ตอนที่ 1320 เมืองบูรพา (4)

 

 

หลังจากที่หูหลีพาเด็กออกไป ไม่นานเขาก็กลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง

 

 

“เมื่อกี้ข้ารู้สึกได้ว่าเขาแอบออกมา ข้าจึงลอบตามเขามาแล้วรู้ว่าเขาตรงมาที่ห้องของเจ้า ข้ารู้ความแข็งแกร่งของเจ้าเลยไม่ได้ทำอะไรนอกจากรอดูว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร” หูหลีมองอวิ๋นลั่วเฟิงเพื่ออธิบายว่าทำไมเขาถึงมาช้า

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “ดี จับตาดูเขาต่อไป”

 

 

หูหลีลังเลอยู่ชั่วครู่ “อวิ๋นลั่วเฟิง ไม่ใช่ว่าเจ้าเลี้ยงหนูอยู่หรือ ข้าคิดว่ามันคงทำหน้าที่ได้ดีกว่าข้า ทำไมเจ้าไม่…”

 

 

“ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ข้ารู้สึกว่าไหน่ฉาตามดูเขาจะไม่ปลอดภัย” พูดจบอวิ๋นลั่วเฟิงก็เงียบไปเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

 

 

หูหลีก้มหน้า “ตามจริงข้าคิดว่าเขาเข้ามาในห้องเจ้าก็เพราะเขาแค่คิดถึงมารดา เด็กคนนี้ดูไม่มีพิษภัยอะไร ข้าไม่คิดว่าเขาอันตรายนะ”

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มแล้วค่อยๆ ยืนขึ้น “หูหลี อย่าตัดสินคนที่ภายนอก! ยิ่งเขาดูไร้พิษภัยเท่าไหร่ บางทีเขาอาจจจะยิ่งร้ายกาจมากขึ้นเท่านั้น! ที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะข้าไม่เคยเชื่อใจใคร!”

 

 

ตอนที่นางยังอยู่หวาเซี่ย ครอบครัวนางถูกฆ่าตายและลุงของนางที่ดีกับนางมาตลอดก็รับนางไปเลี้ยง แต่เมื่อเขาได้มรดกจากบิดามารดานาง เขาก็เปลี่ยนไป นางถูกส่งไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่ที่เด็กดูอ่อนโยนและใจดีกลับชอบทรมานคนอื่น

 

 

นั่นเป็นเหตุผลที่นางไม่เคยเชื่อใจใคร! แม้แต่เด็กเล็กๆ ก็ไร้พิษสง

 

 

หูหลีเงียบแล้วพยักหน้า “เข้าใจแล้ว ข้าจะจับตาดูเขาเองและจะไม่ให้เขามีโอกาสได้ทำร้ายพวกเรา”

 

 

“ไปนอนเถอะ วันพรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางต่อ” อวิ๋นลั่วเฟิงโบกมือแล้วเดินกลับไปที่เตียง

 

 

หูหลีกระจ่างเพราะคำพูดนาง เขาส่งสายตาของคุณไปให้อวิ๋นลั่วเฟิงแล้วเดินออกประตูไป ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดอวิ๋นลั่วเฟิงถึงได้ระมัดระวังตลอดเวลา ในแผ่นดินนี้เจ้าควรตื่นตัวตลอดเวลาไม่อย่างนั้นชีวิตเจ้าอาจหายไปเมื่อไรก็ได้!

 

 

 

 

เช้าวันต่อมา

 

 

หูหลีและเด็กชายรออยู่หน้าประตูห้องอวิ๋นลั่วเฟิง เมื่อเด็กชายเห็นประตูเปิด ดวงตาสีนิลของเขาก็เปล่งประกายด้วยความดีใจ ทว่าเมื่อเขาคิดถึงท่าทีของอวิ๋นลั่วเฟิงที่มีต่อเขาเมื่อคืนนี้ เขาก็ดูไม่กล้าและเกรงกลัว

 

 

สายตาของอวิ๋นลั่วเฟิงย้ายจากหูหลีไปที่เด็กชาย นางพินิจใบหน้าไร้พิษภัยของเขา

 

 

“เจ้าบอกว่าเจ้าความจำเสื่อมสินะ ข้าเดาว่าเจ้าคงลืมชื่อตัวเองด้วย เช่นนั้นแล้วตั้งแต่นี้ไปพวกเราจะเรียกเจ้าว่า ‘อู๋’ [ 1 ] ”

 

 

อู๋? ดวงตาเด็กชายประกายวูบหนึ่ง เขากำลังสงสัยว่าชื่อนี้หมายความว่าอย่างไร

 

 

ดูเหมือนว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะไม่ต้องการอธิบายอะไรให้เขา นางยกยิ้มร้าย “หูหลี เขาดูน่ารักดี ไว้ตอนเราขาดแคลนเงินตรา เราค่อยขายเขาให้หอนางโลม”

 

 

ในจิตวิญญาณนาง เสี่ยวโม่ที่กำลังกล่อมให้เสี่ยวซู่สงบ แต่ทันทีที่ได้ยินคำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิง ความไม่พอใจก็ปรากฏบนหน้าเขา

 

 

“นายหญิง เหตุใดท่านจึงเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับหอนางโลม”

 

 

ครั้งแรกที่นางเห็นอวิ๋นเซียว นางก็ต้องการขายเขาให้หอนางโลมเหมือนกัน…

 

 

“อวิ๋นลั่วเฟิง” หูหลีอ้าปากค้าง มุมปากเขากระตุก “เอ่อ…ข้ากลัวว่านี่ไม่ใช่ความคิดที่ดี”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1321 เมืองบูรพา (5)

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงเหลือบมองเขา “ทุกคนต้องทำงาน ถ้าเขาอยากติดตามข้า เขาก็ต้องมีประโยชน์ ไม่อย่างนั้นข้าจะขายเขาให้หอนางโลมตอนนี้เลย”

 

 

ได้ยินคำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิง เด็กชายตัวน้อยก็วิตกกังวล ดวงตาสุกสว่างของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกแล้วใบหน้าน่าสงสารของเขาก็พลันปรากฏแววเสียใจ

 

 

“ข้าซักผ้าได้ ทำอาหารได้ ข้ายังดูแลสัตว์เลี้ยงได้ด้วย ได้โปรด…อย่าขายข้าให้หอนางโลมเลยนะ ได้หรือไม่”

 

 

เขาอยากเดินเข้าไปกอดขาอวิ๋นลั่วเฟิงแต่ก็หยุดไว้เมื่อคิดถึงท่าทีเย็นชาที่นางมีต่อเขาเมื่อคืนนี้ เขามองนางด้วยดวงตาน่าสงสารเหมือนว่ากำลังขอร้องให้นางอย่าขายเขาให้หอนางโลม

 

 

หูหลีรู้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงล้อเล่น ถ้านางไม่อยากให้เด็กชายไปด้วย นางก็คงไม่ปล่อยให้เด็กชายอยู่กับพวกเขาแล้ว และคงไม่ขอให้เขาจับตาดูเด็กคนนี้ไว้ด้วย

 

 

เป็นโชคร้ายของอวิ๋นลั่วเฟิงที่ไม่ว่านางจะไปที่ใดก็จะมีคนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นอยู่เสมอ…

 

 

“ข้าไม่เคยเจอคนโหดร้ายขนาดนี้มาก่อน! เจ้ามีใจจะขายเด็กน่ารักอย่างนี้ได้อย่างไร” เสียงขุ่นเคืองของชายหนุ่มดังมาจากอีกด้าน “สาวน้อย เจ้าทำแบบนี้ไม่กลัวสวรรค์ลงโทษหรือ”

 

 

หูหลีหันหน้าไปมองไปชายหนุ่มที่เดินเข้ามาหาพวกเขาช้าๆ อย่างเย็นชา สีหน้าของเขาเข้มขึ้นเมื่อเขานึกได้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร “หวังจวิ้นเฟย เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่”

 

 

“อี๋ ดูสิว่าข้าเจอใคร! เจ้าขยะสำนักศึกษาเมืองประจิมนี่เอง ฮ่าๆๆ!” หวังจวิ้นเฟยหัวเราะ “ข้าเคยสงสัยว่าใครกันที่โหดร้ายได้ขนาดนี้ กลายเป็นว่าเป็นพวกชั้นต่ำจากสำนักศึกษาเมืองประจิมนี่เอง ไม่น่าแปลกใจเลย! นอกจากศิษย์สำนักศึกษาเมืองประจิมแบบพวกเจ้า ใครจะยากไร้ขนาดขายเด็กกินกัน”

 

 

ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา อวิ๋นลั่วเฟิงก็เหลือบมองหูหลี “เจ้ารู้จักเขา?”

 

 

หูหลีส่งเสียงขึ้นจมูก “เขาเป็นศิษย์จากสำนักเมืองบูรพา พวกเราเคยสู้กันครั้งหนึ่งแต่เขาแพ้ข้า ดังนั้นเขาเลยไม่พอใจแล้วหาเรื่องข้าตลอด”

 

 

หวังจวิ้นเฟยหัวเราะเยาะ “ข้านะหรือหาเรื่องเจ้า อะไรที่ทำให้เจ้าคิดว่าตัวเองสำคัญขนาดนั้น ศิษย์ของสำนักศึกษาเมืองบูรพาทุกคนเป็นผู้มีพรสวรรค์จากตระกูลมีอำนาจทั้งหลาย ไม่เหมือนศิษย์สำนักศึกษาเมืองประจิมของพวกเจ้า ที่ที่แม้แต่คนชั้นต่ำอย่างเจ้ายังเข้าได้”

 

 

สำนักศึกษาเมืองบูรพาเป็นสำนักศึกษาระดับสูงจึงมีการเรียกเก็บค่าเข้าสำนักศึกษาแพงหูฉี่จนธรรมดาหวั่นใจ แต่สำนักศึกษาเมืองประจิมต่างออกไป ตราบใดที่ความแข็งแกร่งถึงเกณฑ์ก็สามารถเข้าศึกษาได้!

 

 

“อย่าขวางทางพวกเรา! ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้าซะ!” หูหลีกัดฟัน ดวงตาเป็นประกายเย็นเยียบ “ถ้าเจ้าไม่ไป เช่นนั้น…ข้าจะสอนบทเรียนให้เจ้าอีกครั้ง!”

 

 

ดวงตาของหวังจวิ้นเฟยมืดลงแล้วพูดพร้อมยิ้มเยาะ “หูหลี ข้าสู้เจ้าไม่ได้แล้วอย่างไร ข้าไม่เหมือนเจ้า ครั้งนี้ข้าไม่ได้มาคนเดียว แต่พาผู้คุ้มกันจำนวนมากมาด้วย เจ้าคิดว่าเจ้าจะเอาชนะข้าได้หรือ ตลกน่า! พวกเจ้า ไป! จัดการคนพวกนี้ให้ข้า!”

 

 

เมื่อเห็นชายวัยกลางคนสองคนพุ่งเข้ามาหาพวกเขา หูหลีก็หน้าบึ้งตึง เขาไม่สนใจหวังจวิ้นเฟยมากนักแต่ยอดฝีมือของตระกูลหวังเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

 

 

ทันใดนั้นก็มีมือแตะลงบนบ่าของหวังจวิ้นเฟย เด็กสาวเดินมาข้างหน้าด้วยรอยยิ้มเจิดจ้าบนใบหน้างดงามของนาง “เจ้ากำลังจะทำร้ายสหายข้างั้นหรือ”

 

 

หวังจวิ้นเฟยหรี่ตา “เจ้าเป็นใคร เจ้ากล้าพูดกับข้าแบบนี้ได้อย่างไร ข้ากำลังมาจัดการคนกับพวกค้ามนุษย์แบบเจ้าทีหลัง ตอนนี้ข้าต้องตีไอ้ขยะชั้นต่ำจากสำนักศึกษาเมืองประจิมก่อน!”

 

 

 

 

——

 

 

[ 1 ] อู๋ (无 Wú) แปลว่า ไม่มี