ตอนที่98 ขอโทษเร็ว

เนื่องจากอีกฝ่ายมาถึงถิ่นของตน ไม่ว่ายังไงวันนี้เขาจะต้อง ‘กระทืบอีกมันให้ตาย’

จ้าวเฉียนไม่สุภาพต่ออีกฝ่ายแล้วเช่นกัน เอ่ยถามไปตามตรงว่า

“คุณจะทำอะไรผมงั้นเหรอ? กระทืบ?”

“ฮ่าฮ่า…ไม่เคยมีใครกล้าทำเรื่องอับอายแบบนี้ต่อหน้าฉัน เฉินกวงอวี่คนนี้มาก่อน นายเป็นคนแรกที่บังอาจฉีกหน้าฉัน! หยุดไม่ใช่รถของพ่อข้ามฟาก! ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า แกจะมาหาฉันถึงที่แบบนี้ อย่าตำหนิล่ะกันว่าฉันไร้มารยาท หยางเหมยไปเรียกรปภ.กับบอดี้การ์ดฉันมา!”

หยางเหมยคือผู้จัดการสาวคนสวย เธอรีบเอ่ยทักท้วงทันทีว่า

“คุณชายคิดให้ดีก่อนนะคะ! เขาสามารถจ่ายเงินล้านได้โดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ ไม่น่าจะเป็นคนธรรมดาทั่วไป ทางที่ดีพวกเราอย่าไปยั่วโมโหเขาเลยดีกว่านะคะ”

เฉินกวงอวี่ระเบิดหัวเยาะลั่น ตอบไปว่า

“เธอโดนมันหลอกแล้ว มันก็แค่พนักงานกินเงินเดือนทั่วไปในบริษัทเล็กๆ ฉันกลัวที่ไหน! เธอไปเรียกพวกนั้นมาได้แล้ว!”

หยางเหมยไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากวิ่งไปตามรปภ.กับบอดี้การ์ดมา

หลิวเหม่ยที่เห็นว่าจู่ๆ ผู้จัดการสาวก็วิ่งออกมาเรียกรปภ.กับกลุ่มคนในชุดสูทดำแบบนี้ ก็ตระหนักได้ทันทีว่า ต้องเกิดเรื่องกับจ้าวเฉียนแล้วแน่นอน พอคิดได้แบบนั้นก็รีบวิ่งกลับโรงแรมเพื่อขอความช่วยเหลือทันที

ภายในห้องทำงานของหยางเหมยอัดแน่นไปด้วยกลุ่มคนของเฉินกวงอวี่ ก่อนจะสั่งลงมือเขาเอ่ยถามจ้าวเฉียนไปว่า มีอะไรจะสั่งเสียก่อนไหม

สีหน้าการแสดงออกของจ้าวเฉียนยังคงสงบนิ่งดังเดิม ส่ายหัวเล็กน้อยเอ่ยตอบไปว่า

“ไม่มี จากนี้จะทำยังไงกับผมก็คิดอยู่กับคุณแล้ว”

เฉินกวนอวี่ใบหน้ามืดทมิฬลงทันควัน กรนเสียงเย็นกล่าวขึ้นว่า

“ฉันให้โอกาสแกสำนึกผิดแล้วนะ ทำไมถึงยังหัวรั้นแบบนี้อยู่อีก? อย่าโทษละกันนะว่าฉันกลั่นแกล้งพวกไม่มีทางสู้ พวกบอดี้การ์ดของฉันล้วนแต่เป็นนายทหารผ่านศึกมาแล้วทั้งสิ้น อย่าให้ออกแรงเชียว แกไม่ตายดีแน่นอน! เอาไง? จะยอมรับผิดแต่โดยดีไหม?”

ขณะที่จ้าวเฉียนกำลังจะเอ่ยปากตอบ ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครา

หยางเหมยรีบเดินไปเปิดประตู สอบถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

“ผู้จัดการค่ะ มีคนกลุ่มใหญ่ดักรออยู่ด้านนอก แถมยังขู่ว่าถ้าไม่ยอมปล่อยตัวจ้าวเฉียนออกมา พวกเขาจะโทรแจ้งตำรวจค่ะ”

เจ้าเศษเดนพวกนี้กล้าหาญเหลือเกิน เฉินกวงอวี่ระเบิดหัวเราะให้แก่ความกล้าหาญของพวนั้น ก่อนหน้าจ้าวเฉียนคงวานให้ตามคนมาช่วยตนออกไปแน่นอน เขากระซิบข้างหูหยางเหมยเล็กน้อย ก่อนจะนำตัวจ้าวเฉียนออกไป

ฟางนี่และคนอื่นๆ ที่เห็นจ้าวเฉียนโดนกุมตัวออกมา ต่างก็รีบวิ่งเข้าไปใกล้อย่างร้อนใจ เอ่ยถามว่าบาดเจ็บตรงไหนไหม? โดนอีกฝ่ายทุบตีรึเปล่า

จ้าวเฉียนยิ้มและตอบแค่ว่า

“แล้วมีบาดแผลบนใบหน้าผมไหม? ไม่ต้องกังวล ผมสบายดี”

ในอีกด้าน จางหยางและพวกหวังเฉียงมีความสุขอย่างยิ่งยวด ในที่สุดก็ได้โอกาสระบายความแค้นกับจ้าวเฉียนเสียที

เจวียงหยวนแสยะยิ้มยินดี แสร้งเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“จ้าวเฉียน ไปก่อปัญหาอะไรเข้าอีก?”

จ้าวเฉียนปรายตามองเจวียงหยวนคล้ายว่าหน่ายใจ ไม่ได้เมินคำถามของอีกฝ่ายไปโดยสิ้นเชิง และเป็นหลิวเหม่ยที่รีบอธิบายให้ทุกคนฟังทันทีว่า

“พวกเราไม่ได้ไปก่อปัญหาอะไรเลย! แค่มาซื้อของเท่านั้นเอง! จ้าวเฉียนบอกว่าจะเหมาเครื่องประดับทั้งหมดในตู้นี้ ผู้จัดการสาวคนนั้นจึงขอเข้าไปคุยกับเขาด้านหลังหลัง จากนั้นเธอก็รีบวิ่งออกมาตามคนกลุ่มใหญ่เข้าสบทบตาม ฉันเลยคิดว่า จ้าวเฉียนกำลังตกอยู่ในอันตรายแน่นอน จึงรีบมาเรียกทุกคน”

“ทีแรกมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย แต่ชายคนนี้กลับกล่าวหาว่าของทางร้านเราเป็นของปลอม พอได้ยินแบบนั้นดิฉันจึงไม่ยอม ขอเรียกไปคุยกับเขาโดยส่วนตัว หวังจะเจรจาดีๆ ขายเครื่องประดับที่เขาต้องการให้ในราคาทุน แต่เขาก็ยังเอาแต่สร้างปัญหาไม่หยุด แถมยังบังคับให้ฉันจูบเขาอีก ลูกค้าหลายคนในนี้สามารถเป็นพยานให้ดิฉันได้ เขาใส่ร้ายว่าทางร้านขายของปลอม แถมยังบังคับให้ฉันจูบอีก จริงไหม?”

พอได้ยินแบบนั้น บรรดาไทยมุงก็แห่ส่งเสียงยืนยันทันที

“ใช่แล้ว! อย่าคิดว่าพวกเราไม่เห็น! เขาบังคับให้ผู้จัดการสาวคนนี้จูบจริงๆ!”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว! แถมยังบอกอีกว่า ที่นี่ขายของปลอม จนฉันเกือบจะเรียกเงินคืนแล้ว!”

“ดูเหมือนว่าเขาคนนี้จะจงใจก่อปัญหาจริงๆ สมควรถูกกระทืบแล้ว!”

ทันทีที่เพื่อนร่วมงานได้ยินแบบนั้น พวกเขาต่างก็ตำหนิจ้าวเฉียนกันทันที

“จ้าวเฉียน นายทำแบบนี้ไม่ถูกต้องนะ พวกเราอุตส่าห์ได้ออกมาเที่ยวกันทั้งที อย่าทำให้หมดอารมณ์สิ”

“ก็จริง! รีบขอโทษพวกเขาเร็ว พวกผมเองก็ต้องขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะครับ”

ทว่าจ้าวเฉียนกลับรวนหัวเราะ เอ่ยตอบไปอย่างไม่แยแสขึ้นว่า

“บอกว่าผมบังคับให้คุณจูบงั้นเหรอ? แต่ถ้าจำไม่ผิด กลับเป็นฝ่ายคุณที่ขอร้องให้ผมเข้าไปคุยหลังร้าน ผมก็แค่ตอบไปว่า ถ้าไม่จูบผมก่อน ผมก็ไม่ไป เอ๋….นี่มันหมายความว่ายังไงน๊า? ถ้าทางร้านไม่มีอะไรต้องปกปิด ก็ไม่เห็นต้องจูบผมเลยหนิ ทุกคนว่าจริงไหมครับ?”

ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นหลิวเหม่ยออกตัวเป็นคนแรกให้การสนับสนุนจ้าวเฉียน และยังมีนักท่องเที่ยวอีกหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์มาช่วยยืนยันเช่นกัน พอมีพยานชัดแจ้งแบบนี้ จ้าวเฉียนจึงกล่าวต่อว่า

“ส่วนเรื่องขายของปลอมหรือไม่ ผมของไม่ตัดสินดีกว่า ทางที่ดีแล้วเพื่อความสบายใจของทุกคน ควรเชิญมือประเมินเกรดอัญมณีมาตรวจสอบกันตรงนี้เลยดีไหม? ทุกคนคิดเห็นยังไงกันครับ?”

หลางเหมยสะดุ้งโหย่งทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เธอรู้ว่าสินค้าภายในร้านมีของเกรดต่ำอยู่ไม่ใช่น้อย ทว่าเฉินกวงอวี่กลับไม่เกรงกลัวใดๆ เขาคิดว่าตนสามารถยัดเงินให้นักประเมินได้แน่นอน

ทันทีที่เฉินกวงอวี่กำลังจะเอ่ยปากพูด จางหยางที่แทบจะรอโอกาสแสดงความเป็นผู้นำไม่ไหวก็กล่าวแทรกขึ้นทันที

“คุณชายครับ ผมต้องขอโทษแทนลูกน้องคนนี้ด้วยจริงๆ ที่ทำให้ทางคุณต้องเดือดร้อน ที่จริงพนักงานคนนี้ชอบก่อปัญหาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ ผมจะชดเชยค่าเสียหายเต็มจำนวนให้ทั้งหมดเองครับ”

หวังเฉียงรีบเข้ามาซ้ำจ้าวเฉียนต่อนทันที และพยายามเกลี้ยกล่อมให้จ้าวเฉียนขอโทษโดยไว ถ้าไม่รีบขอโทษอาจถูกตำรวจจับไปได้ และหากเป็นแบบนั้นใครมันยังมีอารมณ์เที่ยวอยู่อีก?

แม้แต่หลิวเหม่ยเองก็พยายามเกลี้ยกล่อมเขาเช่นกัน เธอกล่าวว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเธอเอง ถ้าเธอไม่สะเพร่าทำกำไรหยกขาวหัก จ้าวเฉียนคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้

นี่ไม่ใช่ความผิดของจ้าวเฉียนด้วยซ้ำ และถึงแม้จะผิดจริง แต่เขาก็ไม่มีทางก้มหัวยอมรับแน่นอน ที่แห่งนี้คือเกาะที่ตระกูลจ้าวถือหุ้นส่วนมากถึง60% แล้วมีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องก้มหัวขอโทษคนอื่นในบ้านของตัวเอง?

เฉินกวงอวี่แสยะยิ้มท่าทีพึงพอใจ เขาบอกให้จ้าวเฉียนยอมทำตามที่เพื่อนร่วมงานบอกไปเถอะ ก้มหัวขอโทษแค่ทีเดียว เรื่องจะได้จบๆ มิฉะนั้นเขาจะใช้คำพูดที่จ้าวเฉียนกลับไปก่อนหน้าส่งฟ้องในข้อหาใส่ความร้าน ซึ่งหลักฐานเท่านี้ก็เพียงพอที่จะเอาผิดจ้าวเฉียนได้แล้ว

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะลั่นราวกับตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด สวนตอบกลับไปชนิดที่ว่าไม่มีเกรงกลัว ราวกับว่าเฉินกวงอวี่ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลยด้วยซ้ำ

“ผมคิดว่าร้านของคุณเปิดให้บริการมานานเกินไปแล้ว ตอนนี้คงถึงเวลาต้องเซ้งร้าน ขายของเกินราคาบนเกาะแห่งนี้ ต้องรับโทษตามกฏหมาย”

เฉินกวงอวี่ระเบิดหัวเราะเยาะเช่นกัน เอ่ยถามน้ำเสียงเดือดดุว่า

“แกอายุแค่เท่าไหร่? พูดอย่างกับตัวเองเป็นเจ้าของเกาะแห่งนี้? ฮ่าฮ่า…แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?!”

จ้าวเฉียนส่ายหัวและตอบกลับสีหน้าเมินเฉย

“ผมไม่รู้และไม่จำเป็นต้องรู้ด้วย เท่ารู้มีแค่…ร้านของคุณต้องถูกปิดในไม่ช้า”

ไม่เพียงเฉินกวงอวี่ที่ไม่อาจทนฟังคำพูดอวดดีของจ้าวเฉียนต่อไปได้เท่านั้น แม้แต่จางหยาง, หวังเฉียงและเพื่อนร่วมงานทุกคนในบริษัทเกมฟางนี่ ก็ไม่สามารถทนฟังได้เช่นกัน ต้องการปิดร้านเครื่องประดับใหญ่บนเกาะ? คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?

ทุกคนรีบเข้าเกลี้ยกล่อมขอให้จ้าวเฉียนขอโทษโดยไว จากเลือกใหญ่จะได้กลายเป็นเล็ก แต่กลับมีคนเพียงคนเดียวที่เห็นต่างจากคนอื่นๆ และนั้นก็คือเจียงเสี่ยวปิง เธอสนับสนุนให้จ้าวเฉียนเอาผิดกับเฉินกวงอวี่ให้ถึงที่สุด

แต่จ้าวเฉียนก็รู้ดีอยู่แก่ใจ เธอแค่ต้องการให้จ้าวเฉียนสร้างศัตรูเพิ่ม เพื่อเธอจะได้ยืนมือเฉินกวงอวี่จัดการกับจ้าวเฉียนได้

อย่างไรเสีย จ้าวเฉียนไม่เกรงกลัวเฉินกวงอวี่แม้สักนิด อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลยด้วยซ้ำ

จ้าวเฉียนเสแสร้งทำเป็นซึ้งใจ ยิ้มกล่าวว่า

“เจียงเสี่ยวปิง ฉันไม่คาดหวังเลยว่าเธอจะสนับสนุนฉันในยามแบบนี้จริงๆ เธอเป็นคนเดียวเลย…ฉันดีใจมาก แม้เราจะไม่ค่อยถูกหน้ากัน แต่อย่างน้อยในยามลำบากเธอก็ยังเข้าข้าง!”

เจียงเสี่ยวปิงหัวเราะเย้ยหยันภายในใจไม่หยุดหย่อน สบถด่าว่าจ้าวเฉียนก็แค่ไอ้โง่คนหนึ่ง เธอกำลังคำนวณหาวิธีจัดการกับเขาอย่างชัดเจน แต่ที่ไหนได้ เขากลับคิดว่าเธอกำลังช่วยเฉยเลย