ตอนที่ 278 ประตูปิดแล้วทำอย่างไรดี

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

นี่เป็นแดนรกร้างที่ไม่มีต้นไม้ใบหญ้า สุดน่านฟ้าเป็นม่านแบ่งแดน ตัดขาดน้ำและผืนฟ้า ส่องแสงสลัวประหนึ่งพลบค่ำ

ภายในมิติที่แตกระแหง มีสายลมทำลายล้างทุกสรรพสิ่งพัดออกมาเป็นระลอกๆ

ไอมรณะกับกลิ่นอายความชั่วร้ายผุดขึ้นจากพื้นบ่อยครั้ง มิหนำซ้ำยังมีภูตผีบรรพกาลที่อาฆาตแค้นไม่ได้ไปผุดไปเกิดวนเวียนอยู่ในแดนนี้

ที่นี่เป็นสนามรบบรรพกาลของวังมังกร เป็นดินแดนที่ถูกหลงลืม

ภายใต้เสาหินสีขาวที่หักพัง บุรุษที่แต่งกายไม่ธรรมดาห้าคนกำลังยืนอยู่ด้วยกันอย่างกลัดกลุ้ม

“องค์ชายชื่ออู พวกเราจะไม่ไปช่วยองค์หญิงหยินอวี่จริงๆ หรือ” ชายวัยกลางคนหนึ่งกล่าวด้วยความหวั่นวิตก

ชายผมสีชาดที่อยู่ตรงกลางทำหน้าถมึงทึง สุดท้ายสะบัดแขนเสื้อกล่าวว่า “หึ เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากช่วยน้องสิบสามหรือ แต่นางพลาดหลุดเข้าไปในแดนหมื่นผี! คนที่เข้าไปเคยออกมาไหม เราหาทางหนีไปจากที่นี่แล้วค่อยทูลเสด็จพ่อให้จัดการเถอะ!”

เห็นได้ชัดว่าชายที่มีนามว่าชื่ออูเป็นคนที่มีศักดิ์สูงที่สุดในนี้ เมื่อเขาตัดสินใจ คนที่เหลือก็ไม่กล้าปริปาก สีหน้าเพียงฉายความเสียใจ

รายงานให้เจ้ามังกรจัดการงั้นหรือ รอให้พวกเขาหนีออกไปแล้วค่อยส่งคนเข้ามา เกรงว่าองค์หญิงสิบสามคงจะสิ้นชีพ กลายเป็นหนึ่งในหมื่นภูตผีไปแล้ว…

มือของชื่ออูกำประคำโบราณสีดำ นี่เป็นโบราณวัตถุที่เขาได้จากการมาที่นี่โดยอาศัยความมั่นคงของอุโมงค์ ก็ใช่ว่าจะไม่ได้อะไร

“ไป พวกเรากลับกันเถอะ”

“เฉินหยวน หวงอวี้เจ๋อ พวกเจ้าไปล่อฝูงโครงกระดูกด้านหน้า”

เมื่อได้ยินคำสั่งของชื่ออู เฉินหยวนกับหวงอวี้เจ๋อก็พยักหน้ายิ้มๆ ในใจลอบด่าเวรตะไลนับหมื่นครั้ง

ฝูงโครงกระดูกน่ากลัวยิ่งนัก หนึ่งในนั้นมีโครงกระดูกมังกรหมอกดำระดับแปลงจิตสองตัว ให้มังกรที่มีระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายอย่างพวกเขามาเป็นเหยื่อล่อ มีแค่องค์ชายชื่ออูที่ทำได้ลงคอ

เฉินหยวนกับหวงอวี้เจ๋อลุกขึ้น เสกมีดบินออกมา สบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็เห็นความขมขื่นและระอาใจของอีกฝ่าย เมื่อใช้เคล็ดวิชา แม้หนนี้จะไม่ตาย ก็คงจะปางตายกระมัง…

“ไปเลยวีรบุรุษแห่งวังมังกร!” ชื่ออูคำนับอย่างสง่างาม

มุมปากของเฉินหยวนกับหวงอวี้เจ๋อกระตุก อยากจะพ่นสามคำนั้นออกมาอีกแล้ว แต่สุดท้ายก็อดทนอดกลั้น

นี่คงจะเป็นชะตากรรมขององครักษ์กระมัง เพื่อความปลอดภัยของเชื้อพระวงศ์ ต่อให้ต้องสละชีวิตก็ปฏิเสธไม่ได้

ทั้งคู่กระโดดพุ่งตัวแล้วเหาะไปข้างหน้า

ฝูงโครงกระดูกเนืองแน่นเบื้องหน้าได้กลิ่นของสิ่งมีชีวิต ก็แตกฮือขึ้นมาทันที

“ฮือ…”

เสียงโหยหวนและครวญครางดังไปทั่วแดนดิน โครงกระดูกเริ่มถาโถมใส่เฉินหยวนกับหวงอวี้เจ๋อ มีอีกมากมายถึงขั้นลอยกลางอากาศ รวดเร็วกว่าเฉินหยวนกับหวงอวี้เจ๋อเสียอีก

ครืน!

โครงกระดูกมังกรใหญ่โตมโหฬาร เบ้าตาแดงฉานกลวงโบ๋ก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว พุ่งใส่ทั้งสองคนที่อยู่กลางอากาศด้วยพลังมหาศาล

เฉินหยวนกับหวงอวี้เจ๋อใช้เคล็ดวิชา แผดเผาศักยภาพทันที ทำหน้าที่เหยื่อล่อต่อไป

“เราก็ควรเคลื่อนไหวแล้ว”

ชื่ออูเห็นฝูงโครงกระดูกถูกเฉินหยวนกับหวงอวี้เจ๋อล่อไปอีกทางแล้ว จึงเริ่มขี่กระบี่เหินเวหา

อีกสองคนที่เหลือพยักหน้า ขี่กระบี่ตามหลังชื่ออู ทิ้งลำแสงสองเส้นเป็นทางยาวกลางอากาศ

อันหลิน ต้าไป๋และเจ้าอัปลักษณ์เดินผ่านอุโมงค์ของม่านแบ่งแดน พวกเขาตั้งใจให้ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์เดินนำเป็นการสำรวจทาง

คาดไม่ถึงว่าต๋าอีกับต๋าเอ้อร์เพิ่งเหยียบอุโมงค์ ม่านแบ่งแดนก็เหมือนกับถูกอะไรบางอย่างกระตุ้น เริ่มหดตัว

เหตุการณ์นี้ทำให้พวกเขาตกใจ รีบเหาะข้ามอุโมงค์ยาวเหยียดสุดชีวิต สุดท้ายก็เข้ามาภายในม่านแบ่งแดนได้อย่างหวุดหวิด

“ฟู่…เกือบไปแล้ว ม่านแบ่งแดนหดตัวได้ด้วยหรือ เกือบไม่ได้เข้ามาแล้ว” อันหลินมองอุโมงค์ที่ขาวที่หดตัวเป็นรอยแยก พูดด้วยความพรั่นพรึง

“หรือจะเป็นเพราะต๋าอีกับต๋าเอ่อร์เป็นสิ่งประดิษฐ์จากจื่อซิง ม่านแบ่งแดนของเผ่าพันธุ์มังกรจึงต่อต้าน” ต้าไป๋คาดเดา

อันหลินพยักหน้า คิดว่าข้อสันนิษฐานนี้มีเหตุผล

เจ้าอัปลักษณ์พูดอย่างกังวลใจว่า “อุโมงค์ปิดแล้ว แล้วพวกเราจะออกไปอย่างไร”

“ใจเย็นๆ ทุกปัญหาย่อมมีทางออก พวกเราไปหาของให้เจอก่อนค่อยว่ากัน!” อันหลินไม่ใช่คนมองโลกในแง่ลบ จึงพูดอย่างฮึกเหิมทันที

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ พลังที่ยิ่งใหญ่สามลูกก็พุ่งเข้ามาใกล้พวกเขา

“ระวัง! มีศัตรูมา ท่าทางพลังจะไม่อ่อนแอ!” เจ้าอัปลักษณ์จ้องมองเบื้องหน้าอย่างตึงเครียด

อันหลินกับต้าไป๋ก็เกร็งไปทั้งตัว ไม่คิดว่าเพิ่งเข้ามาในม่านแบ่งแดนก็มีศัตรูโผล่มาแล้ว เกิดความแค้นเร็วไปหรือเปล่า

“คนของวังมังกรหรือ” อันหลินเห็นชายหนุ่มที่มีรูปโฉมหล่อเหลาคนหนึ่งก่อน จึงอดพูดอย่างสงสัยไม่ได้ ผมสีแดงของชายคนนี้ปลิวว่อน บนหัวมีเขามังกรอันเป็นลักษณะพิเศษของเผ่าพันธุ์มังกร

เมื่อชายผมสีชาดเห็นพวกอันหลินก็ชะงักไปเช่นกัน

แต่สมกับเป็นองค์ชายแห่งวังมังกร ตอบสนองฉับไว ยกมือขึ้นคำนับอย่างสุภาพแล้วพูดว่า “สหาย ดีใจยิ่งนักที่ได้พบพวกเจ้าที่นี่ ข้าขอตัวก่อนละ”

“เจ้าอย่าดีใจเร็วไปหน่อยเลย…” อันหลินเสตามองทางอื่น ราวกับละอายใจ

“เอ่อ” ชายผมสีชาดได้ยินคำตอบนี้ก็งุนงง

นี่มันคำพูดอะไรกัน

บอกเราว่าอย่าดีใจเร็วไปหน่อยเลย ท้าทายอยู่งั้นหรือ แต่เราไม่ได้ทำอะไรเขานี่นา

“องค์ชายชื่ออู ประตู…อุโมงค์หดจนเหลือแค่รอยแยกแล้ว!” หนึ่งคนข้างกายชายผมสีชาดจ้องม่านแบ่งแดนด้านหลังอันหลิน ตะโกนเสียงดังลั่นอย่างลนลาน

ชื่ออูมองด้านหลังอันหลินแล้วเบิกตากว้าง หัวใจเต้นช้าไปครึ่งจังหวะ

ในที่สุดเขาก็เข้าใจความนัยของประโยคที่อันหลินพูดแล้ว…พับผ่าสิ ดีใจกับผีอะไร! ประตูหายไปแล้ว!

“เจ้า…สหาย ทำไมประตูถึงหดล่ะ” ความอดทนของชื่ออูนับว่าไม่เลวเหมือนกัน สะกดกลั้นเลือดไม่กระอัก จ้องพวกอันหลินด้วยสีหน้านิ่งเฉย เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน…” อันหลินพูดอย่างหน้าตาเฉย ใบหน้าฉายความกังวล “พอข้าเข้ามามันก็หดเลย ตอนนี้กำลังคิดอยู่ว่าจะกลับไปอย่างไร”

มุมปากชื่ออูกระตุก ให้ตายสิ เขาซวยขนาดนี้เลยหรือ เข้ามาประตูก็หดเลยงั้นหรือ

นักพรตกลุ่มนี้ไม่คุ้นหน้า ตามหลักแล้วน่าจะไม่ได้มาหลอกลวงเขา

ต่อให้มาหลอกเขา เวลาจะแม่นยำปานนี้ได้อย่างไร

เมื่อเป็นแบบนี้ เท่ากับว่าครั้งนี้เขาดวงซวยแล้วหรือ!

ครืน…

เสียงดังสนั่นหวั่นไหวแว่วมา คล้ายว่าจะมีกองทัพใหญ่เข้าประชิด

“องค์ชาย โครงกระดูก พวกมันมาแล้ว!” ชายคนหนึ่งหน้าซีดเผือด เอ่ยเสียงสั่นเครือ

โครงกระดูกงั้นเหรอ

อันหลินทอดมองออกไป เห็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างบิดเบี้ยวที่เป็นสีขาวกลางความมืดมิดกำลังเฮละโลกันมา

ร่างกายของพวกมัน ส่วนใหญ่จะก่อตัวจากกระดูกและหมอกสีดำที่สมจริงปกคลุมด้านบน

หนึ่งในนั้นมีโครงกระดูกมังกรขนาดใหญ่ยักษ์ ปากเคี้ยวอะไรบางอย่างไม่หยุด เบ้าตาสีแดงฉานกำลังแผ่กลิ่นอายอันตราย

ชื่ออูชักกระบี่เปลวไฟออกมา พลังอันยิ่งใหญ่ของระดับแปลงจิตขั้นต้นระเบิดออกมา แลดูงามสง่าและน่าเกรงขาม

“สหาย โครงกระดูกเหล่านี้ระรานแดนพิศวง บัดนี้ทางออกถูกปิด หากพวกเราออกไปไม่ได้จะถูกพวกมันก่อกวน เรามารวมพลังจัดการมันด้วยกันเถอะ!” ชื่ออูพูดเสียงดังลั่น

“ได้!” อันหลินพยักหน้า

“กระบี่เพลิงสี่แฉก!” ชื่ออูวาดกระบี่ปล่อยลำแสงเปลวไฟสองเส้น ฟันโครงกระดูกมังกรที่อยู่ด้านหน้าสุดด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่

“หมัดสะเทือนขุนเขาอัสนี!”

“หัตถ์วายุหมาป่าสวรรค์!”

“หมัดเพลิงนิล!”

พวกอันหลินโจมตีอย่างพร้อมเพรียงกัน

สองคนข้างชื่ออูกระโจนใส่โครงกระดูกมังกรหมอกดำ

“พายุหมุนเย็นเยือก!”

“กระบี่อัสนีเมฆขาว!”

ครืน! พลังเซียนที่มีอานุภาพร้ายแรงนับไม่ถ้วนโจมตีโครงกระดูกมังกรและฝูงโครงกระดูก สังหารไปหลายสิบตัวในพริบตา แม้แต่โครงกระดูกมังกรระดับแปลงจิตสองตัวก็ล่าถอย

“ลุย!”

ชายหนุ่มสองคนข้างกายชื่ออูพุ่งใส่โครงกระดูกมังกรพร้อมกัน

เพียงไม่กี่อึดใจ ชายหนุ่มสองคนก็บาดเจ็บสาหัสกระเด็นออกมา

ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลผุดขึ้นมาในใจพวกเขา ทำไมข้างหลังเงียบไปล่ะ

พวกเขาหันหลังมองไป เจ้านายชื่ออูของพวกเขาเหาะออกไปไกลสามลี้แล้ว

ชายหนุ่มขี่สุนัขกับวานรเผ่นแน่บไปอีกทิศทางหนึ่ง เรียกได้ว่าไกลจนกลายเป็นจุดดำไปแล้ว…

ชายหนุ่มสองคนเพิ่งตระหนักรู้ ความเย็นเยียบผุดขึ้นในใจ

“ไม่…”

สิ้นเสียงตะโกนอย่างสิ้นหวัง สิ่งที่ถาโถมเข้ามาคือปากกว้างคาวเลือดของโครงกระดูกมังกรหมอกดำ…