บทที่ 273 เซี่ยอวี่แห่งวิหารเทพเจ้าลงทัณฑ์ ผู้มีกายขั้นเซียนเทพ

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

แผ่นดินไหวรุนแรงส่งให้พื้นดินสั่นไหวไปทั่วบริเวณ เสียงโกรธเกรี้ยวดุดันสะท้อนก้องเข้ามาในร้าน

ปู้ฟางอึ้งไป หรือจะมีคนคิดมาสร้างปัญหาที่ร้านกัน ยังมีไอ้โง่ไม่กลัวตายหน้าไหนกล้าเดินดุ่มๆ เข้ามาก่อเรื่องถึงที่นี่หลังจากเหตุการณ์รุนแรงครั้งล่าสุดด้วยหรือ

จีเฉิงเสวี่ยเองก็นิ่งอึ้งไม่ต่างกัน ทุกคนในร้านล้วนประหลาดใจกันไปหมด

ลูกค้าในร้านต่างรับรู้ถึงความทรงพลังและความน่ากลัวของร้านเล็กๆ ของฟางฟางเป็นอย่างดี มีคนไม่น้อยที่ต้องหลั่งเลือดในตรอกที่เพิ่งซ่อมไปด้านนอกร้าน คนพวกนั้นล้วนเป็นพวกโง่เขลาคิดลองดีกันทั้งสิ้น

ทุกคนในร้านต่างเชื่อว่าคงไม่มีใครในโลกหล้ากล้ามาอวดศักดาในร้านแห่งนี้อีกแล้ว ทว่าผ่านไปไม่เท่าไร ใครบางคนก็คิดมาหาที่ตายถึงที่เสียได้

ปู้ฟางดึงสติกลับมาได้พร้อมสีหน้าที่เรียบเฉยไร้การเปลี่ยนแปลง เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ทางเข้าร้าน เงาหนึ่งปรากฏอยู่ท่ามกลางกลุ่มฝุ่นควันหนา เงานี้มีรูปร่างใหญ่โตราวภูเขาย่อมๆ อย่างไรอย่างนั้น

ปู้ฟางจ้องร่างตรงหน้าพลางรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาบอกไม่ถูก

ในบรรดาผู้เยี่ยมยุทธ์ที่เจ้าขาวสังหารไป… เหมือนจะมีบางคนที่รูปร่างและท่าทางคล้ายคลึงกับคนตรงหน้าเขาอย่างบอกไม่ถูก

เงาตรงหน้ากวัดแกว่งหอกเหล็กไล่กลุ่มควันให้สลายหายไป จนร่างของเขาปรากฏชัดเจนขึ้น คนผู้นี้เต็มไปด้วยมัดกล้าม พลังปราณในกายโคจรอย่างต่อเนื่อง เขาจ้องหน้าปู้ฟางที่อยู่ตรงทางเข้าร้านแล้วยิ้มเยาะออกมา พลางควงหอกในมือแล้วเอาปลายหอกชี้หน้าปู้ฟาง

“เจ้าหรือเจ้าของร้านนี้ เป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่ฆ่าน้องชายของข้า”

เสียงของชายตรงหน้ากระจ่างชัดเต็มไปด้วยความขู่เข็ญขณะตั้งคำถามกับปู้ฟาง

กระแสลมแรงพัดกรรโชกเข้ามาในร้าน ทว่าร้านนี้ได้รับการปกป้องจากระบบเป็นอย่างดี สายลมจึงมลายหายไปก่อนที่จะปะทะใส่ปู้ฟาง หัวใจของชายหนุ่มเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะพลังกดดันที่ชายตรงหน้าปล่อยออกมา มันเป็นพลังที่แข็งแกร่งอย่างที่ปู้ฟางไม่เคยสัมผัสมาก่อน แม้แต่เหล่าผู้ฝึกตนขั้นเทพแห่งสงครามที่เขาเคยพบเจอก่อนหน้านี้ก็ยังเทียบไม่ติด

เซี่ยอวี่ผงะไปเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดเลยว่าปู้ฟางจะยังมีท่าทีสงบนิ่งไม่แยแสทั้งที่เผชิญกับพลังกดดันรุนแรง เป็นไปได้อย่างไรกัน

แม้เซี่ยอวี่จะยังไม่บรรลุขั้นเซียนเทพ แต่ก็บากบั่นมาได้ครึ่งทางแล้ว ตอนนี้พลังปราณเที่ยงแท้ของเขาห่างจากขั้นเซียนเทพเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น ส่วนร่างกายนั้นแข็งแกร่งบรรลุขั้นเซียนเทพไปเรียบร้อยแล้ว ความสามารถในการต่อสู้ก็ไม่ห่างชั้นกับขั้นเทพเซียนมาก ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับอสูรเวทปราณแก่กล้าในดินแดนป่ารกชัฏ เขาก็อาจสู้ได้ชนิดสมน้ำสมเนื้อ

พลังกดดันที่เขาปล่อยออกมานั้นไม่ใช่ระดับที่คนธรรมดาทั่วไปจะทานทนได้ แถมเจ้าหนุ่มผู้นี้ก็เป็นเพียงขั้นจักรพรรดิยุทธการเท่านั้น

จักรพรรดิยุทธการเช่นนั้นรึ สำหรับเขาแล้ว การสังหารคนที่มีขั้นปราณเพียงเท่านี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการเอานิ้วขยี้มดปลวกสักตัว

“น้องของเจ้าน่ะใคร…” ปู้ฟางถามชายร่างยักษ์ด้วยน้ำเสียงไม่ทุกข์ไม่ร้อน สิ่งนี้ยิ่งไปกระตุ้นชายที่อยู่นอกร้านให้ขุ่นเคืองใจเข้าไปใหญ่ จนแทบอยากอัดปู้ฟางให้หมอบกระแตเสียเดี๋ยวนั้น

ปู้ฟางเองก็ไม่ได้มีท่าทีเคารพยำเกรงอีกฝ่ายแต่อย่างใด สีหน้าของชายหนุ่มทำเอาเซี่ยอวี่เดือดพล่านเหมือนถูกไฟสุม

เขาก้าวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าวจนทำให้พื้นดินแยกออกจากกัน เจ้าทำให้น้องชายข้าตายแต่กลับจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใครเช่นนั้นรึ?!

เจ้าดำที่นอนอืดอยู่มุมร้านกระดกหัวขึ้นมาแล้วปรายตามองชายร่างยักษ์ เห็นได้ชัดว่ามันไม่สบอารมณ์ชายผู้นี้สักเท่าไร

ฟิ่ว…

เจ้าขาวตัวอ้วนรี่มาประจำอยู่ด้านหลังปู้ฟางเรียบร้อย ดวงตาจักรกลที่กะพริบแสงสีแดงของมันจับจ้องไปที่เซี่ยอวี่ไม่วางตา

จีเฉิงเสวี่ยเองก็ยืนขึ้นเช่นกัน ส่วนลูกค้าคนอื่นๆ ต่างพากันตัวแข็งทื่อ

“หึ… ในเมื่อเจ้าปฏิเสธไม่ออกมา เช่นนั้นข้าก็จะทำลายร้านของเจ้าเสีย! อยากรู้นักว่าเจ้าจะทำมาค้าขายอย่างไรได้อีก!”

ท่าทีของเซี่ยอวี่เย็นชา เขากระโดดขึ้นไปด้านบนสุดแรงสูงเกือบสามจั้ง จนดูเหมือนลอยอยู่บนฟ้าได้ ชายร่างยักษ์ยกมือขึ้นมา พลางปล่อยพลังปราณเที่ยงแท้จำนวนมหาศาลออกมาจากท้องจนมันแผ่ไปทั่วท้องฟ้า กลายมาเป็นฝ่ามือพลังปราณเที่ยงแท้ขนาดมโหฬาร เส้นลายมือที่ปรากฏให้เห็นดูแปลกตาน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

เหล่าลูกค้าในร้านต่างรู้สึกหวาดผวา พวกเขาไม่เคยพบเจออะไรเช่นนี้มาก่อน การที่สามารถเรียกพลังปราณเที่ยงแท้ออกมาจนกลายเป็นฝ่ามือขนาดยักษ์บดบังท้องฟ้าได้นั้น… แม้แต่ขั้นนักพรตยุทธการยังทำไม่ได้เลย! หรือว่าคนตรงหน้าพวกเขานั้น…จะเป็นขั้นเทพแห่งสงคราม?!

ให้ตายเถอะ! ขั้นเทพแห่งสงครามรึ!

สีหน้าของปู้ฟางสงบนิ่งขณะจับจ้องร่างของเซี่ยอวี่ที่อยู่บนฟ้าด้วยสายตาว่างเปล่า อีกฝ่ายดูเหมือนกำลังมองลงมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน ชายร่างยักษ์มั่นใจมากว่าจะสามารถทำลายร้านนี้ได้ง่ายๆ

เขารู้ดีว่าที่ร้านนี้มีอสูรเวทขั้นเซียนเทพอยู่ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกกังวลแต่อย่างใด ต่อให้เป็นอสูรเวทขั้นเซียนเทพเขาก็กล้าที่จะต่อกรด้วย ในหมู่สามวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏ วิหารเทพเจ้าลงทัณฑ์นั้นกล้าหาญไร้ใครเทียมที่สุดแล้ว

พายุรุนแรงพัดกระหน่ำนำพาพลังกดดันหนักอึ้งมาด้วย บรรยากาศหนักหน่วงรอบตัวทำเอาลูกค้าทุกคนในร้านต่างตัวสั่นเทา ใบหน้าปรากฏความหวั่นวิตกอย่างชัดเจน

พลังปราณเที่ยงแท้ที่แผ่ขยายไปทั่วท้องฟ้านั้นราวกับจะบดขยี้พวกเขาได้ง่ายๆ ช่างน่าพรั่นพรึงเกินไปแล้ว

จีเฉิงเสวี่ยเองก็รู้สึกหวาดหวั่นอยู่ในใจ แต่ในฐานะจักรพรรดิเขาจึงต้องตีหน้าขรึมไร้ซึ่งความกลัวเข้าไว้ แสงสีแปลกตาหมุนวนอยู่ภายในดวงตาของชายหนุ่ม คนผู้นี้คือผู้เยี่ยมยุทธ์ที่แท้จริง ทั้งยังแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง! หากจักรวรรดิได้คนเช่นนี้มาคอยปกป้อง ทั้งเขาและประชาชนทั้งหลายก็ไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใดแล้ว!

จักรพรรดิหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก เขาไม่เคยปรารถนาอยากได้ผู้เยี่ยมยุทธ์มากฝีมือมาอยู่ฝั่งตนเองมากขนาดนี้มาก่อน

ที่ผ่านมาเขาคิดมาตลอดว่าขั้นนักพรตยุทธการคือระดับสูงสุดที่สามารถบรรลุได้ แต่หลังจากได้พบเถ้าแก่ปู้และเหล่าผู้แข็งแกร่งทั้งหลาย… เขาก็ตระหนักได้ว่าความมุ่งหวังที่เขาตั้งไว้นั้น ไม่สิ ความมุ่งหวังของโลกนี้นั้นต่ำเตี้ยเกินไปต่างหาก

ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่แท้จริง…เกินกว่าจินตนาการแปลกแหวกแนวที่สุดที่สมองของเขาจะคิดได้ไปมาก

“จับรังสีสังหารของศัตรูได้ เปลี่ยนระบบปฏิบัติการ เตรียมสังหาร”

ตู้ม ตู้ม!

ฝ่ามือใหญ่ยักษ์โจมตีลงมาอย่างโหดเหี้ยม เป้าหมายคือทำลายร้านให้สิ้นซาก

เจ้าดำยืนขึ้นช้าๆ มันรู้สึกรำคาญใจไม่น้อย ทำไมพวกคนแปลกหน้าถึงชอบดาหน้ากันเข้ามาร้องขอความตายนัก จะปล่อยให้ท่านสุนัขผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้กินซี่โครงเปรี้ยวหวานอย่างสงบสุขไม่ได้เลยหรือ

ทว่าเจ้าดำก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งด้วย เพราะก่อนที่มันจะทันทำอะไร ร่างสีขาวก็พุ่งตรงไปบนฟ้าด้วยความเร็วราวแสงแล้ว

เสียงอากาศสั่นสะเทือนไปทั่ว

กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเซี่ยอวี่สั่นระริก ดวงตาฉายแววเย็นชา ต่อให้มีผู้คนมากมายอยู่ในร้าน และมีผู้บริสุทธิ์ไม่น้อยที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ ร้านแห่งนี้แล้วจะอย่างไรเล่า ก็ฝังพวกมันไปพร้อมน้องชายของเขาเสียเลยแล้วกัน!

เขาฟาดฝ่ามือใหญ่ยักษ์ลงมาด้วยพลังรุนแรง

ทว่าตอนนั้นเองดวงตาของเซี่ยอวี่ก็หรี่ลงเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงพลังต้านทานที่พุ่งเข้ามา มันสกัดฝ่ามือที่กำลังจะฟาดลงไปเพื่อทำลายล้างพื้นที่ทั่วทั้งบริเวณ พลังของฝ่ามือพลังปราณเที่ยงแท้อ่อนลงเพราะถูกพลังต้านทานพุ่งเข้ามาโจมตีนับครั้งไม่ถ้วน หรืออสูรเวทขั้นเซียนเทพจะสอดมือเข้ามายุ่ง?!

“เอาเลย! ข้าเองก็อยากรู้นักว่าอสูรเวทขั้นเซียนเทพจะแกร่งกล้าสักเพียงใด!”

เซี่ยอวี่ตะโกนออกมาอย่างโอหังแล้วเริ่มเปล่งเสียงหัวเราะ เขามั่นใจว่าอสูรเวทขั้นเซียนเทพตัวนี้ต้องเป็นผู้ที่ฆ่าน้องชายเขาแน่ เพราะเจ้าของร้านนั้นอยู่เพียงขั้นจักรพรรดิยุทธการ จะเก่งกล้าสามารถเทียบชั้นน้องชายของเขาที่อยู่ในขั้นเทพแห่งสงครามได้อย่างไร!

ตู้ม!

ฝ่ามือพลังปราณเที่ยงแท้ถูกต้านทานจนสลายหายไปกับสายลม

ในดวงตาของเซี่ยอวี่ เขาเห็นลำแสงสีม่วงพุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว ชายร่างยักษ์กำหอกในมือแน่น กล้ามเนื้อทั่วตัวแข็งเกร็ง จากนั้นก็รีบพุ่งเข้าไปโจมตีร่างที่ถูกลำแสงสีม่วงโอบล้อมไว้

ความเร็วของหอก…น่าทึ่งเป็นอันมาก!

…..

นอกนครหลวง

เชิ่งมู่ยืนเอามือไพล่หลังดวงตาจับจ้องนครหลวงของจักรวรรดิวายุแผ่วที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า มีคนสองคนยืนอยู่ด้านหลัง พวกเขาล้วนเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ของวิหารเทพเจ้าลงทัณฑ์ทั้งสิ้น

เชิ่งมู่รู้สึกหวั่นเกรงนครหลวงแห่งนี้เล็กน้อย แม้ว่าอยากจะเห็นร้านอาหารแห่งนั้นถูกทำลายลงกับตาตนเอง แต่ชายหนุ่มก็แน่ใจว่าเมื่อผู้อาวุโสเซี่ยอวี่ลงมือ ร้านต้องถูกพังจนย่อยยับแน่ต่อให้มีอสูรเวทขั้นเซียนเทพปกป้องอยู่ก็ตาม

กายของผู้อาวุโสสูงสุดแห่งวิหารเทพเจ้าลงทัณฑ์นั้นอยู่ในขั้นเซียนเทพ การทำลายร้านเล็กๆ แค่ร้านเดียวเรียกได้ว่าง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือเสียอีก

กริ๊งๆ

เสียงกระดิ่งดังขึ้น เชิ่งมู่หรี่ตามองขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วก็ได้เห็นนกที่มีเพลิงล้อมรอบบินร่อนตัดนภากาศมา

ผู้ที่นั่งอยู่บนนกอัคคีจรัสคือชายชราร่างค่อนข้างท้วมคนหนึ่ง

รัศมีที่เปล่งออกมาจากตัวนกอัคคีจรัสรุนแรงน่าหวั่นกลัวมาก ทำให้เชิ่งมู่รู้สึกกระสับกระส่ายไม่น้อย เหตุใดนครหลวงของอาณาจักรวายุแผ่ว… จึงมีสิ่งมีชีวิตชนิดนี้อยู่ด้วย?!

แน่นอนว่าชายชราร่างท้วมคนดังกล่าวก็คือชายชราที่เพิ่งกินหวานเย็นแท่งตับมังกรในร้านเล็กๆ ของฟางฟางเสร็จ เขารู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่มาจากภายในเมืองแต่ก็ไม่ได้ดูทุกข์ร้อนอะไร ร้านของเถ้าแก่ปู้มีอสูรเวทขั้นเซียนเทพเฝ้าอยู่นี่นา เช่นนั้นคงไม่ถูกทำลายง่ายๆ แน่

ชายชราร่างท้วมหัวเราะออกมา เขาเปิดฝาน้ำเต้าแล้วจิบน้ำส้มสายชูผลไม้แปดวิญญาณเล็กน้อย

“หากได้จับคู่กับตับมังกรคงจะรสชาติดีกว่านี้ ให้ข้ากลับไปถึงดินแดนแสนภูผาก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวข้าจะจับมังกรอุทกมาลองดู ถ้าทำสำเร็จแล้วเอาไปขายให้ตาแก่ที่อยู่บนหอคอย ข้าคงรวยเละแน่…”

เสียงหัวเราะชั่วร้ายของชายชราร่างท้วมค่อยๆ จางหายไปในอากาศ

เสียงระเบิดดังสนั่นกึกก้องขึ้นมาภายในนครหลวง เมืองทั้งเมืองดูเหมือนจะสั่นไหวไปด้วยเพราะแรงระเบิดดังกล่าว