Ch.53 – พลังของเสี่ยวไป๋

Translator : Muntra / Author

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.53 – พลังของเสี่ยวไป๋

 

ก่อนที่ฉินเฟิงจะเกิดใหม่ เขามีสถานะเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ หากไม่ใช่เพราะต้องตายลงอย่างไม่คาดฝัน ความแข็งแกร่งของเขาคงเพิ่มพูนยิ่งกว่าที่เคยได้อธิบายไป เพราะอย่างไรตัวเขายังคงครอบครองพลังพิเศษดูดกลืน กล่าวได้ว่าเขามีความรอบรู้มากมายสำหรับสาขานั้น

 

ยังไงก็ตาม สำหรับความรู้ในสาขาผู้ใช้อบิลิตี้ ฉินเฟิงยังมิใช่ผู้เชี่ยวชาญ

 

ปัจจุบันห้องทดลองได้ถูกทำลายลงแล้วโดยเขา แต่อบิลิตี้ธาตุมืดไม่สมควรที่จะเปิดเผยจะเป็นการดีที่สุด อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะศิลานรกที่ดูดกลืนมา เลยทำให้เขาสามารถใช้ได้อีกอบิลิตี้หนึ่ง

 

ในเวลานั้นเอง เมื่อฉินเฟิงเดินเข้าไป นักเรียนที่คอยต้อนรับก็ทักทายฉินเฟิงด้วยรอยยิ้มทันที

 

“นายต้องการลงทะเบียนชั้นพลังพิเศษงั้นหรอ? นายแน่ใจนะว่าอบิลิตี้ของนายตื่นขึ้นมาแล้ว? มันเป็นธาตุอะไร?”

 

ฉินเฟิงดีดนิ้วดังเป๊าะ ทันใดนั้น บนนิ้วเขา ก็ปรากฏเปลวไฟเล็กๆปะทุขึ้นทันที

 

“เป็นอบิลิตี้ธาตุไฟ!”

 

“สุดยอด!” นักเรียนรุ่นพี่มองการเรียกใช้อบิลิตี้อย่างไม่ยี่หระของฉินเฟิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชื่นชม “พลังของนายเพิ่งจะตื่นขึ้นเอง แต่กลับสามารถดูดซับรูนไฟได้แล้ว ไหนจะปลดปล่อยมันออกมาได้ตามต้องการอีก ในอนาคต นายจะต้องกลายเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน!”

 

ฉินเฟิงมองไปทางรุ่นพี่ ที่ดูเหมือนว่าจะไม่โกหก เขาไร้คำจะกล่าวไปพักหนึ่ง

 

ต้องรู้นะว่าแม้เขาต้องการจะปกปิดอบิลิตี้ธาตุมืดในตัว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องการดึงดูดความสนใจใดๆ ยังไงก็ตาม ไม่คาดคิดเลย ว่าเพียงใช้เรียกไฟแบบง่อยๆ มันจะเป็นกลายเป็นอะไรที่ฮือฮาขึ้นมาอย่างกระทันหันแบบนี้?

 

ฉินเฟิงดับเปลวไฟบนนิ้วของเขาทันที แต่ผู้คนที่อยู่รอบๆ ก็เห็นมันซะแล้ว

 

“โห! นั่นผู้ใช้อบิลิตี้ล่ะ!”

 

“โคตรจะโชคดีเลย สวรรค์ต้องประทานพรให้เขาแน่ๆ ถึงสามารถปลุกพลังพิเศษให้ตื่นขึ้นมาได้!”

 

“เท่สุดๆ!”

 

นักเรียนที่มาลงทะเบียนในสาขาวรยุทธโบราณ และอาวุธปืน ต่างมองไปทางฉินเฟิง หลี่เหยาเหยาเองซึ่งกำลังช่วยลงทะเบียนอยู่ก็หันไปเช่นกัน เมื่อพบกับฉากตรงหน้า เธอก็ทั้งประหลาดใจระคนยินดี

 

“ฉินเฟิง!”

 

หลี่เหยาเหยาส่งใบลงทะเบียนให้อีกคน เดิมทีเธอมาช่วยต้อนรับอีกสาขาเพราะต้องการรอฉินเฟิง แต่ไม่คิดเลยว่าฉินเฟิงจะมาช้า แถมยังไปลงทะเบียนในสาขาผู้ใช้อบิลิตี้ของเธอซะอีก … ที่เธออุตส่าห์เสียเวลาวุ่นในสาขาวรยุทธโบราณตั้งนานมันเพื่ออะไรกัน?

 

เมื่อคิดได้แบบนี้ ความประหลาดใจก็เริ่มกลายเป็นขุ่นเคือง

 

ฉินเฟิงพอเห็นหลี่เหยาเหยา ก็ทักทายในฐานะคนรู้จัก

 

“สวัสดี!”

 

ฉินเฟิงกรอกข้อมูลลงทะเบียนอย่างรวดเร็วหลังจากพูดจบ

 

หลี่เหยาเหยาเผยรอยยิ้มหวานบนใบหน้าของเธอ “มาเถอะฉินเฟิง ฉันจะพานายไปที่สถานที่ทดสอบเอง”

 

“ไม่เป็นไร ผมจะรอเพื่อนอยู่ที่นี่”

 

มุมปากของนักเรียนรุ่นพี่ที่คอยต้อนรับกระตุกวูบ แต่ขณะเดียวกันในหัวใจก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมเขา

 

เมื่ออยู่ต่อหน้าความงดงามสุดแสน แต่ฉินเฟิงกลับปฏิเสธทันที โดยไม่เสียเวลาคิด

 

“ก็ได้! งั้นฉันจะรอด้วย!” หลี่เหยาเหยากัดริมฝีปาก ดึงดันยืนอยู่ข้างฉินเฟิง

 

พอมาถึงจุดนี้ หลายคนเริ่มมองฉินเฟิงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

 

ฉินเฟิงขมวดคิ้วทันที เขาไม่ชอบที่จะเป็นเป้าสายตา  เดิมตนต้องการไม่ให้เป็นจุดสนใจ ดังนั้นจึงคิดเดินกลับไปที่รถ แล้วรอจนกว่าโจวฮ่าวจะกลับมา

 

แต่หลี่เหยาเหยามีหรือจะปล่อยให้เขาจากไปง่ายๆ?

 

“เอ๊ะ? ฉินเฟิง นั่นสัตว์เลี้ยงของนายหรอ? มันน่ารักจัง!” หลี่เหยาเหยายื่นมือออกไป คิดจะสัมผัสเสี่ยวไป๋

 

ฉินเฟิงดีดตัวถอยห่างทันที ขณะเดียวกันเสี่ยวไป๋ก็ง้างกรงเล็บและฟันจิ้งจอกของมันออกมาแล้ว

 

นี่คือวันแรกที่เสี่ยวไป๋ไม่ได้อยู่ในกระเป๋าสะพายหลัง มันย่อมดึงดูดความสนใจเป็นธรรมดา และวันนี้มีสองคนแล้วที่มายั่วยุมัน

 

“อย่าแตะนะ!” ฉินเฟิงเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

เพราะเสี่ยวไป๋ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แต่มันเป็นสัตว์ร้าย!

 

หลี่เหยาเหยาถอนมือกลับ ในหัวใจอดเศร้าไม่ได้ เธอไม่คิดเลยว่ากระทั่งสัตว์เลี้ยง ฉินเฟิงก็ยังไม่ยอมให้เธอสัมผัสมัน

 

ในเวลานั้นเอง ชายคนหนึ่งก็ตบผัวะ! กระแทกฝ่ามือลงบนโต๊ะอย่างแรง และผุดลุกขึ้น

 

“สัตว์เลี้ยงแกมันวิเศษนักรึไง? ทำไมเหยาเหยาถึงจะจับมันไม่ได้? จะทำอะไรก็รู้จักไว้หน้าคนอื่นบ้าง!”

 

คนๆนี้สวมเครื่องแบบนักเรียนเหมือนกับหลี่เหยาเหยา เดิมทีเขายืนต้อนรับอยู่ในสาขาวรยุทธโบราณกับหลี่เหยาเหยา ช่วงแรกเขามีความสุขมากจริงๆที่ได้ทำงานร่วมกับเธอ แต่ใครจะคิดว่าตอนนี้เธอดันแยกตัวออกไปแล้ว

 

แบบนี้จะไม่ให้อารมณ์เสียได้ยังไง? ไหนจะเหตุการณ์ตรงหน้าอีก

 

“หลิวรุ่ย อย่าพูดแบบนั้นเลย!” หลี่เหยาเหยาอธิบายอย่างร้อนรน เธออดไม่ได้ที่จะมองฉินเฟิงด้วยความกระวนกระวาย “ฉันไม่ดีเอง นายอย่าโกรธฉินเฟิงเลยนะ”

 

คิ้วของฉินเฟิงเริ่มขมวดมุ่น

 

หลิวรุ่ยสาวเท้ายาวๆ ก้าวเข้ามา

 

“มันก็แค่หมาไม่ใช่หรอ? เหยาเหยา ถ้าเธอต้องการมัน ฉันจะไปจับมาให้เธอเอง!”

 

หลิวรุ่ยยิ้มน่าหวาดหวั่น ยื่นมือใหญ่ของเขาออกไป หมายจะคว้าเสี่ยวไป๋

 

แต่ที่เอื้อมมือออกไป ทำทีเหมือนจะคว้าเสี่ยวไป๋นั่นคือการแสดง ที่จริงแล้วเขาจะปัดเสี่ยวไป๋ จากนั้นก็ตบเข้าใส่แขนของฉินเฟิงด้วยฝ่ามือ ทำร้ายอีกฝ่ายให้ล้มลงจูบกับพื้นต่างหาก

 

ต้องไม่ลืมนะว่า ผู้ใช้อบิลิตี้ หากยังไม่ได้รับการฝึกฝนเรียนรู้ระบบของพลังพิเศษ มันก็แค่ขยะเท่านั้น ไหนเลยจะสามารถต่อกรกับผู้ใช้วรยุทธโบราณได้

 

ด้วยเหตุนี้เอง หลิวรุ่ยจึงไม่หวาดกลัวใดๆ แถมยังต้องการที่จะข่มฉินเฟิงต่อหน้าหลี่เหยาเหยา โชว์ความแข็งแกร่งของตนให้หลี่เหยาเหยาได้เห็น

 

สีหน้าของฉินเฟิงกลายเป็นมืดหม่น

 

“กัดเขาซะ!” ฉินเฟิงสั่งการในจิตใจ เพราะทำสัญญากันแล้ว เสี่ยวไป๋เลยสามารถรับรู้ได้โดยตรง

 

ก็ในเมื่ออีกฝ่ายเข้ามาหาเรื่อง แล้วทำไมเขาจะหาเรื่องกลับไม่ได้?

 

มันเป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน ที่จะให้ทุกคนได้รู้ว่าเสี่ยวไป๋ทรงพลังเพียงใด ขอแค่เสี่ยวไป๋ไม่เปิดเผยพลังมิติของมัน อย่างอื่นก็ไม่สำคัญอะไร

 

เสี่ยวไป๋นายพลสัตว์ร้าย ดังนั้นต่อให้อีกฝ่ายเป็นผู้ใช้พลังระดับสูง มันก็ยังสามารถตอบโต้ได้

 

เสี่ยวไป๋พอได้ยินคำสั่ง มันก็มิได้ขยับปากเลย เพราะสำหรับคนแบบนี้ กินไปก็ไม่รู้สึกอร่อย!

 

ฉัวะ!

 

เสี่ยวไป๋ยกอุ้งเท้าน้อยๆของมันขึ้น และตวัดวูบ! ฟาดด้วยความเร็วจนเห็นแค่เพียงภาพติดตาสีขาว

 

อ๊าาาาาา!!!!

 

หลิวรุ่ยกรีดร้องน่าเวทนา ดีดตัวถอยหลังทันใด เมื่อก้มลงมองมือของตัวเอง ก็พบว่ามันถูกปกคลุมไปด้วยเลือด และปรากฏรอยเล็บที่ฝังลึกลงไปถึงกระดูก

 

คนอื่นๆก็สะดุ้งถอยห่างโดยไม่รู้ตัว ไม่แตกต่างกัน

 

ต้องรู้นะว่า หลังจากปลุกพลังวรยุทธโบราณให้ตื่นขึ้นมาได้แล้ว ร่างกายมนุษย์จะมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก หมาใหญ่หรือสัตว์เลี้ยงธรรรมดาย่อมไม่สามารถทำอันตรายได้ ยิ่งเป็นเสี่ยวไป๋ที่มีขนาดเพียงฝ่ามือ คงไม่ต้องกล่าวถึง

 

แต่เมื่อเห็นถึงฉากนี้ ฉากนี้สัตว์เลี้ยงสามารถข่วนนักเรียนรุ่นพี่แห่งสถาบันระดับสูงจนเป็นแผลลึกได้ พวกเขาก็บังเกิดความคิดไม่อยากจะเชื่อขึ้นมา

 

“ไอ้ตัวนั่นมันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงธรรมดา!” หลิวรุ่ยตะโกนด้วยความโกรธ

 

ฉินเฟิงยิ้มเย็นชา “ตอนนี้รู้แล้วสินะ แต่น่าเสียดาย มันสายเกินไปแล้ว เสี่ยวไป๋น่ะคิดแค้นพยาบาทมาก นายระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ หลังจากนี้ไป ระหว่างเดินกลางค่ำกลางคืนคนเดียว จะโดนกรงเล็บของมันตะปบเข้าใส่เอาง่ายๆ แล้วครั้งต่อไปจะไม่ใช่มือ แต่เป็นดวงตาของนาย!”

 

เมื่อฝูงชนได้ยินคำขู่ของฉินเฟิง และมองไปยังมือชุ่มเลือดของหลิวรุ่ย พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดแปล๊บขึ้นมาในดวงตา

 

“มันคือสัตว์ร้าย!”

 

“แค่การโจมตีเล็กๆเท่านั้น แต่ทรงพลังมากเลย!”

 

“บ้าชะมัด ไอ้หมอนี่มันจะโชคดีเกินไปแล้ว ไม่ใช่แค่ปลุกอบิลิตี้ขึ้นมาได้ แต่เขายังสามารถทำสัญญาของสัตว์ร้ายแรกเกิดได้อีก แบบนี้พอมันโตขึ้น มันคงต้องช่วยเขาได้มากแน่นอน !”

 

ฝูงชนฮือฮาด้วยความอิจฉา

 

ใบหน้าของหลิวรุ่ยแดงก่ำด้วยความอับอาย เขาต้องการที่จะฉีกฉินเฟิงทิ้งเป็นชิ้นๆ

 

หลี่เหยาเหยาเมื่อเห็นว่าท่าไม่ดี เธอเลยพุ่งเข้าไปปลอบใจหลิวรุ่ย “หลิวรุ่ย อย่าโกรธไปเลย ฉันจะรักษาให้เอง บาดแผลนี่มันแค่เล็กๆน้อยๆเท่านั้น”

 

หลี่เหยาเหยาปลดปล่อยรูนน้ำ รอบตัวเธอปรากฏแสงสีฟ้าอ่อน ไหลรวมเข้าไปในมือของหลิวรุ่ย อาการบาดเจ็บได้รับการรักษา ฟื้นฟูสภาพจนเห็นได้ชัดถนัดตา ห้านาทีต่อมา ร่องรอยของมันก็ไม่มีให้เห็นอีกเลย

 

“ฟู่ว! ” หลี่เหยาเหยาถอนหายใจโล่งอก การรักษานี้ทำเอาพลังสมาธิของเธอสูญไปเล็กน้อย

 

“นั่นมันรูนน้ำล่ะ!”

 

“ที่แท้พี่สาวคนสวยก็มาจากสาขาผู้ใช้อบิลิตี้”

 

“พี่ชายอีกคนโชคดีจัง ที่ได้ใกล้ชิดกับเธอ”

 

“เธอคือเทพธิดา! เทพธิดาแห่งการรักษา!”