บทที่ 230-1 ศพกระตุก (1)

กลิ่นอายของท่านโหราจารย์?

สวี่ชีอันตะลึง ยังไม่ทันได้ถาม ร่างของหยางเชียนฮ่วนตรงหน้าก็หายไปแล้ว ต่อมา เสียงนกร้องแสนวังเวงที่ด้านนอกก็หายไปด้วย

แล้วจากนั้น แผ่นหลังของโหรชุดขาวก็กลับมาที่ท้องเรืออีกครั้ง เขายังคงหันหลังให้กับสวี่ชีอัน แต่ก้มหน้าลง คล้ายกำลังพิจารณาดูสิ่งของบางอย่างในมือ

“อาจารย์ส่งยาคืนชีพมาให้ข้า” เสียงของหยางเชียนฮ่วนทั้งงุนงงทั้งสับสนระคนกัน

“ยาคืนชีพ?” สวี่ชีอันถามกลับ

“อืม เจ้ารู้สึกตำนานผีเสื้อออกจากรังไหมหรือไม่” หยางเชียนฮ่วนเอ่ย

“ผีเสื้อจากรังไหมไม่ใช่ตำนาน มันเป็นเรื่องเล่านมนานที่ล้าสมัยไปแล้ว คุ้นหูกันดีเหมือนกับเรื่องราวหลังฝนตกนั่นล่ะ ศิษย์พี่หยาง ท่านพูดมาตรงๆ เถิด” สวี่ชีอันโบกมือ ขัดจังหวะเก๊กท่าของหยางเชียนฮ่วน

การเก๊กท่าของหยางเชียนฮ่วนนั้น ทั้งชวนอึดอัดและน่าเบื่อหน่ายสุดๆ

“อ้อๆ…” หยางเชียนฮ่วนไม่ใส่ใจ ความจริงธรรมชาติของเขาเป็นคนอบอุ่น ไม่มีความหยิ่งผยองเหมือนพวกยอดฝีมือระดับสูงเหล่านั้นเลย เขาเพียงแต่ชอบเก๊กท่าเท่านั้น

“ยาตัวหลักของยาคืนชีพคือดักแด้ของผีเสื้อไหมทองเก้าปีก เสริมด้วยสูตรลับแล้วสร้างเป็นยาลูกกลอนออกมา เมื่อใช้มัน จะสามารถยืดอายุขัยและเปลี่ยนร่างถอดกระดูกได้ การเปลี่ยนร่างถอดกระดูกไม่ใช่เรื่องโกหก หากกินยาตัวนี้เข้าไป ภายในครึ่งชั่วยามก็จะหลับใหลเหมือนกับดักแด้หนอนไหม กลไกทุกอย่างภายในร่างกายจะมาบรรจบกันและจะตกสู่สภาวะสิ้นชีพชั่วคราว แม้แต่จิตเดิมก็จะถูกทำลาย

“ในระหว่างกระบวนการนี้ ร่างเดิมจะเหมือนกับดักแด้ จากนั้นก็จะให้กำเนิดร่างใหม่ ดังนั้นจึงเรียกมันว่ายาคืนชีพ แต่ว่ายานี้เป็นยารักษาชีวิต จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสและใกล้ตายเท่านั้น”

ไม่รู้ว่าหากกินยานี้เข้าไปแล้ว จะต้องกลายเป็นชายบริสุทธิ์อีกครั้งหรือไม่ สวี่ชีอันเอ่ยอย่างประหลาดใจ “เยี่ยมยอดถึงเพียงนี้เชียว”

“มันคือความอัศจรรย์ในความอัศจรรย์ เพียงแต่ใช้งานจริงไม่ค่อยได้นัก” หยางเชียนฮ่วนส่ายหน้า “ผู้ที่สามารถฆ่าข้าได้คงไม่ให้โอกาสข้าได้ใช้ยาคืนชีพหรอก หากต่อสู้กับนักรบระดับสูงขึ้นมาก็มีแต่จะล้มตายกลายเป็นขี้เถ้าทั้งนั้น”

“แล้วถ้าใช้ในยามปกติล่ะ” สวี่ชีอันเอ่ยถาม

“ก็เพียงแค่ช่วยยืดอายุขัยเท่านั้น อย่างมากที่สุดก็ทำให้สภาพร่างกายดีขึ้นกว่าเดิม ถึงจะบอกว่าไม่เลว แต่หากเทียบกับต้นทุนการสกัดยาที่ใช้วัตถุดิบชั้นสูงแล้ว ก็เสียของมาก เพราะตลอดหกสิบปี อาจารย์สกัดยาออกมาแค่หม้อเดียวและมีเพียงสามเม็ดเท่านั้น”

สวี่ชีอันพยักหน้าอย่างสับสน ยาลูกกลอนนี้มีมูลค่าการใช้งานไม่สูงนัก เขาเอ่ยอย่าหดหู่ “ท่านโหราจารย์ส่งของสิ่งนี้มาให้เจ้าทำไมกัน…”

พูดจบ สวี่ชีอันก็นิ่งงัน

หยางเชียนฮ่วนก็นิ่งงัน

ทั้งคู่เงียบไปพักหนึ่งก็เอ่ยขึ้นพร้อมกัน

“คงไม่ได้เอามาให้ข้าใช่หรือไม่”

“หรือว่าจะเอามาให้เจ้า”

เงียบไปอีกพักหนึ่ง

‘อาจารย์ให้ข้าไปปกป้องสวี่ชีอันที่อวิ๋นโจว ตอนนี้ยังมอบยาคืนชีพให้อีก…แต่ข้าใช้ยานี้ไม่ได้ โหรระดับต่ำแบบศิษย์น้องไฉ่เวยก็ไม่อาจใช้งานได้ง่ายๆ…ถ้าไม่ได้ให้สวี่ชีอันแล้วจะให้ใคร’

‘บังเอิญนักที่สวี่ชีอันฟื้นขึ้นมาจากความตาย และกำลังกังวลว่าจะหาเหตุผลมาอธิบายอย่างไรดี จากนั้นอาจารย์ก็ส่งยาคืนชีพนี้มาให้พอดี…’

ความคิดแวบเข้ามาในใจของหยางเชียนฮ่วน

เห็นได้ชัดว่ายาคืนชีพนี้สร้างขึ้นมาเพื่อข้าโดยเฉพาะ มันสามารถแก้ไขปัญหาในตอนนี้ได้พอดี…และศิษย์พี่หยางก็ไม่มีสิทธิ์ใช้ยาชนิดนี้ได้เลย…แต่ว่า ท่านโหราจารย์รู้ได้อย่างไรว่าข้าจำเป็นต้องใช้ยาคืนชีพ

เขารู้สถานการณ์ปัจจุบันของข้า รู้ว่าข้าตายแล้วฟื้นคืนชีพอย่างนั้นหรือ เช่นนั้น ท่านโหราจารย์ก็น่าจะรู้แล้วว่าท่อนแขนของภิกษุเสินซูอยู่ในร่างของข้าน่ะสิ

ชั่วขณะนี้เอง หัวสมองของสวี่ชีอันก็แล่นเร็วจี๋ รายละเอียดมากมายในคดีซังผอวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในสำนักสังคีตมีเผ่าพันธุ์ปีศาจแอบซ่อนตัว ท่านโหราจารย์กลับไม่สนใจ

ท่อนแขนของภิกษุเสินซูหลุดออกมาจากซังผอ ท่านโหราจารย์ก็แสร้งทำป่วยนิ่งดูดายอยู่เฉยๆ

เหิงฮุ่ยเปิดศึกสังหารกลางเมืองหลวง ฆ่าฟันคนในจวนผิงหย่วนป๋อ แม้จะบอกว่ามีอาวุธเวทมนตร์อำพรางกลิ่นอายอยู่ที่ตัว แต่จะสามารถปกปิดโหรขั้นหนึ่งอย่างท่านโหราจารย์ได้เชียวหรือ

เศษเดนของอาณาจักรหมื่นปีศาจปลดปล่อยท่อนแขนของภิกษุเสินซูออกมา แต่กลับส่งมาที่บ้านข้าอย่างลับๆ ให้เขาเป็นปรสิตสิงสู่อยู่ในร่างของข้า และให้ข้าหล่อเลี้ยงท่อนแขนเอาไว้…นี่หมายความว่าในเมืองหลวงมีเพียงข้าที่สามารถหล่อเลี้ยงภิกษุเสินซูได้…และความลับยิ่งใหญ่ของข้าก็คือโชคอันแปลกประหลาด

พูดอีกอย่างก็คือ เผ่าพันธุ์ปีศาจรู้ถึงความแปลกประหลาดในตัวข้า แต่ในชีวิตนี้ นอกจากเคยสู้กับสัตว์เลื้อยคลานและจิ้งจอกเทาแล้ว ข้าก็ไม่เคยรู้จักมักจี่อะไรกับเผ่าพันธุ์ปีศาจอีกเลย

เดี๋ยวนะ!

ท่านโหราจารย์รู้ถึงความแปลกประหลาดในตัวข้า เขามอบดาบยาวสีดำทองให้ข้า แล้วใช้วิธีการลับส่งเคล็ดวิชา ‘ดาบเดียวตัดฟ้าดิน’ ให้กับข้าอีก…ตายล่ะ ความคิดนี้ช่างน่ากลัวนัก

ข้อสันนิษฐานสองอย่างผุดขึ้นมาในใจ หนึ่ง ท่านโหราจารย์สมคบคิดกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ สอง ท่านโหราจารย์รู้แผนการของเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่เป็นด้วยเหตุผลบางอย่างจึงเลือกที่จะเก็บงำแล้วเฝ้าดูเงียบๆ

สวี่ชีอันเอนเอียงไปทางข้อสันนิษฐานแรก เพราะว่าถ้าหากท่านโหราจารย์ไม่ให้เปิดเผยความลับในร่างของเขาให้เผ่าพันธุ์ปีศาจรู้ เช่นนั้นเผ่าพันธุ์ปีศาจจะรู้ถึงความพิเศษของเขาได้อย่างไร ตัวเขาไม่เคยรู้จักสนิทสนมอะไรกับเผ่าพันธุ์ปีศาจด้วยซ้ำ

หากกล่าวว่าสวี่ชีอันรู้สึกซาบซึ้งและรับของขวัญจากเว่ยเยวียนมาด้วยความสบายใจ เช่นนั้นถ้าเป็นของขวัญจากท่านโหราจารย์ ก็ต้องใช้ประโยคที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้มาบรรยายว่า

‘ของขวัญที่ได้มาจากโชคชะตา ล้วนมีราคาที่ซุกซ่อนอยู่’

หยางเชียนฮ่วนสะบัดนิ้ว ยาคืนชีพตกลงในอ้อมอกของสวี่ชีอัน “กินมันซะ เจ้าจะได้กลับเมืองหลวงได้อย่างสบายใจ พอถึงตอนนั้นเมื่อมีคนถาม เจ้าก็บอกว่านี่คือยาที่สำนักโหราจารย์มอบให้ เจ้ารู้ว่าจะเป็นหรือตายยากคาดเดา จึงกินยาคืนชีพเข้าไปล่วงหน้า จากนั้นผลของยาก็แสดงฤทธิ์ เจ้าตกสู่สภาวะถอดร่างเปลี่ยนกระดูก ไม่ต่างอะไรกับตาย พวกผู้ตรวจการจางคิดว่าเจ้าตายไปแล้ว แต่ความจริงเจ้าเพียงอยู่ในอาการหลับใหลเท่านั้น”

“นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ ฝากขอบคุณท่านโหราจารย์แทนข้าด้วย” สวี่ชีอันหยิบยาคืนชีพสีเหลืองส้มใสกระจ่างขึ้นมาวางไว้กลางฝ่ามือ เขายังไม่ได้กิน แต่หยิบจดหมายสองสามฉบับออกมาแล้วเอ่ยยิ้มๆ ว่า

“การนอนหลับครั้งนี้คาดว่าคงจะหลับไปจนถึงเมืองหลวง ราชาแห่งท้องทะเลผู้ชาญฉลาด ไม่มีทางปล่อยให้ตนอับอายขายขี้หน้าในสังคมแน่”

พักหนึ่ง สวี่ชีอันก็กล่าวเสริม “อย่างน้อยก็ไม่มีทางตายรอบสอง”

พูดจบ พลังปราณก็กระเพื่อมขึ้น กระดาษถูกฉีกขาดเป็นชิ้นๆ

เรือหลวงเคลื่อนไปท่ามกลางหิมะ ทำลายแผ่นน้ำแข็งบางทีละแผ่นๆ แล้วค่อยๆ แล่นไปสู่เมืองหลวง

ยามซื่อ ในที่สุดหิมะที่ตกทั้งวันทั้งคืนก็หยุดลง

องค์รัชทายาทสวมผ้าคลุมกันลมขนสุนัขจิ้งจอก เสด็จดำเนินผ่านฉากหิมะตระการตา พระองค์ทรงสง่างามหล่อเหลา ผิวพรรณงดงาม

แม้ว่าสวี่ชีอันจะเคยพึมพำในใจว่าบรรดาโอรสของจักรพรรดิหยวนจิ่งไม่มีใครสู้เขาได้สักคนก็ตาม… แต่ ‘เขา’ ในการอ้างอิงของสวี่ต้าหลางไม่ได้หมายถึงตัวเอง หมายถึงเจ้าน้องชายสวี่เอ้อร์หลางต่างหาก

ความจริงแล้วองค์รัชทายาทเป็นคนหล่อเหลาคนหนึ่ง ยามที่จักรพรรดิหยวนจิ่งยังทรงพระเยาว์ก็รูปงามมาก เฉินกุ้ยเฟยยิ่งเป็นสาวงามมีสง่าราศี ด้วยเหตุนี้จึงให้กำเนิดลูกสาวหน้าตาดีอย่างยายตัวร้ายขึ้นมาได้ และในฐานะที่องค์รัชทายาทเป็นพี่น้องแม่เดียวกัน เขาก็ย่อมไม่ต่างกันนัก

องค์รัชทายาทมาถึงพระราชอุทยานของเฉินกุ้ยเฟยแล้วปลดผ้าคลุมขนจิ้งจอกออก ก่อนมอบให้กับนางกำนัลที่เดินเข้ามารับ

เมื่อเข้ามาในห้องที่อบอุ่นดุจฤดูใบไม้ผลิ กลิ่นหอมซาบซ่านก็กำซาบมาถึงจมูก

เฉินกุ้ยเฟยพานางกำนัลสองคนเดินหน้ายิ้มเข้ามา “เหตุใดหลินอันไม่มาล่ะ”

องค์รัชทายาทโบกมือแล้วนั่งลงโดยไม่ต้องเชิญ พร้อมลิ้มสุราและเสวยอาหารตามการปรนนิบัติจากนางกำนัล

“อืม…สุรานี้รสชาติไม่เลวเลย”

องค์รัชทายาทเอ่ยอย่างประหลาดใจ

“ฮองเฮาทรงส่งคนมามอบสุราไป๋รื่อชุนให้ บำรุงกำลังได้ดี เจ้าดื่มเยอะๆ หน่อยเถิด” เฉินกุ้ยเฟยยิ้มเมตตาแล้วสั่งให้นางกำนัลรินสุรา

สองแม่ลูกพูดคุยหัวเราะกันพลางกินข้าวพลาง บรรยากาศกลมเกลียวชื่นมื่น

เนื่องจากจักรพรรดิหยวนจิ่งทรงหมกมุ่นอยู่กับการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน จึงไม่แตะต้องอิสตรี วังหลังจึงกลายเป็นน้ำนิ่ง เงียบเหงาเสียจนน่าเบื่อหน่ายมานานแล้ว เหล่านางสนมทั้งหลายแม้จะอยากทำสงครามวังหลัง แต่ก็ไม่มีเหตุผลให้เริ่ม

ดังนั้นองค์รัชทายาทและหลินอันจึงมักจะมาเยี่ยมเสด็จแม่อยู่เสมอเพื่อกินข้าวและพูดคุย ขจัดความเหงาให้

“หลินอันไม่สบายหรือ คนที่ข้าส่งไปเชิญนางกล่าวว่าหลินอันขังตัวเองอยู่ในห้องไม่พบเจอผู้คน” เฉินกุ้ยเฟยขมวดคิ้วกิ่งหลิวของตน

“นาง…” องค์รัชทายาทถอนหายใจ “เสด็จแม่ ข้าว่านะ หลินอันถึงวัยอภิเษกแล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

เฉินกุ้ยเฟยตกตะลึง แล้วพยักหน้าอย่างจนปัญญา “ฝ่าบาททรงหมกมุ่นกับการฝึกเต๋า ไม่สนใจเรื่องการแต่งงานของพวกเจ้าเลย ฮองเฮาที่เป็นพระมารดาบุญธรรมกลับเก็บตัวไม่ออกไปไหน แม้แต่เรื่องขององค์ชายสี่กับฮว๋ายชิ่ง พระนางยังไม่ใส่ใจ นับประสาอะไรกับหลินอันเล่า”

องค์รัชทายาทเคี้ยวอาหารแล้วพยักหน้า “ลูกคิดว่า ควรจะให้หลินอันอภิเษกโดยเร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”

เฉินกุ้ยเฟยมองพินิจดูองค์รัชทายาทอย่างละเอียดแล้วย่นคิ้วกล่าว “ไยองค์รัชทายาทกล่าวเช่นนี้”

องค์รัชทายาทไม่ตอบ ก้มหน้าดื่มสุรา

เขาแน่ใจเสียยิ่งกว่าแน่ว่าหลินอันเกิดความรู้สึกพิเศษกับฆ้องทองแดงผู้นั้นแล้ว ในวัยเยาว์แรกแย้มเช่นนี้ หลินอันยิ่งเป็นเด็กสาวดื้อรั้นเอาแต่ใจ จิตใจบริสุทธิ์ จึงถูกคนหลอกเรื่องความรักได้ง่ายๆ

ปกติไม่มีใครกล้าใกล้ชิดกับนาง ดังนั้นจึงไม่เกิดเรื่องอะไร

แต่เมื่อบุรุษที่ปรารถนาในตัวนางปรากฏขึ้น ความรู้สึกเช่นนั้นจึงถือกำเนิด แล้วเติบโตงอกงามอย่างมั่นคง

ท่าทางหดหู่ไม่มีความสุขของหลินอันในช่วงนี้คือหลักฐาน

โชคดีที่ฆ้องทองแดงผู้นั้นสิ้นชีพแล้ว แต่องค์รัชทายาทก็ตระหนักได้ว่าหลินอันถึงวัยสมควรอภิเษกแล้ว

“ดื่มน้อยหน่อยเถิด ดื่มให้น้อยหน่อย…” เฉินกุ้ยเฟยขมวดคิ้วกล่าวเตือน

เมื่อคิดถึงสิ่งที่อยู่ในใจและกังวลเรื่องปัญหาด้านความรู้สึกของน้องสาว องค์รัชทายาทก็ดื่มลงไปมากเข้าโดยไม่รู้ตัว จนเขารู้สึกร้อนผ่าวๆ ที่ท้องน้อย

นางกำนัลหน้าตาแฉล้มที่อยู่รอบๆ ตอนนี้ดูไปดูมาแล้วกลับยั่วยวนใจนัก

“ท่านแม่ ข้ากลับก่อนนะ” องค์รัชทายาทสะอึกสุราแล้วลุกขึ้นจากไป

ลมหนาวพัดพรูเข้ามา อากาศนอกตำหนักเย็นสดชื่น ลมเย็นพัดโชย องค์รัชทายาทจึงรู้สึกสบายตัวขึ้นมาหน่อย

เขาพาทหารรักษาพระองค์กลับ ระหว่างทางเห็นนางกำนัลคนหนึ่งรออยู่ข้างทาง เมื่อสังเกตเห็นคณะขององค์รัชทายาท นางจึงรีบเข้ามาหาทันทีแล้วยอบกายคำนับ

“ถวายบังคมองค์รัชทายาท พระสนมฝูเชิญพระองค์ไปพบเพคะ”

ตำหนักเส้าอิน

ยายตัวร้ายเปิดหน้าต่างทอดมองไปข้างนอก หิมะขาวโพลนปกคลุมทั่วทั้งสวน ขาวสะอาดไร้มลทิน

ขอบตาของนางแดงก่ำดุจลูกท้อ เมื่อครู่เพิ่งอ่านจดหมายที่เจ้าสุนัขรับใช้ส่งมาให้ อ่านไปอ่านมาก็ร้องไห้อีกรอบ

ถ้อยคำในจดหมายแฝงเร้นความร่าเริงและความขบขันอยู่ในความจริงจัง เมื่ออ่านจดหมาย สมองของนางก็ผุดภาพ เสียง และใบหน้ายิ้มแย้มของเจ้าสุนัขรับใช้ขึ้นมา

แต่หลินอันรู้ว่าตนไม่อาจได้พบกับรอยยิ้มเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว คนผู้นั้นตายอยู่ที่อวิ๋นโจว เขานอนอยู่ในโลงเย็นเฉียบที่อยู่ห่างไกลหลายหมื่นลี้และกำลังกลับมายังเมืองหลวงอย่างความเงียบงันไร้วาจา

สิ่งที่ทำให้นางเศร้าใจยิ่งกว่านั้นก็คือตัวนางเป็นถึงองค์หญิง แต่กลับไม่อาจไปร่วมงานศพของเขาได้

ลมหนาวพัดผ่านใบหน้า เย็นจนเสียดกระดูก นางเอื้อมมือขึ้นลูบใบหน้า พบว่าน้ำตาไหลอีกแล้ว

“ร้องไห้ทำไมกัน ก็แค่สุนัขรับใช้ตายไปคนหนึ่ง เห็นๆ อยู่ว่าที่ตายไปก็แค่สุนัขรับใช้เท่านั้น…” ยายตัวร้ายเช็ดน้ำตาออกลวกๆ ด้วยความโมโห แต่ยิ่งเช็ดยิ่งมาก ยิ่งปาดทิ้งยิ่งไหลหลั่ง

“องค์หญิง องค์หญิง…”

เสียงร้อนรนดังมาจากข้างนอก นางกำนัลประจำกายหลินอันเปิดประตูออกเสียงดัง ‘ปึง’

ใบหน้าของนางถูกลมหนาวพัดจนชา รองเท้าผ้าฝ้ายหนาๆ ก็เต็มไปด้วยคราบน้ำและหิมะสกปรก

หลินอันรีบหันกายกลับมาทันที มือปาดน้ำตาบนใบหน้าลวกๆ แต่คำพูดต่อมาของนางกำนัลกลับทำให้นางชะงักนิ่ง

“องค์รัชทายาทถูกจับกุมเพคะ”

สายฟ้าฟาดกลางวันแสกๆ หลินอันอุทานเสียงหลง “ว่าไงนะ!”

…………………………………………………