออกมาไม่ได้ ดูเหมือนว่าความคิดชั่วช้าก่อนหน้านี้ของมัตสึคาว่า จะทำให้จิ่วโยวเดือดดาลเกินจะห้ามใจไหวแล้วจริงๆ
จิ่วโยวกลับมามีแววตาเยือกเย็นอีกครั้ง เธอยิ้มออกมาเบาๆ ด้วยความละอายใจ
“มานี่เลย”
จิ่วโยวเหมือนเด็กที่โดนจับได้ว่ากระทำความผิด เธอเดินเข้าไปหาฉู่ชวิ๋น
พร้อมกับเงยหน้าขึ้นขอความเห็นใจ
ฉู่ชวิ๋นถอนหายใจโดยไม่รู้ตัวในขณะที่ลูบผมสีแดงของเธอเล่น หลังจากนั้น เขาก็ดึงแก้มยุ้ยๆ ของเด็กหญิงพร้อมกับพูดว่า “คราวหน้า ถ้าเธอไม่เชื่อฟังฉันอีก ฉันจะส่งเธอไปอยู่กับจักรพรรดิอ๋าวหวง เธอจะไม่ได้ออกมาอีกเลย”
จิ่วโยวทำหน้างอ แต่ก็พยักหน้า
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกขำ “จากนี้ไป จำเอาไว้ว่าถ้ามีแบบนี้อีกเราต้องจับเป็นก่อน อีกฝ่ายมีประโยชน์กับเราเสมอ”
จิ่วโยวพยักหน้าและรีบวิ่งกลับเข้าสู่วงต่อสู้พร้อมกับปืนสีเงินในมือ
โม่เฉิงจุนร้องออกมาขณะกระอักเลือด ดวงตาของเขาจ้องมองเหลยเป้า ขณะที่อีกฝ่ายกำลังควงกระบอกในมือ ส่งแสงสว่างเป็นประกายกลางความมืดวูบวาบ
ผลั่ก!
โม่เฉิงจุนร้องโหยหวน เมื่อแผ่นหลังถูกกระบองในมือของเหลยเป้าฟาดเข้าใส่อย่างแรง กระดูกของเขาแตกหัก หัวใจเกือบจะแตกสลาย
“แกทำให้จอมยุทธ์จีนต้องขายหน้าร่วมมือกับคนต่างชาติพวกนั้นได้ยังไง”
เหลยเป้าคำรามพร้อมกับหมุนกระบองในมือ โม่เฉิงจุนส่งเสียงกรีดร้องดังมากกว่าเดิม ก่อนที่จะล้มฟุบลงไปกองกับพื้น
“ชีวิตสุนัขรับใช้ของแก จบลงแต่เพียงเท่านี้ละนะ!”
เหลยเป้าพูดด้วยความสะใจ ก่อนที่จะหันไปยังกลุ่มชายฉกรรจ์ที่เหลืออยู่
นอกจากมัตสึคาว่าที่เสียชีวิตไปแล้วไม่มียอดฝีมือขั้นจักรพรรดิระดับ 2 เหลืออยู่เลย ที่เหลือเป็นเพียงจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 1 ทั้งสิ้น
จิ่วโยวมีพลังฝีมือที่เกือบจะเทียบเท่าจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 2 ดังนั้น เมื่อต่อสู้กับกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านี้ มันจึงกลายเป็นลงมืออยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้น
เพียงพริบตาเดียว กลุ่มชายฉกรรจ์ก็ลงไปนอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น
ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่งให้พวกของปันจือหาวนำตัวชายฉกรรจ์กลุ่มนี้กลับไปด้วย