ภาค 2 ใต้หล้ายังมีผู้ใดไม่รู้จักท่านอีกหรือ บทที่ 143 เป็ดต้มสุกก็บินได้เช่นกัน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

กระสวยแหวกพิภพรุดหน้าไปตลอดทาง ปลายทางล้วนว่างเปล่า แรงต้านก็พลันลดน้อยลง คล้ายกับเจาะจนทะลุอะไรออกไป

 

ใต้พื้นดินซึ่งเดิมทีมืดมิดทุกหนแห่ง พลันปรากฏแสงสว่างสีม่วงปริมาณมากออกมา เจิดจ้าจนแยงตา

 

‘เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!’

 

เยี่ยนจ้าวเกอและอาหู่ที่อยู่ในกระสวยแหวกพิภพ ได้ยินเสียงกระแสไฟฟ้าดังกังวานต่อเนื่อง

 

ทั้งสองหรี่ตาเล็กน้อย เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าภายในชั้นหินใต้ดินมีโพรงขนาดใหญ่โพรงหนึ่งอย่างไม่คาดคิด

 

ภายในถ้ำใต้ดินอันว่างเปล่า มีแสงวิชชุสีม่วงหลายสายลอยอยู่ใจกลางท้องฟ้า กวัดแกว่งอยู่ในอากาศไม่หยุดหย่อนจากจุดนี้เป็นศูนย์กลาง

 

บนผนังถ้ำทั้งสี่ด้าน ปรากฏอักขระยันต์มากมายให้เห็นวับวาบ พลังชีวิตเงียบสงัดปลอดภัย

 

อักขระยันต์หนึ่งแดง หนึ่งขาวผสมผสานกัน คล้ายกับเปลวเพลิงและหิมะน้ำแข็งหลอมรวมซึ่งกันและกัน

 

พลังชีวิตทั้งสองประเภท หนาวสะท้านและร้อนรุ่ม รวมตัวเข้าด้วยกัน โอบล้อมแสงวิชชุสีม่วงเอาไว้ใจกลาง และยังทำให้สายฟ้าไม่ถึงกับรั่วไหลจากภายในออกไป

 

ในขณะที่ความเย็นและความร้อนทำให้ซึ่งกันและกันเป็นกลาง ก็ไม่ได้มีความหนาวหรือไอร้อนกระจายออกไปด้านนอกแม้แต่นิดเดียว

 

แสงวิชชุสีม่วงที่บริเวณศูนย์กลางสว่างวับวาบมากที่สุด หมอกแสงเป็นกลุ่มๆ ลอยวนเวียนอยู่โดยรอบ ราวกับเมฆสายฟ้าที่รุนแรงกลุ่มหนึ่ง

 

ใจกลางเมฆสายฟ้าปรากฏไข่มุกวิเศษสีม่วงเม็ดหนึ่งเปล่งประกายวิบวับ มองไปแล้วมีขนาดพอๆ กับกำปั้นของมนุษย์

 

เยี่ยนจ้าวเกอมองไปที่ไข่มุกวิเศษเม็ดนั้น แล้วดีดนิ้วครั้งหนึ่ง “ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง”

 

อาหู่เบิกตากว้าง “ในคำร่ำลือ เศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่การุณยบุรุษได้รับมากลายสภาพเป็นไข่มุกวิเศษสีม่วง มีสายฟ้าฟาดลอยวนเวียน แต่มีขนาดเพียงแค่เท่าไข่ไก่เท่านั้น มันต้องมีขนาดใหญ่กว่านี่สิขอรับ หรือว่านี่เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์กลายสภาพมา”

 

“ไม่ผิด คิดดูแล้วในตอนนั้นสติปัญญาการตัดสินใจเองของเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้แก่กล้ายิ่งกว่า หลังจากการุณยบุรุษหาพบแล้ว แต่เก็บมันได้ยากเย็นนัก” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ดังนั้นค่ายกลที่วางเอาไว้ ณ ที่แห่งนี้ ได้ลองใช้ความเชี่ยวชาญอย่างระมัดระวังละเอียดรอบคอบ ผ่านระยะเวลาค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปในการหลอมสร้างมันขึ้นมา”

 

เยี่ยนจ้าวเกอมองไปโดยรอบทั้งสี่ทิศ มองดูอักขระวิญญาณที่น้ำแข็งกับเพลิงผสมผสานกัน “น่าเสียดายที่อายุขัยของเขามาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว รอไม่ถึงวันนั้นที่หลอมสร้างจนเสร็จสมบูรณ์”

 

อาหู่กล่าวถามด้วยอาการติดอ่างอยู่บ้าง “คะ…คุณชาย ท่านคาดการณ์โดยอาศัยอักษรที่ทิ้งไว้บนโลงศพของการุณยบุรุษหรือขอรับ”

 

บัดนี้เขาก็เข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดก่อนหน้าเยี่ยนจ้าวเกอถึงได้จำลองค่ายกลตามแบบของการุณยบุรุษในกระสวยแหวกพิภพ

 

นั่นเพื่อสร้างการนำทาง โดยอาศัยร่องรอยที่การุณยบุรุษทิ้งเอาไว้ ส่งผลให้กระสวยแหวกพิภพหาหนทางจนมาถึงที่นี่

 

เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “ถึงอย่างไรก็เป็นการโดยสารกระสวยแหวกพิภพหลบหลีกการโจมตีของเพลิงลุกโหมและหินหลอมเหลว เข้าสู่ใต้พื้นดินลึกอยู่แล้ว เช่นนั้นก็ลองค้นหาดูเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย อักษรเพลิงที่ทิ้งเอาไว้บนโลงศพนั่น ผ่านระยะนับหลายปีล้วนไม่สูญสลายไป เห็นได้ว่าความรู้สึกเสียดายภายในใจของการุณยบุรุษในตอนนั้นแรงกล้าถึงเพียงใด คล้ายกับจะไม่มีที่สิ้นสุดเลยด้วยซ้ำ ถึงขั้นที่ยามใกล้จะสิ้นลม โลหิต ลมปราณ และจิตวิญญาณหลอมรวมจนเป็นเช่นนี้” เขามองดูไข่มุกวิเศษสีม่วงที่อยู่ภายในเมฆสายฟ้านั่น แล้วถอนใจครั้งหนึ่ง “พวกเราก็ถือได้ว่าได้รับช่วงต่อสิ่งที่ทิ้งเอาไว้ของผู้อาวุโสแล้ว”

 

ไม่ว่าจะเป็นเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์เม็ดนั้นที่ถูกหลินโจวฝีเท้าเร็วชิงไปก่อน หรือจะเป็นเม็ดที่อยู่เบื้องหน้านี้ การุณยบุรุษล้วนแล้วแต่ค่อยๆ หลอมมันให้กลายสภาพทั้งนั้น

 

มิเช่นนั้นด้วยพลังฝึกปรือระดับมหาปรมาจารย์ของการุณยบุรุษยังยากจะยึดเก็บไว้ได้อย่างสบายๆ ก็ยิ่งอย่าได้กล่าวถึงจอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์เลย

 

อาหู่อ้าปากค้าง “คุณชาย แม้ว่าจะไม่เคยพบเห็นเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นอื่นมาก่อน แต่ตามคำร่ำลือ กอปรกับลักษณะรูปร่างเศษชิ้นส่วนตรงหน้านี้แล้ว พวกมันคล้ายกับว่าจะมีต้นกำเนิดมาจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นเดียวกันขอรับ”

 

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูกลุ่มเมฆสายฟ้านั่น น้ำเสียงแผ่วเบาอยู่เล็กน้อย “ไม่ผิดหรอก เป็นชิ้นเดียวกัน ชื่อของมันคือ ดวงตาราชันสายฟ้า และก็ถูกเรียกว่าลูกตาดำราชันสายฟ้าอีกด้วย”

 

ชายหนุ่มละออกจากกระสวยแหวกพิภพ ร่างกายเหินลอยขึ้น เท้าเหยียบย่ำท้องฟ้า เข้าใกล้ไข่มุกวิเศษสีม่วงนั้น

 

เขาเพิ่งจะปรากฏกาย ภายในอากาศรอบกายก็เกิดเสียงดังปังๆ ขึ้นอย่างต่อเนื่องพักหนึ่ง จากนั้นงูสายฟ้ามากมายก็ปรากฏออกมาจากท้องฟ้า โจมตีเข้ามาอย่างพร้อมเพรียงกัน!

 

เห็นดังนั้นแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่รีบไม่ร้อน ยื่นมือออกไปวาดในอากาศ ขีดเขียนอักขระวิญญาณเป็นแถวๆ

 

ปราณจิตราผนึกกันกลายเป็นอักขระวิญญาณ คงอยู่ในอากาศอย่างยาวนานไม่สลายไป

 

พลังชีวิตโดยรอบพลันผันแปรเป็นคลื่นทันที เหนี่ยวนำอักขระวิญญาณน้ำแข็งเพลิงผสานกันที่อยู่บนผนังหินรอบด้านทั้งสี่ทิศ จนพลันเปลี่ยนเป็นส่องสว่างขึ้นมา

 

แสงสว่างมากมายยื่นขยายออกไป ตัดสลับกันอยู่กลางอากาศ

 

ครั้นสัมผัสถูกแสงสว่างเหล่านี้ สายฟ้ามากมายนั่นที่เดิมทีผ่าไปทางเยี่ยนจ้าวเกอก็พลันสงบลงไปอีกครั้ง กลายสภาพเป็นแสงสายฟ้าแตกกระจาย สลายหายไปในอากาศ

 

เยี่ยนจ้าวเกอเดินเหินเหยียบอากาศทีละก้าวๆ จนมาถึงบริเวณคาบเกี่ยวของเมฆสายฟ้า

 

หลังจากสำรวจสังเกตอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง และสัมผัสถึงกระแสพลังชีวิตภายในได้แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ยื่นมือทั้งสองออกไปข้างหน้า สัมผัสลูบคลำเมฆสายฟ้าโดยตรง

 

อักขระวิญญาณที่ผสมผสานกันด้วยน้ำแข็งกับเพลิงบนผนังหินทั้งสี่ด้านส่องประกายระยิบระยับ ลำแสงสีแดงขาวสลับกัน คุ้มกันไปบนร่างกายของเยี่ยนจ้าวเกอเอาไว้

 

อีกทั้งยังมีแสงสายฟ้าสีม่วงอมฟ้าปริมาณมากพุ่งออกมาจากเมฆสายฟ้า กระโจนไปบนพื้นผิวกายของเยี่ยนจ้าวเกออย่างไม่หยุดยั้ง

 

เมื่อมองเห็นบนร่างกายเยี่ยนจ้าวเกอถูกปกคลุมไปด้วยแสงสายฟ้า อาหู่ที่อยู่ภายในกระสวยแหวกพิภพก็ตึงเครียดขึ้นมาอย่างยิ่ง

 

ชั่วพริบตาถัดมา เมฆสายฟ้าก็ขยายตัวอย่างฉับพลัน จนแทบจะกลืนกินเยี่ยนจ้าวเกอ และทันใดนั้นมันก็หดเล็กลงในทันใด

 

แสงสายฟ้ามากมายเข้าไปภายในไข่มุกวิเศษสีม่วงจนหมดสิ้น ไข่มุกนั้นพลันส่งเสียงร้อง ‘หึ่ง’ ขึ้น กลายสภาพเป็นแสงสายฟ้าวับวาบ พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า!

 

แสงอักขระวิญญาณบนผนังหินทั้งสี่ด้านโดยรอบสลัวลงไปพร้อมๆ กัน ไม่สามารถควบคุมหยุดยั้งไข่มุกวิเศษ ที่กลายสภาพมาจากเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าได้อีกต่อไป

 

ไข่มุกวิเศษกลายรูปเป็นแสงสายฟ้า เจาะทะลุชั้นหินโดยตรง เหินออกไปไกลแสนไกล

 

เยี่ยนจ้าวเกอปลอดภัยไร้อาการบาดเจ็บ ใบหน้าออกจะเผยรอยยิ้มออกมาด้วยซ้ำไป กระโดดกลับเข้าไปในกระสวยแหวกพิภพอีกครั้ง “พวกเราไล่ตาม!”

 

กระสวยแหวกพิภพเคลื่อนย้ายใหม่อีกครั้ง ตามทิศทางที่แสงสายฟ้าหายไป เบิกทลายชั้นหินทะยานไล่ตามออกไปอย่างรวดเร็ว

 

และในขณะเดียวกัน หลินโจวที่ก่อนหน้านี้ออกจากห้องตั้งโลงศพของการุณยบุรุษไปแล้ว ก็มีรอยยิ้มเยาะหยันเล็กน้อย เขากวาดสายตามองบรรดาจอมยุทธ์ชุดดำใต้บัญชาเยี่ยนจ้าวเกอเฝ้ารักษาการอยู่ด้านนอก

 

จากนั้นหลินโจวก็ปลีกตัวออกจากกลุ่มเขาอันเป็นที่ตั้งของปากทางเข้าห้องสุสานอย่างไม่รีบร้อย โดยที่พวกเขาไม่ทันได้รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ

 

การเดินทางครานี้เก็บของล้ำค่าได้ตามที่คาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้า ทั้งยังเป็นการได้รับที่อยู่เหนือความคาดหมายอีกด้วย จึงทำให้หลินโจวอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง

 

กระนั้นเขายังไม่ทันได้เดินไปออกไปนานเท่าใด สีหน้าก็พลันเปลี่ยนทันที!

 

สัมภาระที่เขานำมาใช้บรรจุของล้ำค่า จู่ๆ ก็สั่นไหวขึ้นมาอย่างแรง และในชั่วพริบตานั้น แสงสายฟ้าสีม่วงก็พุ่งออกมาจากสัมภาระจนฉีกขาดทันที!

 

นั่นคือเศษชิ้นดวงตาราชันสายฟ้า ที่หลินโจวได้มาจากห้องตั้งโลงศพของการุณยบุรุษ!

 

ไข่มุกวิเศษสีม่วงทรงกลมขนาดเท่าไข่ไก่ ส่งเสียงฟ้าร้องออกมาเป็นระลอกๆ และกำลังจะเร่งวิ่งหนีออกไปยังที่ที่ไกลออกไป!

 

หลินโจวสูดหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่ง ชูมือขึ้นขว้างตาข่ายขนาดใหญ่สีแดงเข้มออกไป

 

เมื่อตาข่ายขนาดใหญ่ปะทะลมกลางอากาศ มันก็กางออก ชั่วพริบตาเดียวมันขยายใหญ่จนราวกับจะคลุมฟ้าปิดแผ่นดินอย่างไรอย่างนั้น อำพรางท้องฟ้าทั้งหมดจนกลายเป็นสีแดงเข้ม

 

เศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าที่ลอยหนีไปนั้น เมื่อชนเข้าไปในตาข่ายขนาดใหญ่สีแดงเข้ม มันก็พลันถูกตาข่ายหยุดยั้งเอาไว้

 

สายตาหลินโจวดูเปล่งประกาย เมื่อเห็นตาข่ายสีแดงนั้นสั่นไหว “สถานการณ์ในตอนนี้ ถ้าไม่ใช่การเรียกหาเจ้าของของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในอดีต ก็ต้องมีเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าอีกชิ้นหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียงพลันเกิดความเปลี่ยนแปลง ด้วยเหตุนี้จึงดึงดูดเศษชิ้นส่วนชิ้นนี้!”

 

อาวุธศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นเศษชิ้นส่วนแล้ว เจ้าของในอดีตก็สิ้นลมไปเสียตั้งนานแล้ว ดังนั้นปัดความเป็นไปได้แรกทิ้งไปได้

 

เช่นนั้นก็มีเพียงความเป็นไปได้สุดท้าย ซึ่งก็คือบริเวณใกล้เคียงยังมีเม็ดที่สองอยู่อีก อีกทั้งยังเป็นเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าอีกด้วย!

 

ภายในใจของหลินโจวไม่เพียงแต่รู้สึกถึงความปรารถนาอันร้อนรุ่ม อีกทั้งยังมีลางสังหรณ์อยู่รางๆ

 

ไม่รอให้เขาได้ถอนใจ แสงสายฟ้าจากเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็โหมกระหน่ำ นำเอาตาข่ายสีแดงเหินบินไกลออกไปพร้อมกันอย่างไม่คาดคิด

 

เป็ดที่ต้มจนสุกจนเข้าปากไปแล้ว ก็ยังคงบินได้อย่างคาดไม่ถึง หลินโจวเกือบจะกระอักเลือดออกมา

 

………………..