Ch.52 – กำลังภายในสามเท่า

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.52 – กำลังภายในสามเท่า

 

ภายในที่เกิดเหตุ นอกจากฉินเฟิง ก็เหลือพนักงานร้านอีกสองสามคนเท่านั้น

 

“มิสเตอร์ … กะ .. ก่อนอื่นพวกเราต้องติดต่อหน่วยลาดตระเวนดีหรือเปล่า?” พนักงานร่ำไห้ด้วยความหวาดกลัว

 

“ไม่ต้อง ฉันติดต่อไปแล้ว แต่ตอนนี้ไหนๆก็ว่างกันหมด ระหว่างรอ พวกคุณก็มาช่วยฉันเลือกเสื้อผ้าซักสามสี่ตัวให้หน่อยสิ!”

 

พนักงาน “ … ”

 

 

เครือข่ายนักล่าเงินรางวัลมีระบบเป็นของตัวเอง มีการสร้างสำนักงานในสถานที่ชุมชนทั้งเล็กใหญ่ เป็นองค์กรกึ่งทางการ และยังเป็นอิสระจากหน่วยลาดตระเวนหรือกองทัพรักษาการณ์

 

พวกเขามาถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำ แน่นอน ว่าสำนักงานใหญ่ของพวกเขาตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ใจกลางสถานที่ชุมชนทางตอนเหนือนี่เอง

 

เมื่อพวกเขามาถึง ก็พบกับฉินเฟิงที่เปลี่ยนไปใส่ชุดแบรนด์เนมตัวใหม่แล้ว ถัดออกไป เป็นสองพนักงานที่กำลังอธิบายอะไรบางอย่างให้ฉินเฟิงฟังอย่างกระตือรือร้น และหากสังเกตดีๆ คุณจะพบว่าหน้าจอที่ทั้งสามมุงดูอยู่ กำลังแสดงรายการสินค้าเครื่องแต่งกายสัตว์เลี้ยง

 

ถ้าอาศัยแค่การสังเกตจากเสื้อผ้า ภาพลักษณ์ของฉินเฟิงในตอนนี้ดูเปลี่ยนไป ปัจจุบัน หากบอกว่าเขาเป็นลูกชายจากตระกูลที่ร่ำรวย เป็นลูกหลานแข็งแกร่งที่สามารถโค่นผู้ร้ายลงได้ ก็คงจะมีคนเชื่อ

 

หากไม่ใช่เพราะใบหน้าในตอนนี้ของฉินเฟิงยังเด็กเกินไป มันคงจะเป็นความเหมือนที่สมบูรณ์แบบกว่านี้

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงในชีวิตก่อนหน้าก็ทรงพลังเช่นกัน ดังนั้นร่างกายของเขาเลยพลอยปลดปล่อยกลิ่นอายแรงกดดันออกมาโดยไม่รู้ตัว

 

“สวัสดี ฉันชื่อจางฮั่วหยาง เป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานของกลุ่มนักล่าเงินรางวัลประจำเขตเฉิงเป่ย!” ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้า ยื่นมือออกมาทักทายฉินเฟิง

 

“สวัสดี ผมฉินเฟิง!” ฉินเฟิงยื่นไปจับมือตอบเขา

 

พอทักทายกันเล็กๆน้อยๆ จางฮั่วหยางก็ไม่พิธีรีตองอีกต่อไป เพราะสถานการณ์ตรงหน้า ไหนจะอากาศที่ร้อนอบอ้าว และยังมีศพอยู่ในร้านอีก

 

“ทำการยืนยันตัวตนแล้ว เป็นเขาจริงๆ!” จางฮั่วหยางสแกนสถานะของหลีไห่ เขาพยักหน้าให้ฉินเฟิง ขณะเดียวกันก็กวักมือส่งสัญญาณให้สองผู้ใต้บังคับบัญชายกตัวศพออกไป

 

แน่นอน พวกเขาไม่ได้ทำงานนี้ฟรีๆ หลังจากได้ตัวอาชญากรแล้ว พวกเขาก็จะถอดรหัสอุปกรณ์สื่อสารของอาชญากร เพื่อยึดเงินส่วนหนึ่งมาใช้จ่าย จากนั้นก็นำเงินที่เหลือ มาเป็นรางวัลนำจับอาชญากรคนอื่นต่อไป

 

และด้วยเหตุนี้เอง กลุ่มนักล่าเงินรางวัลเลยกลายมาเป็นองค์กรที่ร่ำรวยที่สุด จากในบรรดาองค์กรทั้งหมด

 

พวกเขาล่า สังหารอย่างซื่อตรง และรับทรัพย์จากอาชญากรที่ถูกสังหาร

 

และแน่นอน ว่าพวกเขาจะไม่ถามถึงสถานะของฉินเฟิง และไม่สนใจความสามารถของอีกฝ่ายด้วย เพราะบางคนเข้าร่วมเครือข่ายนักล่าเงินรางวัล เข้าร่วมเพราะต้องการขายข้อมูลเท่านั้น และความแข็งแกร่งยังอ่อนแอมาก

 

“ส่งภารกิจเสร็จสมบูรณ์ ทางเราจะทำการตรวจสอบทันที!” จางฮั่วหยางกล่าว

 

ฉินเฟิงส่งภารกิจ เฝ้ารอให้การตรวจสอบเสร็จสมบูรณ์ ไม่นาน บัญชีของเขาก็ถูกโอนเข้ามาเป็นเงิน 2 ล้านเหรียญ!

 

“ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้เลื่อนยศขึ้นเป็นนักล่าเงินรางวัลระดับ Fแล้ว ในอนาคต หากเกิดอาชญากรรมในสถานที่ชุมชนเขตเฉิงเป่ย ทางเราจะแจ้งให้คุณทราบ และหวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือกับเรา!” จางฮั่วหยางกล่าว

 

“ไม่มีปัญหา!” ฉินเฟิงแสดงทัศนคติที่เป็นมิตรออกไปเช่นกัน

ทั้งสองเพิ่มรายชื่อติดต่อกันและกันในอุปกรณ์สื่อสาร การกระทำนี้จะช่วยให้ฉินเฟิงสามารถรับข่าวสารได้มากขึ้น

 

มันเป็นเรื่องยากที่จะตามล่าอาชญากรในเขตเฉิงเป่ย เพราะผู้คนที่นี่อ่อนแอ ขณะที่อาชญากรนั้นแข็งแกร่ง บางครั้งในระหว่างการไล่ล่า อาชญากรถึงขั้นสามารถสังหารหัวหน้าสาขาของหน่วยลาดตระเวนในสถานที่ชุมชนลงได้เลย

 

ดังนั้นการที่ฉินเฟิงยินดีให้ความร่วมมือ จางฮั่วหยางจึงรู้สึกมีความสุขมาก แต่ขณะเดียวกัน ในจิตใจก็บังเกิดความคิดว่าฉินเฟิงช่างเป็นตัวตนที่ลึกล้ำ

 

‘อายุยังน้อย แต่สามารถสังหารเลเวล F ลงได้ ความแข็งแกร่งเช่นนี้สมควรจัดเป็นบุคคลระดับอัจฉริยะ ศักยภาพในอนาคตของเขาต้องไร้ขีดจำกัด!’

 

หลังจากจัดการเรื่องอาชญากรแล้ว ฉินเฟิงก็จากไปทันที พร้อมกับอุ้มเสี่ยวไป๋ไว้ในอ้อมแขน

 

รถล่องเวหาขับเคลื่อนจากไปอย่างรวดเร็ว เมื่อคนบนท้องถนนเจอรถหรู ต่างก็หลีกทางให้ ฉินเฟิงจึงขับผ่านไปได้อย่างไม่มีอะไรกีดขวาง

 

หลังจากกลับไปที่สวนชิงหู ฉินเฟิง ก็แทบจะอดใจรอไม่ไหว พุ่งตัวเข้าไปในห้องฝึกฝนชั้นแรกทันที

 

ฉินเฟิงทิ้งตัวลงนั่งขาขวาทับซ้าย ในเวลานี้ ตันเถียนของเขาปั่นป่วนเป็นอย่างยิ่ง กำลังภายในที่มีรูปลักษณ์เป็นหมอกขนาดมหึมา ปกคลุมไปทั่วตันเถียน ส่งแรงกดดันเส้นไหมกำลังภายในเดิม

 

หมอกเหล่านี้ คือกำลังภายในของหลีไห่

 

หลีไห่เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล F ดังนั้นรูปลักษณ์กำลังภายในของเขาจึงอยู่ในสถานะหมอก แต่ปัจจุบัน ทั้งหมดเข้ามาอยู่ในตันเถียนของฉินเฟิง ทำให้ฉินเฟิงรู้สึกอึดอัดมาก

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ร่างกายของเขายังไม่ได้ปรับสมดุล ให้ตอบรับกับกำลังภายในรูปลักษณ์หมอก

 

“จงดูดกลืน!”

 

ฉินเฟิงกระตุ้นพลังพิเศษดูดกลืน ทำการซึมซับเอากำลังภายในหมอกทั้งหมด

 

เส้นลมปราณถูกขยายอีกครั้ง กลุ่มหมอกนี้ในที่สุดก็เปลี่ยนเป็น 8 เส้นไหมกำลังภายใน และส่งคืนกลับเข้าสู่ตันเถียนของฉินเฟิง

 

ส่งผลให้ในเวลานี้ ในตันเถียนของฉินเฟิง มีเส้นไหมอยู่ทั้งสิ้น 27 เส้น!

 

ซึ่งโดยรวมแล้วมีความแข็งแกร่งเป็น ‘สามเท่า’ ของผู้ใช้วรยุทธโบราณระดับสูงสุดในเลเวล G!

 

ฉินเฟิงย้ำเตือนตัวเอง ข่มสติอารมณ์อีกครั้ง

 

เมื่อรู้สึกว่าสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็วโดยทักษะลับกลืนดารา ผู้คนก็มักไม่อาจควบคุมจิตใจตน ให้ออกไปล่าสังหารผู้คนเพื่อฉกชิงความแข็งแกร่งมาเป็นธรรมดา

 

แต่โชคยังดี ที่ฉินเฟิงมีประสบการณ์ในชีวิตก่อนหน้า ดังนั้นเขาจึงสามารถข่มอารมณ์ละโมภได้ และไม่คิดเร่งรีบใดๆ

 

วันต่อมา ฉินเฟิงตื่นแต่เช้าตรู่

 

ปัจจุบัน กล่าวได้ว่าช่วงเวลาแห่งการปลุกพลังได้ผ่านพ้นไปอย่างสมบูรณ์แล้ว นั่นหมายความว่ามันแทบไม่มีความหวังสำหรับผู้ที่พลังยังไม่ตื่นขึ้นมา

 

แต่สำหรับหลายๆคน นี่หมายถึงการเริ่มต้นใหม่

 

ฉินเฟิงพาเสี่ยวไป๋ขับรถไปยังย่านแออัด ที่พักอาศัยของโจวฮ่าว

 

“เจ้าบ้าเอ๊ย นายสายนะรู้ตัวไหม ฉันตื่นเต้นจนรอไม่ไหวแล้ว!” โจวฮ่าวเปิดประตูรถ ก่อนสายตาจะประสานกับเสี่ยวไป๋ “นี่ตัวอะไร? สัตว์เลี้ยง? นายเลี้ยงสัตว์กับเขาด้วยงั้นหรอ?”

 

เสี่ยวไป๋ในวันนี้ สวมหมวกใบน้อยๆน่ารักบนหัวของมัน แน่นอน ว่าภายใต้หมวกคือเส้นขนสีขาวที่สวมใส่ชุดสีแดงตัวน้อย รวมๆแล้วเหมือนหมาโดดเด่นดูสะดุดตามาก

 

เพราะเมื่อวานนี้ ตัวตนของเสี่ยวไป๋ถูกเปิดเผยแล้ว และเป็นธรรมดาที่มันเองไม่ต้องการจะกลับเข้าไปนอนขดอยู่ในกระเป๋าสะพาย ดังนั้นเลยต้องแปลงโฉมมันเพื่อให้สามารถออกมาข้างนอกได้

 

ฉินเฟิงเองก็ไร้หนทางแล้วจริงๆ แต่คิดว่าในโรงเรียนคงไม่มีใครทำร้ายเสี่ยวไป๋ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจพามันไปด้วย

 

“อ่า มันชื่อว่าเสี่ยวไป๋ แต่อย่าไปเรียกมันหมาเชียวนะ ไม่งั้นในอนาคตจากนี้ไป นายอาจต้องใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข!” ฉินเฟิงเตือนโจวฮ่าว

 

โจวฮ่าวพอได้ฟังก็เกือบจะหลุดหัวเราะออกมาดังๆ

 

“เออๆ ก็เกือบจะเรียกแล้วล่ะ หวัดดีเสี่ยวไป๋ ไหนขอมือหน่อย!”

 

โจวฮ่าวยื่นมือไปทักทาย แม้จะไม่พูด แต่ท่าทีที่เขาแสดงออก ไม่ว่ายังไงก็บ่งบอกชัดเจนว่ามองมันเป็นหมา

 

เสี่ยวไป๋ขยุ้มมือ กรงเล็บแหลมผุดจากขนปุกปุยทันที ในหัวมันคิดว่าโจวฮ่าวสมควรหลั่งเลือดสักเล็กๆน้อยๆ

 

“อะแฮ่ม! พอแค่นั้นแหละ มานั่งลงเลย พวกเราจะไปกันแล้ว” ฉินเฟิงเปลี่ยนเรื่องทันที เสี่ยวไป๋แม้ตอนนี้จะตัวเล็ก แต่มันเป็นถึงนายพลสัตว์ร้าย ดังนั้นหากมันทำร้ายโจวฮ่าว ต่อให้อีกฝ่ายไม่ตาย แต่คงเจ็บหนัก

 

ไม่นาน รถก็มาถึงทางเข้าสถาบันระดับสูงของสถานชุมชนทางตอนเหนือ

 

มีผู้คนมากมายยืนอยู่หน้าประตู ในหมู่ฝูงชน ที่โดดเด่นที่สุดคงไม่พ้นรุ่นพี่ที่สวมเครื่องแบบนักเรียนสีแดงเข้มของสถาบัน

“อู้วหูว! รุ่นพี่คนนั้นสวยจัง สถาบันระดับสูงนี่มันต่างจากระดับกลางจริงๆ!” โจวฮ่าวกล่าวด้วยความสุข ลากตัวฉินเฟิงชี้ไปกลางฝูงชน

 

ฉินเฟิงเดิมไม่สนใจ แต่เมื่อกวาดตามองดู เขาก็พบว่าคนๆนั้น ตนเองรู้จักดี

 

เป็นผู้ใช้อบิลิตี้ธาตุน้ำ -หลี่เหยาเหยา

 

ฉินเฟิงจำได้ว่าเธอเหมือนจะเป็นนักเรียนของสถาบันระดับสูง และพอเบนตามองดูข้างๆ ก็มั่นใจว่าคงไม่ผิดแล้ว เพราะมีลู่เหมิงยืนอยู่ด้วยเช่นกัน

 

“มาเหอะ ไปลงทะเบียนกันก่อน!”

 

จุดลงทะเบียนจะมีอยู่สามจุดในเวลานี้ สองจุดมีชีวิตชีวามาก แต่มีเพียงจุดเดียวที่ถูกทิ้งร้าง ว่างเปล่า แทบไม่มีคนเดินเข้าไป

 

สถานที่นั้น ก็คือจุดลงทะเบียนผู้ใช้อบิลิตี้นั่นเอง

 

“นายไปลงก่อนเลย ฉันจะไปทางนั้น เดี๋ยวกลับมาเจอกันใหม่” ฉินเฟิงชี้ไปในจุดที่แทบว่างเปล่า โจวฮ่าวมองตามก็ต้องตะลึงงัน

 

“เพ้ย! ไอ้บ้านี่ นายปลุกอบิลิตี้ได้แล้วงั้นหรอ? ทำไมถึงไม่บอกฉันเลย?”

 

ฉินเฟิงโบกมือไปมา ไม่สนใจเรียกโวยวายของโจวฮ่าว

 

เพราะการเลือกหนทางนี้ คือสิ่งที่เขาได้พิจารณามาแล้วอย่างรอบคอบ