ตอนที่ 277 ทำเท่เสร็จแล้วหนี

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

เจ้าอัปลักษณ์สวมหน้ากากนักรบคราม พลังพุ่งทะยานทันที ใช้กระบองฟาดกู่เยว่หวงที่กระโดดเข้ามาเช่นกัน

ตูม!

การปะทะกันของกระบี่กับกระบองเงิน ทำให้เกิดสุญญากาศทรงกลม จากนั้นระเบิดทันใด

แผดเสียงอย่างบ้าคลั่ง ฟ้าดินสั่นสะเทือน

เจ้าอัปลักษณ์ถูกสะเทือนจนถอยไปหลายจั้ง กู่เยว่หวงเองก็เช่นกัน

กู่เยว่หวงพรั่นพรึง ไม่คิดว่าพลังของวานรตัวนี้ จะไล่เลี่ยกับมัน

“เอาอีก!”

มันตะโกนลั่น กระโจนใส่เจ้าอัปลักษณ์อีกครั้ง

ตูมๆ ๆ… กลางนภา กู่เยว่หวงกับเจ้าอัปลักษณ์สู้รบปรบมือกัน พลังปราณซัดสาด เสียงสะเทือนสามลี้

ผู้แข็งแกร่งแห่งเกาะมรกตมองการต่อสู้กลางอากาศด้วยความตะลึง พวกมันไม่คิดเลยว่าวานรที่ไม่บรรลุระดับแปลงจิตเลยด้วยซ้ำ จะสู้กู่เยว่หวงได้จริงๆ

ตูม! เจ้าอัปลักษณ์ยิ่งรบก็ยิ่งฮึกเหิม โจมตีจนกู่เยว่หวงถอยออกไปหลายสิบเมตรด้วยกระบองทรงพลัง

หนนี้ สีหน้าของทุกคนบนเกาะมรกตเปลี่ยนไปอีกครั้ง

“คุณพระ ราชันวานรต้าซ่วยกำราบกู่เยว่หวงได้แล้ว หรือครั้งนี้เจ้าแห่งเกาะมรกตจะถูกแทนที่อีกแล้ว”

“ไม่มีทางหรอก” ภูตพฤกษาชราตนหนึ่งส่ายหน้า “การโจมตีในขั้นนี้ของราชันวานร ทำลายเขตอาคมแสงจันทร์พิทักษ์ของกู่เยว่หวงไม่ได้ อีกอย่างราชันวานรน่าจะใช้วิธีระเบิดพลังบางอย่าง วิธีแบบนี้ไม่คงทน หากว่าสิ้นประสิทธิภาพ ก็ถึงวันตายของราชันวานรแล้ว…”

ความจริงก็เป็นดั่งเช่นที่มนุษย์พฤกษากล่าว พลังจากหน้ากากนักรบครามของเจ้าอัปลักษณ์จวนจะสูญสิ้นแล้ว

“ก็ยังไม่พออยู่ดี…” อันหลินนำกระบี่พิชิตมารออกจากแหวนมิติ

กู่หวงเยว่กับเจ้าอัปลักษณ์กำลังรบกัน ไม่มีใครสนใจการกระทำของนักพรตหนุ่ม

แต่ในตอนนั้นเอง ฟ้าดินก็พลันมืดมนอย่างสิ้นเชิง

กระบวนท่าที่สอง เงาพยัคฆ์!

สรรพสิ่งเริ่มเงียบงัน จู่ๆ กู่เยว่หวงก็สั่นเทิ้ม วิกฤตมรณะที่ไม่เคยมีมาก่อนแผ่คลุมทั่วร่าง

มันกระตุ้นเขตอาคมแสงจันทร์พิทักษ์อย่างบ้าคลั่ง ดวงจันทร์แผ่แสงขาวไม่หยุด

ทว่าความมืดกลับเป็นเหมืองกรงเล็บที่แหลมคมที่สุด ฉีกลำแสงสีขาว รุกรานดวงจันทร์…

“ไม่นะ!” กู่เยว่หวงวิงวอนอย่างกริ่งเกรง

ชั่ววินาทีนั้น มันหวนคิดถึงความโหดเหี้ยมจากกระบี่ของหญิงเผ่าพันธุ์มังกรคนนั้น สัมผัสได้ถึงความกลัวที่ถูกเชือดเฉือน

“ขอยืมแขนเจ้าหน่อย” เสียงเรียบเฉยดังขึ้นท่ามกลางอนธการและความเงียบสงัด อันหลินปรากฏกายในเงามืด กระบี่พิชิตมารตวัดฟันลงมาอย่างไร้สุ้มเสียง!

เงากระบี่สีดำที่ลุกลามไปร่วมร้อยเมตรพุ่งลงมาทันที กู่เยว่หวงกรีดร้องกลางเวหา

แสงสว่างสาดส่องอีกครั้ง ความมืดมาไว ไปไวด้วยเช่นกัน

เมื่อสิ่งมีชีวิตบนเกาะมรกตมองเห็นเหตุการณ์บนเวหาอีกครั้ง สุนัขสีขาวขนปุกปุยก็คาบแขนหนาใหญ่สีเขียวเหลือง หนีเตลิดไปไกลพร้อมกับราชันวานรแล้ว

“หึ จักรพรรดิเกาะมรกตกับผีอะไร แม้แต่กระบี่ของเซียนกระบี่อันหลินอย่างข้ายังต้านไม่ได้! ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ไปใคร่ครวญให้ดี!”

ชายหนุ่มหล่อเหลาทิ้งคำพูดนี้ไว้ หันแผ่นหลังที่แข็งแรงกำยำให้ชาวเกาะมรกตแล้วย่ำก้อนอิฐสีดำแปลกพิลึกเหาะเหินไป ไม่มีใครกล้าขัดขวาง

พวกมันตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าทำไมนักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณคนนั้นถึงได้แข็งแกร่งปานนี้

แต่มีประการหนึ่งที่พวกมันรู้ดีแก่ใจเป็นอย่างมากนั่นก็คือ เซียนกระบี่ที่มีนามว่าอันหลิน ตำนานแห่งเกาะมรกตที่เอาชนะกู่เยว่หวงได้ด้วยกระบี่เดียว! วีรกรรมของเขาจะกระฉ่อนไปทั่วเกาะมรกต ไปถึงทะเลบูรพา

แน่นอนว่ากู่เยว่หวงไม่ถือสา…

กู่เยว่หวงรอดตายจากหายนะ หมดสิ้นมาดมังกรผงาดฟ้าที่เคยมีไปนานแล้ว ลอยลงมาบนแท่นหินด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา มันรู้ว่า หากอันหลินไม่ยั้งมือ มันจะไม่ใช่แค่แขนขาดแน่นอน แต่ร่างกายจะถูกฟันเป็นสองท่อน…

ชายหนุ่มที่มีเพลงกระบี่น่ากลัวคนนั้นไปแล้ว ไยเขาฟันแค่แขนเดียวก็ไปเลยเล่า

กู่เยว่หวงไม่เข้าใจ แต่เมื่อมันนึกถึงสุนัขที่คาบแขนของตัวเอง มันก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

หญิงเผ่าพันธุ์มังกรคนนั้นก็ฟันมันท่อนหนึ่งแล้วจากไปเช่นกันไม่ใช่หรือ

เหตุการณ์ที่คุ้นเคยทำให้มันหวาดหวั่นพรั่นพรึง อดสะดุ้งโหยงไม่ได้

“ผู้ที่อาจหาญท้าทายข้า ถูกข้าไล่ตะเพิดไปแล้ว…”

“บัดนี้ข้าจะเป็นจักรพรรดิแห่งเกาะมรกต มีใครไม่พอใจหรือไม่!”

เสียงของกู่เยว่หวงดังกึกก้อง เอ่ยอีกครั้งด้วยอานุภาพเต็มเปี่ยม

สิ่งมีชีวิตในเกาะมรกตรู้สึกเหมือนปัญญาถูกดูหมิ่น แต่พวกมันก็ยังไม่กล้าปริปากอยู่ดี แม้กู่เยว่หวงจะเสียแขนไปข้างหนึ่ง แต่ที่นี่ก็ไม่มีใครเอาชนะมันได้อยู่ดี…

“ในเมื่อไม่มีใครคัดค้าน เช่นนั้นวันนี้ข้าก็เป็นจักรพรรดิแห่งเกาะมรกตแล้ว!”

กู่เยว่หวงลั่นคำตัดสิน ขึ้นนั่งบัลลังก์ราชาของเกาะมรกต

“ขอแสดงความยินดีกับจักรพรรดิใหม่! กู่เยว่หวงไร้เทียมทาน อายุยืนหมื่นปี!”

ภูตพฤกษาและอสูรวิญญาณปริปาก กล่าวคำพูดเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง

ณ ที่แห่งหนึ่งในเกาะมรกต ชายคนหนึ่งเหยียบย่ำคลื่นมา

“จิ๊ๆ ๆ พลังงานธาตุไม้ของเกาะแห่งนี้เข้มข้นเสียนี่กระไร เป็นสถานที่เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียร”

“เอ๊ะ เหมือนว่าทางนี้จะมีการชุมนุม เรื่องดีแบบนี้ชุนหนานคนนี้จะพลาดได้อย่างไร!”

“ไหนๆ ก็รวมตัวกันแล้ว ข้าฉวยจังหวะเป็นประมุขเกาะสักหน่อย จะได้สร้างประเทศเกาะที่รุ่งเรือง เป็นประชาธิปไตยและมีอารยธรรม หึๆ ๆ…”

บนท้องฟ้า อันหลินเก็บแขนของกู่เยว่หวงใส่แหวนมิติ

เขาใช้วิชาญาณทิพย์ตรวจสอบแล้ว นี่เป็นไม้จันทร์หลับใหลอายุหมื่นปี สูงส่งกว่าที่คาดเดาไว้หลายเท่า

เขานึกเสียดาย หากว่าตอนนั้นสังหารกู่เยว่หวงเสียเลยคงดีไม่น้อย วัตถุดิบที่เหลือนำไปขายได้ ราคาดี…

วัตถุดิบต่อไปคือ เถาวัลย์ม่วงกับเลือดอิงหลง สามารถหาได้ในสนามรบบรรพกาลของทะเลบูรพา

เคยเห็นสนามรบบรรพกาลในภาพความทรงจำของเสิ่นอิง

สถานที่ที่ซึ่งวัตถุล้มเหลวในการรวมมรรคาแห่งแดนจื่อซิงกับเทพอสูรหกภพภูมิ นำกองทัพผีสิบหมื่นมารบกับวังมังกร

ศึกใหญ่ที่ดุเดือดสะท้านฟ้าดินครานั้น มีผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนวายชนม์ รวมถึงอิงหลงที่มีพลังระดับหวนสู่ความว่างเปล่าห้าตัว และตงฟางหมิง อัจฉริยะแห่งยุคของสำนักวิหคเพลิงในตอนนั้น

ตอนนี้สนามรบแห่งนั้นกลายเป็นสถานที่แห่งความตาย มิติอลหม่าน หล่อเลี้ยงภูตผี ยอดฝีมือระดับหวนสู่ความว่างเปล่าไม่ย่างกรายไปที่นั่น ไม่อย่างนั้นจะทำให้พื้นที่เปราะบางแห่งนั้นถล่มได้

มีเพียงนักพรตแปลงจิต หล่อเลี้ยงวิญญาณบางส่วนที่เสี่ยงอันตรายไปแสวงโชคที่นั่น

เสิ่นอิงพบเถาวัลย์ม่วงกับเลือดอิงหลงในมิติแห่งหนึ่งของสนามรบ

“หวังว่านักพรตที่เข้าไปทีหลังจะไม่พบมิติโดดเดี่ยวนั่น” อันหลินพูดอย่างกังวลใจ

เขาไม่กลัวว่าเถาวัลย์ม่วงจะแห้งเหี่ยว เลือดอิงหลงจะแห้งเหือด เถาวัลย์มังกรดูดซึมไอมรณะของสนามรบเป็นสารอาหารเพื่อความอยู่รอดได้ และเลือดอิงหลงมีคุณสมบัติอมตะ อยู่ในกระดูกของอิงหลง

“หากว่าเถาวัลย์ม่วงกลายเป็นภูตหนีไปแล้วล่ะ” จู่ๆ ต้าไปก็เผยความกังวลของเขาออกมา

อันหลิน “…”

ตอนแรกเขาไม่เชื่อว่ามีอายุยืนนานแล้วจะกลายเป็นภูต แต่ต้นจันทร์หลับใหลทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก

อันหลินไม่คุยกับต้าไป๋ เลือกที่จะเงียบ

ผ่านไปอีกเนิ่นนาน

ทุกคนก็เห็นเกาะรกร้างแห่งหนึ่ง จึงเริ่มดำลงไปอีกครั้ง

ใต้ทะเลลึก มีม่านแบ่งแดนประหนึ่งริ้วคลื่นสีขาวปกคลุมพันลี้

ที่นี่เป็นบริเวณที่รุ่งเรืองที่สุดของวังมังกร เคยมีค่ายกลป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด สงครามที่ปะทุกะทันหันทำลายทุกอย่าง บัดนี้กลายเป็นแดนแห่งความตายที่ตัดขาดจากโลกภายนอกแล้ว…

“อืม…เจอแล้ว ทางเข้าอยู่ตรงนั้น!”

เจ้าอัปลักษณ์ย้อนความทรงจำ เดินอ้อมม่านแบ่งแดน ในที่สุดไฟฉายก็ส่องประตูสีขาวบานใหญ่

ทุกคนมาถึงหน้าประตูสีขาวด้วยความดีใจ

ภายในประตูมีริ้วคลื่นกะพริบแปลบปลาบ ให้ความรู้สึกพิศวงและอันตราย

ดวงตาของอันหลินกลายเป็นสีขาวโพลน มองเข้าไปในประตู

“อุโมงค์ยังคงใช้ได้ อีกอย่างก็เป็นวันที่ม่านแบ่งแดนมั่นคง…สวรรค์เมตตาพวกเราจริงๆ”

“สนามรบบรรพกาล ไปกันเลย!”