ตอนที่ 1322 เมืองบูรพา (6)

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มบาง “ข้าขอโทษด้วยแต่ข้าเองก็มาจากสำนักศึกษาเมืองประจิมเหมือนกัน ดังนั้น…ข้าก็มีสิทธิ์สู้กับเจ้าได้เหมือนกันใช่หรือไม่”

 

 

หวังจวิ้นเฟยส่งเสียงขึ้นจมูกแล้วโบกมือ “พวกเจ้ารออะไรอยู่ จัดการพวกมัน!”

 

 

ในสายตาของหวังจวิ้นเฟย อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้มีค่าอะไรนอกจากสตรียากไร้ที่ยั่วยวนหูหลี น่าเสียดายที่สาวงามไร้ที่ติอย่างนางเลือกยาจกอย่างหูหลี!

 

 

ถูกต้อง ในความคิดเขาหูหลีเป็นยาจก! ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นอันดับสิบของศิษย์ระดับสวรรค์สำนักศึกษาเมืองประจิมและได้รับความสำคัญมากในสำนัก แต่เขาก็ยังไม่เทียบไม่ได้กับตระกูลทรงอำนาจอย่างตระกูลหวัง! ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลหวัง การทำให้เขาหายไปก็เป็นเรื่องง่ายเพียงนิดเดียว!

 

 

ทันทีที่หวงจวิ้นเฟยพูดจบ วินาทีนั้นเด็กสาวก็หายตัวไปก่อนที่เขาจะรู้ตัวนางก็มาปรากฏข้างหน้าเขาแล้ว…

 

 

ปัง!

 

 

หวังจวิ้นเฟยที่ยืนอยู่ระหว่างชายสองคนถูกเตะกลิ้งตกบันไดลงไป ยอดฝีมือทุกคนของตระกูลหวังชะงักก่อนพวกเขาจะพุ่งเข้าไปล้อมอวิ๋นลั่วเฟิง

 

 

หูหลียืนอยู่ข้างอวิ๋นลั่วเฟิงและร่วมเผชิญหน้าอีกฝ่ายไปพร้อมนาง

 

 

“ฆ่ามัน ฆ่าพวกมันเดี๋ยวนี้!” เขาไม่สนในเรื่องที่ทั้งคู่เป็นศิษย์สำนักศึกษาเมืองประจิม หวังจวิ้นเฟยเด้งตัวขึ้นมาแล้วตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาแดงก่ำอย่างดุร้าย

 

 

ชายร่างใหญ่ทั้งสองลงมือทันที พวกเขารวบรวมกำลังฌานไว้ที่หมัดแล้วพุ่งเข้าหาอวิ๋นลั่วเฟิงและหูหลีเหมือนพายุ…

 

 

อู๋จ้องอวิ๋นลั่วเฟิงและหูหลีอย่างงุนงง เขากัดริมฝีปาก ไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมา

 

 

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่”

 

 

ทันใดนั้นเสียงทุ้มต่ำก็ลอดผ่านประตูออกมา เมื่อได้ยินเสียง หวังจวิ้นเฟยที่กำลังอารมณ์เสียก็ยิ่งโมโห “ออกมา! อย่าทำให้ข้าโกรธ!”

 

 

เสียงฝีเท้าหยุดลงตรงหน้าหวังจวิ้นเฟย แล้วทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงขุ่นเคืองของคนสูงอายุ

 

 

“เจ้ากำลังพูดกับข้างั้นหรือ”

 

 

หวังจวิ้นเฟยขมวดคิ้ว ทันทีที่เขากำลังจะสั่งสอนบทเรียนให้ชายชราไร้สติปัญญาคนนี้ให้รู้สำนึก เขาก็เห็นผู้คุ้มกันข้างชายชราหยิบตราออกมาโบกตรงหน้าเขา สีหน้าของหวังจวิ้นเฟยเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเขาเห็นคำสามคำบนตราสะท้อนเขาดวงตา ‘จวนเจ้าเมือง’

 

 

“ท่าน…ท่านมาจากจวนเจ้าเมืองงั้นหรือ”

 

 

เขากลืนน้ำลาย ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจกลัว เขาโชคร้ายจริงๆ! เขาเพิ่งท้าทายคนจากจวนเจ้าเมือง! ชายชราพูดอย่างเย็นเยียบ “ตอนนี้เจ้าบอกข้าได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่”

 

 

“เรื่องเป็นอย่างนี้ขอรับ” หวังจวิ้นเฟยพยายามข่มความกลัวแล้วพูด “สองคนนี้เป็นศิษย์สำนักศึกษาเมืองประจิม พวกเขายั่วยุพวกเราชาวเมืองบูรพาว่าเมืองบูรพาแย่กว่าเมืองประจิม ที่สำคัญพวกเขายังกล้าว่าร้ายจวนเจ้าเมืองของเมืองบูรพาด้วย!”

 

 

ยิ่งหวังจวิ้นเฟยพูดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งพูดได้คล่องมากขึ้นเท่านั้น แล้วยังโยนความผิดให้อวิ๋นลั่วเฟิงอีกด้วย

 

 

“อย่างไรก็ดี ผู้ชายคนนี้ชื่อหูหลี เป็นศิษย์ระดับสวรรค์ของสำนักศึกษาเมืองประจิม ศิษย์ระดับสวรรค์ทั้งสิบคนเป็นพวกชั้นต่ำทั้งหมด! ข้าได้ยินว่าพวกเขาต้องการทำลายสำนักศึกษาเมืองบูรพาแล้วล้างบางจวนเจ้าเมืองด้วยกัน!”

 

 

“โอ้?” ทันใดนั้นก็มีเสียงหญิงสาวดังขึ้นจากด้านหลังกลุ่มคน

 

 

หวังจวิ้นเฟยเงยหน้ามองก็เห็นสตรีชุดแดงเดินเข้ามา นางเลิกคิ้วแล้วถามอย่างเย่อหยิ่งว่า “เจ้าแน่ใจหรือว่าศิษย์สำนักศึกษาเมืองประจิมพูดเช่นนั้น”

 

 

หวังจวิ้นเฟยคิดถึงตัวตนของสตรีผู้นี้ ในเมื่อนางมากับคนของจวนเจ้าเมือง นางก็ต้องมาจากที่นั่นเหมือนกัน

 

 

“คุณหนูของพวกเรากำลังถามเจ้า! ตอบคำถามนางเดี๋ยวนี้!” ชายชราตะโกนอย่างเย็นชาเมื่อเห็นว่าหวังจวิ้นเฟยไม่ตอบนาง

 

 

คุณหนู?

 

 

หวังจวิ้นเฟยชะงัก หรือว่าสตรีงดงามผู้นี้เป็นทายาทของจวนเจ้าเมือง

 

 

เมื่อคิดได้แบบนั้นหวังจวิ้นเฟยก็รีบตอบ “ถูกต้องขอรับ ข้าพูดจริง คุณหนู ท่านต้องให้คนของท่านทำลายสำนักศึกษาเมืองประจิมที่ชอบอวดดีนี้นะขอรับ!”

 

 

สำนักศึกษาเมืองประจิมไม่ควรมีอยู่ หลังจากคุณหนูได้ยินคนพวกนี้ดูถูกจวนเจ้าเมือง นางน่าจะสังหารศิษย์ทระดับสวรรค์ทั้งสิบ หากไม่มีศิษย์พวกนั้น สำนักศึกษาเมืองประจิมก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป!

 

 

นี่เป็นเหตุผลที่หวังจวิ้นเฟยใส่ร้ายศิษย์ระดับสวรรค์ทั้งสิบคน เขาสามารถใส่ร้ายหูหลีเพียงคนเดียวก็ได้ แต่เพื่อทำลายสำนักศึกษาเมืองประจิม เขาจึงบอกว่าคำพูดพวกนี้เป็นของศิษย์ระดับสวรรค์ทั้งสิบ!

 

 

โชคร้ายที่หวังจวิ้นเฟยไม่รู้ตัวว่าเขาได้ทำเรื่องผิดผลาดมหันต์ลงไปแล้ว

 

 

สตรีอาภรณ์แดงยิ้ม น้ำเสียงของนางร้ายกาจเหมือนปีศาจจนทำให้หัวใจของหวังจวิ้นเฟยสั่นสะท้าน

 

 

“โทษทีนะ แต่ข้าเองก็มาจากสำนักศึกษาเมืองประจิมเหมือนกัน และ…ข้ายังเป็นศิษย์ระดับสวรรค์อันดับหนึ่งด้วย!”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1323 อัจฉริยะหงหลวน (1)

 

 

หวังจวิ้นเฟยชะงัก เขาตกใจจนหน้าซีดเผือดแล้วจ้องสตรีอาภรณ์แดงอย่างหวาดกลัว

 

 

นางพูดว่าอะไรนะ

 

 

หูของเขามีปัญหาใช่หรือไม่

 

 

สตรีชุดแดงเยาะเย้ยแล้วไม่สนใจหวังจวิ้นเฟยอีก นางเดินไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงที่ยืนอยู่บนทางเดิน

 

 

เป็นเรื่องยากที่หูหลีจะถอยหลังหนีศัตรูตรงหน้า แต่เมื่อเห็นสตรีตรงหน้าเดินเข้ามาใกล้ เขาก็กลัวจนตัวสั่นไปทั้งร่าง มือแทบจะถือกระบี่ไว้ไม่อยู่

 

 

“เหตุ…เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่” เขาดูกลัวมากและโอดครวญในใจ เขาคิดว่าเขาไม่มีทางได้เจอคนบ้าคลั่งนี้แน่ ในเมื่อเมืองบูรพาใหญ่โตมาก ทว่า…เขากลับมาเจอนางที่นี่อย่างรวดเร็ว!

 

 

ตั้งแต่แรกเริ่ม สายตาของสตรีชุดแดงก็ไม่ได้ตกอยู่บนตัวหูหลีแต่จับจ้องไปที่อวิ๋นลั่วเฟิงเพียงอย่างเดียว นางยิ้มแล้วถามว่า “เจ้าคืออวิ๋นลั่วเฟิงสินะ”

 

 

อวิ๋นลั้วเฟิงเองก็หยุดแล้วมองนาง “อัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักศึกษาเมืองประจิม หงหลวนใช่หรือไม่”

 

 

หงหลวนฉีกยิ้มกว้างขึ้น “อัจฉริยะอันดับหนึ่งงั้นหรือ ถ้าเจ้าไม่ปรากฏตัวขึ้นมา ข้าก็คงยอมรับฉายานี้แต่ตอนนี้ข้าคิดว่ามันเหมาะกับเจ้ามากกว่า! อวิ๋นลั่วเฟิง ข้าได้ยินชื่อเสียงเจ้ามานานแล้วก็ต้องการประลองกับเจ้า! เจ้าจะให้โอกาสข้าหรือไม่”

 

 

การประลองบางครั้งก็ถูกกำหนดไว้แล้ว!

 

 

“ตกลง” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “ข้ารับคำท้าเจ้า!”

 

 

หวืด!

 

 

สตรีชุดแดงยกมือขึ้น แล้วกระบี่ยาวก็ปรากฏขึ้นในมือนาง นางไม่เคยดูถูกความสามารถของอวิ๋นลั่วเฟิง ดังนั้นนางจึงไม่อ่อนข้อและเริ่มโจมตีก่อน เมื่อโดนผลกระทบจากพลังทรงอำนาจของกระบี่นาง ประตูของโรงเตี๊ยมก็พังทลาย

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงตั้งรับการโจมตีโดนไม่ลังเล…

 

 

“โอ้ สวรรค์ โรงเตี๊ยมข้า!”

 

 

เมื่อทั้งคู่ต่อสู้กัน ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมก็ร้องไห้เหมือนบุพการีเสียต่อหน้าต่อตาเขา ชายชราขมวดคิ้วแล้วส่งสายตาเย็นเย็บให้ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมก่อนยิ้ม หยิบตั๋วเงินออกจากแขนเสื้อแล้วโยนมันให้เขา

 

 

“พวกเราซื้อโรงเตี๊ยมนี้แล้ว คุณหนูของเราจะทำอะไรก็ได้ที่นี่! ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่!”

 

 

ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมร้องไห้อย่างขมขื่นที่โรงเตี๊ยมเขาถูกทำลายแล้วก็แปลกใจที่คนจากจวนเจ้าเมืองใจกว้างขนาดให้ตั๋วเงินที่มีค่าถึงหมื่นตำลึง! เขารีบเก็บตั๋วเงินแล้วออกเต็มใจออกไปพร้อมกล่าวขอบคุณเป็นพันครั้ง

 

 

หวังจวิ้นเฟยกลอกตาแล้วพยายามจะใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายแอบหลบออกไป แต่เมื่อเขากำลังจะก้าวออกไปอย่างลำบากก็มีมือยื่นมาจากด้านหลังแล้วจับตัวเขาไว้

 

 

“เจ้ายังไปไม่ได้”

 

 

หวังจวิ้นเฟยกลืนน้ำลายแล้วฝืนยิ้ม “นายท่าน เมื่อพูดออกไปแล้ว เขาก็ไม่รู้อะไรนอกจากรู้สึกผิด ข้าน้อยไม่รู้ว่าคุณหนูมาจากสำนักศึกษาเมืองประจิม ดังนั้น…”

 

 

ชายชราส่งสายตาเย็นเยียบให้เขา เจตนาสังหารในตาเขาทำให้หวังจวิ้นเฟยใจกระตุก เขารีบหุบปากและยืนอยู่กับที่ไม่กล้าก้าวขาสักครึ่งก้าว

 

 

ตูม!

 

 

พื้นทางเดินทรุดแล้วร่างทั้งคู่ก็กระโดดลงมาที่ห้องโถง ด้วยแสงสะท้อนเย็นเยือกจากการปะทะกันของกระบี่ทั้งคู่ ทั้งโต๊ะและเก้าอี้ก็ถูกพัดหายไปและทั้งห้องโถงก็เละเทะอย่างมาก

 

 

สตรีชุดแดงถอยหลังไปสองก้าวแล้วหยุดยืนอยู่ที่ห้องโถงที่ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว นางหรี่ตาเรียวมีเสน่ห์ของนางแแล้วรอยยิ้มทรงอำนาจก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากสีแดงสดน่าหลงใหล

 

 

“อวิ๋นลั่วเฟิง เจ้ายังไม่ได้สู้เต็มที่เลย!”