บทที่ 226 ย่างเข้าสู่มหาสุสานใต้พิภพ
หลิวเฉียงเหว่ยไม่ได้อยู่ต่อนาน หลังจากกินอาหารเช้าที่เรียบง่ายเสร็จ เธอก็กลับไปที่ห้องแต่งตัว แล้วกลับไปมิดซัมเมอร์กรุ๊ปพร้อมหมวกสำหรับเล่นเกม
ท้ายที่สุดแล้ว เธอก็เป็นถึงหัวหน้ากิลด์ ดังนั้นจะอู้ไม่ได้แม้ว่าฝ่ายบริหารจะช่วยเธอทำงานส่วนใหญ่ก็ตาม
“นายท่าน”
เมื่อเซียวเฟิงกำลังจะขึ้นไปชั้นบนหลังกินอาหารเช้าเสร็จ หนิงเคอเค่อที่ยุ่งอยู่กับการทำความสะอาดโต๊ะก็เรียกเขาด้วยเสียงแผ่วเบา
“มีอะไรเหรอเคอเค่อ? เมื่อวานฉันไม่ได้ตั้งใจ อย่าเข้าใจฉันผิดเลย” เซียวเฟิงถามแปลก ๆ และในขณะเดียวกันก็อธิบายตัวเองอีกครั้ง ไม่อย่างนั้นเขาอาจถูกมองว่าเป็นพวกถ้ำมองหรือคนโรคจิต ซึ่งคงไม่ดีแน่
“ไม่ ไม่ นายท่าน… ฉันไม่เป็นไร…” หนิงเคอเค่อกระซิบราวกับเสียงหึ่ง ๆ ของยุงซึ่งแทบจะไม่ได้ยิน เธอก้มหน้างุดทำให้ผมหยิกสีน้ำตาลอ่อนปรกใบหน้า ตรงปลายผมของเธอก็สามารถมองเห็นหูที่แดงเรื่อของเธอได้
“นายท่าน ขอบคุณ…”
เซียวเฟิงพยายามเอียงหูฟังโดยไม่ตั้งใจ เพราะเขาไม่ได้ยินสิ่งที่หนิงเคอเค่อพูดเลย แต่ก่อนที่เซียวเฟิงจะถามกลับ เธอรวบรวมความกล้า มองมาที่เขา จากนั้นก็เริ่มพูดด้วยความรู้สึกขอบคุณ
“เอ่อ นายท่านน่าจะรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว… ฉันไปเยี่ยมแม่เมื่อตอนบ่ายของเมื่อวานนี้ และรู้ว่าเป็นท่านที่ช่วยเราจ่ายค่ารักษาพยาบาล ฉัน… ขอบคุณจริง ๆ! ท่านเป็นคนที่ใจดีมาก!”
ขณะที่หนิงเคอเค่อกำลังพูด เธอก็โค้งคำนับให้เซียวเฟิง ทรวงอกที่ใหญ่มหึมาของเธอเหมือนลูกโป่งที่บรรจุน้ำสองลูก
“อย่าใส่ใจเลย เรื่องสอนการบ้านเซียวหลิงและเรื่องงานบ้านก็ฝากเธอด้วยแล้วกัน” เซียวเฟิงตอบกลับไปอย่างเป็นกันเอง การช่วยหนิงเคอเค่อจัดการกับปัญหาเหล่านั้นก็ช่วยให้ตัวชายหนุ่มเองพ้นจากปัญหาเหมือนกัน พอเขาพูดจบก็เดินขึ้นไปชั้นบน สำหรับเซียวเฟิงแล้ว เรื่องนี้มันก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย
“ค่ะ! ฉันจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อตอบแทนนายท่าน!” หนิงเคอเค่อเงยหน้าขึ้นมองดูรูปร่างผอมบางของเขาอย่างละเอียด
อย่างไรก็ตาม ความช่วยเหลือของเซียวเฟิงที่เขามองว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นก็ทำให้เขาเป็นดั่งพระเจ้าที่ส่งมาจากสวรรค์เพื่อช่วยให้เธอผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้
เขาสวมหมวกสำหรับเล่นเกมและเข้าสู่ระบบ ในสายตาของเขา มันเผยให้เห็นมหาสุสานใต้พิภพที่มืดมิด
เซียวเฟิงออกจากระบบที่มุมหนึ่งในชั้นล่างของสุสาน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นจุดเดียวกับตอนที่เขาเข้าสู่ระบบ และไม่มีการเพิ่มขึ้นของมอนสเตอร์ใด ๆ ซึ่งช่วยเขาได้มาก แต่กลับได้ยินเสียงการต่อสู้
“นายเป็นหมูที่ใช้เวลากินข้าวเช้านานหรือไง?”
ซือเยี่ยจิ๋งบ่นอย่างไม่พอใจเมื่อเซียวเฟิงเข้าสู่ระบบ เธอกำลังกวาดมอนสเตอร์อยู่ไม่ไกล
“ทำไมเธอยังอยู่ที่นี่?”
เซียวเฟิงถามด้วยความสงสัย เพราะเขาออกจากระบบเร็วกว่าซือเยี่ยจิ๋งเล็กน้อย และคิดว่าเธอคงกลับเมืองไปแล้ว แต่ตอนนี้เธอกลับกำลังกวาดมอนสเตอร์อยู่ในมหาสุสานใต้พิภพ
“นายบอกว่ายังมีอีกสองชั้นที่ต้องไปกวาดล้าง แต่เรายังกวาดไม่เสร็จสักชั้นเลยนี่”
ซือเยี่ยจิ๋งตอบอย่างค่อนข้างเป็นธรรมชาติ โดยที่เธอไม่รู้สึกตัวเลยว่าเธอเป็นตัวดูดเลเวล!
“เฮ้อ” เซียวเฟิงยอมแพ้และส่งคำเชิญเข้าปาร์ตี้ให้ซือเยี่ยจิ๋งอีกครั้ง และพวกเขาก็เริ่มไปเก็บค่าประสบการณ์
“การสอบปลายภาคของเธอใกล้เข้ามาแล้วใช่ไหม? ทำไมเธอถึงยังออนไลน์ทั้งวันทั้งคืนอีกล่ะ”
เมื่อซือเยี่ยจิ๋งอาสาที่จะไปลากมอนสเตอร์ เซียวเฟิงถามเธอด้วยความสงสัย
เขาได้ยินเรื่องนี้จากพี่น้องนิโคลัส พวกเขาบอกว่าวันนี้เป็นช่วงสอบปลายภาคของแต่ละมหาวิทยาลัย เพื่อนร่วมห้องหลายคนก็ต่างออกจากระบบหลังจากกลับจากอีเวนต์ล่าสมบัติของเซิร์ฟเวอร์ และตอนนี้ทั้งสองคนก็ยังไม่ได้ออนไลน์เลย
แม้แต่รายชื่อเพื่อนของซางกวน อาโอเชินก็กลายเป็นสีดำหลังจากจบอีเวนต์ล่าสมบัติของเซิร์ฟเวอร์ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดกำลังเตรียมสอบปลายภาค
แต่ซือเยี่ยจิ๋งยังคงเล่นเกมอยู่ เธอไม่ได้รับผลกระทบจากช่วงการสอบปลายภาคเลย…
“ฉันเก่งมากจนสอบผ่านได้สบาย ๆ อยู่แล้ว นอกจากนี้ ฉันก็มีคะแนนเก็บเยอะพออีกด้วย” ซือเยี่ยจิ๋งกลอกตาและลากมอนสเตอร์ทั้งหมดที่เธอลากทิ้งไว้ตามมุมของมหาสุสานใต้พิภพก่อนที่จะออกจากระบบ จากนั้นหญิงสาวก็ดึงพวกมันมาที่ตำแหน่งของเซียวเฟิง
มีเพียงผู้เล่นที่แข็งแกร่งเท่าเธอเท่านั้นที่สามารถกวาดมอนสเตอร์ในมหาสุสานใต้พิภพได้อย่างง่ายดาย เลเวลของมอนสเตอร์ที่ชั้นหนึ่งของมหาสุสานใต้พิภพคือ 20-30 พวกที่ประเภทต่ำที่สุดก็เป็นมอนสเตอร์ระดับสูง ซึ่งปนอยู่กับมอนสเตอร์ระดับหายากและระดับบอสจำนวนมาก
เป็นการยากที่จะล่อความสนใจมอนสเตอร์ทั้งหมดในเวลาเดียวกัน และยากที่จะล่อมอนสเตอร์แบบไม่ให้ตกหล่น ผู้เล่นธรรมดาที่เห็นฉากนี้อาจจะกลัว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องมีอารมณ์ที่จะมาคุยกันเลยด้วย
เซียวเฟิงไม่อยากคุยเรื่องไร้สาระกับเธอ ชายหนุ่มจัดการมอนสเตอร์ให้เร็วที่สุดแล้วเก็บกวาดสนามรบ เขากำลังเตรียมที่จะไปที่ชั้นสองของมหาสุสานใต้พิภพ
แถบค่าประสบการณ์ของเซียวเฟิงขึ้นไปถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของแถบประสบการณ์ทั้งหมดหลังจากที่เขามาถึงเลเวล 21 ซึ่งเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมาก มอนสเตอร์ที่อยู่ทั่วมหาสุสานใต้พิภพนั้นแออัดมากและบวกกับเลเวลของเขาที่สูง ดังนั้นค่าประสบการณ์จึงมีมากมายมหาศาล
อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่เซียวเฟิงอัปเลเวลอย่างรวดเร็วก็เพราะไม่มีสัตว์เลี้ยงและสัตว์ขี่ที่จะมาแบ่งค่าประสบการณ์กับเขา ในกรณีที่ซือเยี่ยจิ๋งและเซียวเฟิงตั้งปาร์ตี้ด้วยกัน ซือเยี่ยจิ๋งก็ไม่ได้อัปเลเวลเร็วเท่ากับเซียวเฟิงแม้ว่าค่าประสบการณ์ของพวกเขาจะเท่ากัน นี่เป็นเพราะว่าซือเยี่ยจิ๋งต้องแบ่งค่าประสบการณ์ให้กับสัตว์เลี้ยงของเธอด้วย
ถึงกระนั้นซือเยี่ยจิ๋งซึ่งเกือบจะถึงเลเวล 21 ในตอนนี้ก็ยังคงเป็นอันดับสองในกระดานผู้นำเลเวล เนื่องจากประสิทธิภาพในการกวาดล้างมอนสเตอร์และเพิ่มเลเวลของเซียวเฟิง
มือสังหารอย่างเธอซึ่งมีแต่สกิลโจมตีเดี่ยว ไม่สามารถเก็บเลเวลเร็วขนาดนี้ได้อย่างแน่นอน และนั่นเป็นสาเหตุที่เธอยึดติดกับเซียวเฟิง
“ไปชั้นสองกันเถอะ”
มอนสเตอร์บนชั้นแรกถูกเคลียร์จนหมดแล้ว แม้จะได้ค่าประสบการณ์จำนวนมาก แต่ก็ยังได้รับรางวัลอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน นอกจากเหรียญทองจำนวนมากแล้ว ของสวมใส่ระดับทองก็ดร็อปจากบอสผู้โชคร้ายมาชิ้นหนึ่ง แต่มันเป็นของสำหรับผู้เล่นเลเวล 30 ซึ่งไม่เหมาะกับเซียวเฟิงเลย ดังนั้นชายหนุ่มจึงโยนมันลงในกระเป๋าของเขาอย่างไม่ใส่ใจ
“มาเร็ว มันเป็นทางเข้า! ทุกคนระวังตัวด้วย! นี่คือแผนที่ระดับสูงที่มีมอนสเตอร์ระดับสูงและระดับบอสอยู่
“ไม่เลว! ลี นายเพิ่งเจอทางเข้าที่ซ่อนอยู่นี่ และนายคงได้อะไรไปมากมายแล้วสินะ”
“ไม่เลย! ฉันบอกแล้วว่ามันเต็มไปด้วยบอส และถึงแม้ว่ามันจะเป็นแผนที่ที่ดี แต่ฉันก็ไม่สามารถผ่านมันไปได้ ครั้งล่าสุดที่ฉันเข้าไป ฉันถูกฆ่าตายตั้งแต่ยังไม่ได้เห็นค่าสถานะของมอนสเตอร์เลย”
“เวร นี่นายพาเรามายังแผนที่ยาก ๆ อย่างนั้นเหรอ? นี่มันเหมือนรนหาที่ตายเลยไม่ใช่หรือไง?”
“ไม่ต้องห่วง ถึงมันจะยาก แต่เพิ่งสังเกตด้วยศพว่ามีบอสอยู่ใกล้ ๆ ทางเข้า เราสามารถลากมันมาที่ทางเข้าได้ และเมื่อถึงตอนนั้น เราก็สามารถจัดการมันตรงทางเข้าได้ ด้วยคนจำนวนมากขนาดนี้ กะอีแค่บอสเราก็เอาอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“นายกำลังรออะไรอยู่?! เร็วเข้า!”
“ระวังด้วย พวกนายทุกคน อย่าวิ่งไปมั่ว ๆ แล้วไปล่อมอนสเตอร์ตัวอื่น ๆ มา ตอนนี้ฉันจะลากบอสแล้วพวกนายก็ดูทางเข้าไว้”
เมื่อเซียวเฟิงและซือเยี่ยจิ๋งกำลังจะลงไปที่ชั้นสองของมหาสุสานใต้พิภพก็มีเสียงฝีเท้าและเสียงพูดคุยกันนอกชั้นหนึ่ง
เนื่องจากมหาสุสานใต้พิภพเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องและเสียงโหยหวนของมอนสเตอร์อันเดดโซลจนไม่ได้ยินเสียงคนอื่นที่พูดอยู่ข้างนอก แต่ชั้นแรกถูกกวาดล้างจนหมดแล้ว และมันก็ยังว่างเปล่า ดังนั้นเสียงใด ๆ ที่บ่งบอกว่าผู้เล่นบางคนกำลังเข้ามาก็จะได้ยิน
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งเข้าไป”
เซียวเฟิงขมวดคิ้วและหยุดซือเยี่ยจิ๋งซึ่งกำลังจะลงไปที่ชั้นสองของมหาสุสานใต้พิภพทันที
มหาสุสานใต้พิภพไม่ใช่แผนที่ทั่วไปที่สามารถขุดพบอาร์ติแฟกต์ ชุดมังกรได้ และมันก็ถูกเซียวเฟิงกวาดล้างมาก่อนแล้ว ใครจะรู้ว่าผู้เล่นบางคนจะเจอแผนที่นี้ด้วย…
เมื่อพิจารณาจากฝีเท้าภายนอก เห็นได้ชัดว่าผู้เล่นกำลังเล็งมหาสุสานใต้พิภพ
มันไม่ใช่แผนที่ที่ผู้เล่นสามารถสำรวจได้ในช่วงเลเวลนี้ ตามระดับความยากของมหาสุสานใต้พิภพ โดยทั่วไปแล้วเซียวเฟิงไม่ได้กังวลว่าผู้เล่นจะเจอมันเลยเพราะพวกเขาไม่สามารถเข้ามาได้
แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป ตอนนี้ชั้นแรกโดนชายหนุ่มกวาดล้างจนเกลี้ยงแล้ว ซึ่งทำให้ผู้เล่นที่มาที่นี่สามารถสำรวจแผนที่ได้อย่างง่ายดาย แม้แต่จะไปที่ชั้นสองของมหาสุสานใต้พิภพ
มันไม่ใช่ข่าวดีเลย… เพราะเซียวเฟิงไม่ต้องการให้ข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับมหาสุสานใต้พิภพและอาร์ติแฟกต์แพร่กระจายไปทั่ว ในกรณีนี้ มหาสุสานใต้พิภพจะเป็นสถานที่ยอดนิยม ไม่ว่าจะยากแค่ไหน มันไม่สามารถทำลายความตั้งใจของผู้เล่นได้เลย
นอกจากนี้ เขตฮัวเซียก็มีผู้เล่นระดับสูงไม่น้อย หากผู้พิทักษ์ถูกคนอื่นฆ่าก็คงสายเกินไปที่เซียวเฟิงจะมาเสียใจ เพราะเซ็ตมังกรทั้งหมดสามารถดร็อปได้ในมหาสุสานใต้พิภพ และหากของสวมใส่ชิ้นใดชิ้นหนึ่งถูกใครสักคนได้ไป มันคงเป็นเรื่องตลก ซึ่งจะทำให้เซียวเฟิงล้มเหลวในการรวบรวมทั้งเซ็ตและเสียเอฟเฟกต์เซ็ตไป
ตอนนี้เซียวเฟิงติดอยู่กับผู้พิทักษ์แห่งมือสังหารและไม่สามารถฆ่ามันได้ เขาก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าผู้เล่นคนอื่นจะฆ่ามันได้หรือไม่
“ให้ฉันไล่พวกเขาออกเป็นไง?”
ซือเยี่ยจิ๋งเข้าใจทันทีว่าเซียวเฟิงกำลังคิดอะไรอยู่ แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าแผนที่นี้สำคัญสำหรับเซียวเฟิงเพียงใด แต่เธอก็รู้ว่าจะเสียแผนที่นี้ไปตอนนี้ไม่ได้ เพราะหญิงสาวสังเกตว่าเซียวเฟิงมักพาเธอมาที่นี่ เธอก็เลยเสนอตัว
“ไม่เป็นไร การที่เราเผยตัวมีแต่จะดึงดูดความสนใจมากขึ้นเท่านั้น” เซียวเฟิงรีบหยุดเธอไว้
“แล้วตอนนี้จะทำยังไง?” ซือเยี่ยจิ๋งถาม
“เรารีบกลับเมืองกันเถอะ”
เซียวเฟิงครุ่นคิดและตอบ “ตอนนี้ฉันได้แต่หวังว่าผู้เล่นกลุ่มนี้จะล่าถอยไปเพราะความยาก ด้วยประสิทธิภาพการต่อสู้ของกลุ่มผู้เล่นระดับนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะผ่านชั้นสองของมหาสุสานใต้พิภพ ตราบใดที่พวกเขาไม่เจอผู้พิทักษ์มหาสุสานใต้พิภพก็ดีไป” จะดีที่สุดถ้าผู้เล่นกลุ่มนี้หายไปเมื่อพวกเขามาที่นี่อีกในครั้งต่อไป
ดังนั้นมันจึงเป็นการดีที่สุดที่จะออกไปจากที่นี่ก่อนที่จะถูกเจอตัว หลังจากพูดจบ เซียวเฟิงก็หยิบม้วนกระดาษกลับเมืองออกมาและเริ่มถู เมื่อเห็นแบบนี้ ซือเยี่ยจิ๋งก็หยิบม้วนกระดาษกลับเมืองออกมาและจากไปพร้อมกับเซียวเฟิง
ด้วยการเปลี่ยนภาพรอบตัว ทั้งสองก็ได้กลับมายังจัตุรัสเมืองเทียนหลงที่คนพลุกพล่าน
“ตอนนี้เราจะไปไหนกันดี”
ซือเยี่ยจิ๋งถามเซียวเฟิง เห็นได้ชัดว่าเธอยังคงวางแผนที่จะตามเซียวเฟิงต่อ
“เราจะไปที่เมืองเฮ่ยฉีในอาณาจักรออร์ค”
เซียวเฟิงตอบ เขาหันกลับไปและก้าวเข้าไปในจุดเทเลพอร์ต เขากำลังคิดถึงแหวนระดับเทพเจ้าของตัวเอง ซึ่งคาดว่าตอนนี้แหวนน่าจะหลอมเสร็จแล้ว
“พวกเราจะไปทำอะไรในอาณาจักรออร์ค? ทำไมเราไม่ไปที่อาณาจักรเอลฟ์และก่อกวนกิลด์กลอรี่ล่ะ? เราเพิ่งจะโดนแกล้งมานะ ไม่น่าเป็นไปได้ที่นายจะทนกับเรื่องนี้”
แม้ว่าซือเยี่ยจิ๋งจะสับสน แต่เธอก็ก้าวเข้าไปในจุดเทเลพอร์ตกับเซียวเฟิง
“เธอก็รู้ว่าพวกเขามาที่นี่อย่างชอบธรรม และมันก็ไม่มีความหมายหากฉันจะไปสู้กับพวกเขา ถ้าจะสู้อย่างน้อย ๆ ฉันก็ควรหาเหตุผลที่มันชอบธรรมหน่อย แต่ถ้าเธอรู้ว่าดูมส์เดย์ลีกอยู่ที่ไหน เราอาจจะไปก่อปัญหาเพื่อความสนุกก็ได้”