บทที่ 266 ยิงเป้า

วันต่อมา

เกิดการประกาศข่าวที่ทำให้ทั่วเมืองไห่ชิงต้องร้อนระอุ ไม่ใช่แค่เพียงพวกจอมยุทธ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนธรรมดาอีกด้วย

ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธ์หรือคนธรรมดา ตอนนี้ต่างก็รีบไปที่ลานจัตุรัสประชาชนกลางเมือง

ในลานจัตุรัสเต็มไปด้วยผู้คนหนาแน่น

ที่กลางจัตุรัส นายทหารติดอาวุธหลายสิบคนยืนรักษาการณ์อยู่ ในปืนของพวกเขามีลูกกระสุนพร้อมใช้งาน

คนจำนวนหลายสิบคนนั่งคุกเข่าเรียงแถวหน้ากระดาน ที่ศีรษะมีถุงสีดำคลุมอยู่ทุกคน

“นี่เอามายิงเป้าใช่ไหมเนี่ย?”

“คนพวกนี้ไปทำความผิดอะไรมานะ ถึงถูกนำตัวมายิงเป้าต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้?”

“โดนกองทัพจับตัวมาประหารด้วยวิธียิงเป้าแบบนี้ คงไม่ใช่ตัวดีแน่นอน น่าจะเป็นพวกทรยศขายชาตินั่นแหละ”

กลุ่มคนธรรมดากระซิบกระซาบกันอย่างสนุกปาก พวกเขาเพิ่งเห็นข่าวและทราบว่าจะมีการยิงเป้าเกิดขึ้นที่ลานจัตุรัสประชาชนในวันนี้ จึงไม่พลาดที่จะมารับชมเหตุการณ์สำคัญ

“ดูเสื้อผ้าที่คนพวกนี้ใส่สิ เหมือนพวกประตูวิญญาณสลายไม่มีผิด”

“จริงด้วย แต่ทหารพวกนี้ไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหน กล้าฆ่าคนของประตูวิญญาณสลายต่อหน้าสาธารณะ ไม่กลัวจะถูกแก้แค้นหรือไงนะ?”

“ช่วงหลังกองทัพมีความกล้าหาญมากกว่าเดิมเยอะเลยนะ เมื่อก่อนพวกเขากล้าต่อสู้กับจอมยุทธ์หรือพวกสัตว์เลี้ยงซะที่ไหนกัน แต่ดูไม่กี่วันที่ผ่านมานี่สิ พวกเขาฆ่าจอมยุทธ์ตายไปกี่คนแล้ว ฉันว่ามันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังแน่นอน”

“หรือว่าพวกเขาจะพัฒนาอาวุธที่น่ากลัวขึ้นมาแล้ว?”

กลุ่มจอมยุทธ์พร้อมใจกันกระซิบกระซาบด้วยความสงสัย

ในขณะนี้ ปันจือหาวเดินลงบันไดมาสองขั้นและกวาดตามองรอบบริเวณ ก่อนพูดว่า

“มีใครรู้บ้างว่าคนพวกนี้เป็นใคร?”

ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มจอมยุทธ์หรือคนธรรมดา ต่างก็พร้อมใจกันส่ายศีรษะเป็นคำตอบ

“เอาถุงคลุมหัวออก” ปันจือหาวออกคำสั่ง

นายทหารหลายสิบนายเดินออกมาข้างหน้าและดึงถุงคลุมหัวออกไป

แสงแดดเป็นประกายสว่างจ้า เมื่อกลุ่มนักโทษประหารพบว่าตนเองกำลังอยู่ที่ไหน ก็พากันส่งเสียงโวยวายขึ้นมาทันที

“@¥%……” นี่คือเสียงโวยวายดังที่สุด

ห่างออกมาไม่ไกล ประตูรถทหารคันนึงเปิดออก และฉู่ชวิ๋นก็ก้าวลงมาจากรถพร้อมด้วยพวกของจิ่วโยวและคนอื่น ๆ

เมื่อพบเห็นพวกของจิ่วโยว เหลยเป้าและคนที่เหลือแล้ว คนธรรมดาต่างก็พากันสงสัยว่าคนเหล่านี้เป็นใครกัน แต่ในกลุ่มจอมยุทธ์กลับส่งเสียงออกมาอื้ออึงแล้ว

เหลยเป้า จิ่วโยว และแม่หม้ายสาวทำร้ายพวกเขา ฆ่าสัตว์เลี้ยงของพวกเขา แล้วพวกเขาจะลืมเลือนได้อย่างไร?

กลุ่มผู้ชมรีบหลีกทางให้พวกของฉู่ชวิ๋นเดินผ่าน

นินจาญี่ปุ่นคนหนึ่งมีสีหน้าตื่นเต้นมากที่สุดเมื่อหันมาเห็นฉู่ชวิ๋น

“เขาพูดว่าอะไร?” ฉู่ชวิ๋นถาม

นายทหารคนที่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นตอบว่า “หัวหน้าครับ เขาพูดว่าคุณสัญญาไว้แล้วว่าจะไม่ฆ่าเขา”

ริมฝีปากของฉู่ชวิ๋นบิดตัวเป็นรอยยิ้ม พูดว่า “บอกเขาไปว่าฉันสัญญาก็จริง ฉันจะไม่ฆ่าเขา แต่ถ้าคนอื่นอยากจะฆ่า ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้”

หลังจากนายทหารแปลคำตอบให้ฟังแล้ว นินจาญี่ปุ่นคนนั้นก็นิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ หลังจากนั้น เขาก็สบถออกมาไม่หยุด ถึงแม้จะฟังคำพูดพวกนั้นไม่ออก แต่ดูจากสีหน้าก็รู้แล้วว่าคงไม่ใช่ถ้อยคำที่ชวนฟังเท่าไหร่นัก

เปรี้ยง!

เสียงปืนกัมปนาท ศีรษะของนินจาญี่ปุ่นผู้ส่งเสียงโวยวายระเบิดกระจุย เสียงโวยวายเงียบหายไปทันที

“เขาเป็นคนญี่ปุ่นใช่ไหมนั่น?” ใครบางคนอุทานออกมา

นินจาญี่ปุ่นคนที่เหลืออยู่เริ่มส่งเสียงอีกครั้ง กลุ่มคนดูก็เริ่มพูดคุยกันต่อ

“ถูกต้อง นอกจากคนของประตูวิญญาณสลายแล้ว คนที่เหลืออยู่ก็เป็นคนญี่ปุ่นทั้งหมด พวกมันโจมตีค่ายทหารเมื่อไม่กี่คืนก่อน ทำให้ทหารของเราตายไปหลายสิบคน” ปันจือหาวพูดเสียงดังหลังได้รับสัญญาณจากฉู่ชวิ๋น

เป็นอีกครั้งที่กลุ่มคนส่งเสียงฮือฮา พวกเขารู้ตัวคนที่โจมตีค่ายทหารแล้ว และคนร้ายต้องถูกลงโทษอย่างสาสม

แต่กลุ่มจอมยุทธ์ไม่ได้คิดอย่างนั้น กลุ่มคนที่โจมตีค่ายทหารคืนนั้น ล่าถอยไปหลังจากที่ฆ่าคนตายไปหลายสิบคน เห็นได้ชัดว่าย่อมมีฝีมือไม่ธรรมดา แล้วคนกลุ่มนี้เสียท่าถูกจับกุมได้อย่างไร? ไม่ว่าผู้ใดต่างก็จ้องมองไปที่เหลยเป้าเป็นตาเดียว

คนพวกนี้เป็นใครกันนะ? พวกเขารู้ซึ้งถึงความร้ายกาจของเหลยเป้าและพรรคพวกแล้ว แต่ก็ไม่มีใครทราบเลยว่าคนกลุ่มนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร?

“ยิ่งไปกว่านั้น เด็กสาวจำนวนมากที่หายตัวไปในเมืองของเรา ก็เป็นฝีมือของพวกมันนี่แหละ” ปันจือหาวยังคงกล่าวต่อไป

ว่าไงนะ?

ชาวเมืองเริ่มส่งเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง ที่แท้การหายตัวไปของเด็กสาวจำนวนมากในเมืองไห่ชิง ก็เป็นฝีมือนักโทษประหารกลุ่มนี้นี่เอง

“ไอ้พวกชาติชั่ว…” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งส่งเสียงตะโกนด้วยความโกรธแค้นเนื่องจากลูกสาวของเขาบาดเจ็บ ยังต้องนอนโรงพยาบาลอยู่ในขณะนี้

“ฆ่ามันเลย ประหารไอ้เลวพวกนี้ไปให้หมด”

ชาวบ้านพร้อมใจกันส่งเสียงด้วยความเดือดดาล

แต่สำหรับกลุ่มจอมยุทธ์แล้วไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย พวกเขาต่างทราบดีว่าประตูวิญญาณสลายมีความน่ากลัวมากแค่ไหน

ฉู่ชวิ๋นยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ก็อดรู้สึกเศร้าสลดใจไม่ได้ ขึ้นชื่อว่าจอมยุทธ์ควรจะปกป้องผู้บริสุทธิ์ แต่ในเมื่อเลือกที่จะมารังแกคนที่อ่อนแอกว่า แถมยังร่วมมือกับกลุ่มคนต่างประเทศ จึงต้องลงโทษอย่างสาสม!

“ยิงได้” ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่ง

เปรี้ยง เปรี้ยง!

เปลวไฟแลบออกจากปลายกระบอกปืน เลือดสาดกระจาย ศพของนักโทษประหารล้มลงไปบนพื้นทีละคน ในเวลาเพียงพริบตาเดียว นักโทษจากประตูวิญญาณสลายและกลุ่มนินจาญี่ปุ่นก็ถูกยิงทิ้งหมดสิ้น

บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบหลังจากนั้น

กลุ่มจอมยุทธ์สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปทันที พวกเขาไม่คิดจริง ๆ ว่ากองทัพจะกล้ายิงเป้าคนของประตูวิญญาณสลายอย่างนี้

“หึ รอดูให้ดีเถอะ ประตูวิญญาณสลายจะต้องแก้แค้นแน่” มีจอมยุทธ์คนหนึ่งส่งเสียงกระซิบขึ้นด้วยความเคียดแค้น

แต่เหลยเป้าได้ยินคำพูดนั้นเข้าพอดี จึงพูดด้วยความเดือดดาลว่า “ไอ้พวกขี้ขลาดตาขาว ประตูวิญญาณสลายมันจะน่ากลัวสักแค่ไหนกันเชียว?

ถ้าแกมีความสามารถมากพอ ก็ออกมาสู้กับฉันเดี๋ยวนี้เลยสิ”

ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาอีกแล้ว เนื่องจากสัตว์เลี้ยงของจอมยุทธ์จำนวนมาก ตกตายไปภายใต้เงื้อมมือของเหลยเป้าและพรรคพวก ทุกคนจึงทราบดีว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อกรของฝ่ายตรงข้ามอย่างแน่นอน

“ประตูวิญญาณสลายก็เป็นเพียงแค่กลุ่มโจรกระจอกเท่านั้น ไม่เห็นที่พวกมันโดนจับตัวมายิงเป้าหรือไง” เหลยเป้าหัวเราะเยาะ

เสียงหัวเราะของเหลยเป้าไม่ทันจะจางหาย อะไรบางอย่างก็ส่งเสียงแหวกอากาศเข้ามา มันเป็นวัตถุมีคมที่พุ่งตรงเข้ามาหาเหลยเป้าอย่างน่าหวาดกลัว

ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปแล้ว ไม่ว่าใครต่างก็ทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดเลยว่าประตูวิญญาณสลายจะลงมือแก้แค้นรวดเร็วถึงเพียงนี้

เหลยเป้าหมุนกระบองในมือด้วยความเยือกเย็น เตรียมรับมือกับสิ่งที่พุ่งตรงเข้ามา

เคล้ง!

ประกายไฟสาดกระจายไปทั่ว สิ่งที่พุ่งเข้ามากระเด็นตกลงไปบนพื้น เมื่อมองจึงพบว่ามันเป็นลูกธนูดอกหนึ่ง

“ฉันจะต้องหาทางแก้แค้นให้ลูกศิษย์ฉันให้ได้” เสียงของใครคนหนึ่งดังกึกก้องท้องฟ้าโดยที่ไม่เห็นตัวคนพูด

“เก่งจริงก็โผล่หน้าออกมา อย่ามัวมุดหัวอยู่แบบนี้” เหลยเป้าส่งเสียงคำราม

“จอมมารฉู่ คืนพรุ่งนี้ แกตายแน่” เสียงลึกลับนั้นดังก้องกังวาลด้วยความอาฆาต

จอมมารฉู่?

กลุ่มจอมยุทธ์ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ถึงกับตกตะลึงไปไม่น้อย ทุกคนรีบถอยหลังออกห่างจากชายหนุ่มคนหนึ่งโดยไม่รู้ตัว

ฉู่ชวิ๋นมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกยุทธภพ

ไม่ต้องสงสัยแล้วว่าทำไมกองทัพถึงกล้าหาญขนาดนี้? ทำไมถึงกล้าสั่งฆ่าเหล่าจอมยุทธ์จากประตูวิญญาณสลายอย่างไม่กระพริบตา ที่แท้ก็เพราะมีจอมมารฉู่คอยหนุนหลังนี่เอง

ท้องไส้ของพวกเขาบิดตัวด้วยความปั่นป่วน ทุกคนทราบดีว่าใครก็ตามที่มีปัญหากับฉู่ชวิ๋น ต่างก็ต้องลงไปคำนับยมบาลหมดทั้งสิ้น

“แกเนี่ยนะจะฆ่าฉัน?” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ถึงกระนั้น เสียงของเขาก็ดังกึกก้องไปถึงหูทุกคน

“ฉู่ชวิ๋น มั่นใจในตัวเองเหลือเกินนะ คืนวันพรุ่งนี้ตอนที่ซากโบราณสถานปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง นั่นจะเป็นเวลาตายของแก”

“คิดจะหนีเหรอ?” ฉู่ชวิ๋นยังคงพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดิม

ก่อนที่เสียงของเขาจะจางหายไป ร่างของฉู่ชวิ๋นก็หายวับไปจากสายตาของทุกคนแล้ว

ณ ดาดฟ้าของตึกสูง 22 ชั้นที่อยู่ห่างออกไป 1 กิโลเมตร ชายวัยกลางคนร่างกายกำยำผู้หนึ่ง กำลังถือคันธนูสีเงินที่ยาวมากกว่าสองเมตร โดยสองตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ฉู่ชวิ๋นในลานจัตุรัสประชาชน

“ฉู่ชวิ๋น ฉันบอกแล้วไงว่าแกมั่นใจในตัวเองมากเกินไป คิดว่าตัวเองเก่งที่สุดในโลกหรือไง? ถ้าฉันจะหนี ใครก็มาหยุดฉันไม่ได้” ชายวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

สำหรับฉู่ชวิ๋น ระยะทางเพียงแค่ 1 กิโลเมตร เขาใช้เวลาเดินทางเพียงแค่กระพริบตาสองทีเท่านั้น เมื่อมาถึงดาดฟ้าของตึกแห่งหนึ่ง ความเร็วของเขาก็ยังไม่ลดลงเลย เท้าของเขาสัมผัสลงไปบนพื้นคอนกรีต แรงกระแทกทำให้พื้นคอนกรีตแตกร้าว แต่มันก็เป็นแรงส่งให้ชายหนุ่มลอยตัวไปข้างหน้าอีกครั้ง ฉู่ชวิ๋นกระโดดไปยันเท้าเข้ากับกำแพงตึกอีกหลังหนึ่งเพื่อเป็นแรงส่งดีดตัวพุ่งไปข้างหน้าแล้วร่างของเขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง

เมื่อชายวัยกลางคนที่อยู่บนชั้นดาดฟ้ามองเห็นว่าฉู่ชวิ๋นกำลังใช้วิชาตัวเบาลอยเข้ามาใกล้แล้ว เขาก็เหยียดยิ้มเย้ยหยันและง้างคันธนูเตรียมยิง

ฟุบ!

ลูกธนูพุ่งแหวกอากาศ เสียงการเสียดสีกันของอากาศดังขึ้น ลูกธนูที่มีอานุภาพทะลุแผ่นเหล็กได้อย่างง่ายดาย พุ่งตรงเข้าไปหาฉู่ชวิ๋น

ฉู่ชวิ๋นยื่นมือออกมาข้างหน้า และใช้นิ้วมือสองนิ้วคีบลูกธนูเอาไว้ ลูกธนูที่ผลิตจากเหล็กกล้าถูกนิ้วมือของชายหนุ่มคีบจนหักออกเป็นสองท่อน

ดวงตาของคนที่อยู่บนชั้นดาดฟ้าเป็นประกายระยิบ อดโน้มตัวมาข้างหน้าพิงราวกั้นดาดฟ้าเพื่อดูเหตุการณ์ให้ชัดเจนไม่ได้

ขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นลอยวูบมาถึงชั้นดาดฟ้าที่เป็นจุดหมายแล้ว

“ฉู่ชวิ๋น ฉันบอกแล้วไงว่าถ้าฉันจะไป ใครก็มาหยุดไม่ได้” ชายวัยกลางคนย้ำคำเดิมด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ฟรึบ!

พลัน แผ่นหลังของเขากางปีกออกมาสองฝั่ง ตามมาด้วยเสียงเครื่องยนต์ทำงานดังหึ่ง ๆ

นี่คือปีกประดิษฐ์ที่ช่วยให้บินในอากาศ

“ลาก่อนนะฉู่ชวิ๋น รีบหนีเอาตัวรอดไปซะสิ ไม่งั้นคืนวันพรุ่งนี้ มันจะเป็นวันตายของแก ฮ่า ๆ …” เสียงหัวเราะดังกังวานไปทั่วท้องฟ้า ปีกจักรกลที่ติดอยู่บนแผ่นหลังของเขามีเปลวไฟพวยพุ่งออกมาแล้ว หลังจากนั้น มันก็พาชายวัยกลางคนลอยขึ้นไปกลางอากาศ

ในตอนนี้ กลุ่มจอมยุทธ์ที่รวมตัวกันอยู่ในลานจัตุรัส ได้ติดตามมาถึงหน้าตึกแห่งนี้แล้ว

ชายวัยกลางคนยังไม่รีบหลบหนีไปทันที แต่ยังคงลอยตัวอยู่กลางอากาศและหันมามองฉู่ชวิ๋นด้วยสายตาดูถูกดูแคลน จากนั้น จึงก้มหน้าลงมาพูดเสียงดังว่า “สหายทั้งหลาย คืนวันพรุ่งนี้จอมมารฉู่จะถูกฆ่าที่ซากโบราณสถานนอกเมือง เชิญมารับชมกันได้ตามอัธยาศัย”

พูดจบ ก็เงยหน้ามองฉู่ชวิ๋นและหัวเราะเยาะว่า “ฉู่ชวิ๋น ถึงแกจะเก่งกล้าสามารถสักแค่ไหน แต่ตอนนี้แกจะทำอะไรฉันได้ล่ะ?”

“ฉันบอกว่าแกจะหนีไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำในบ่อน้ำลึก

“ฮ่าฮ่าฮ่า ตลกสิ้นดี แกบินได้หรือยังไง?” อีกฝ่ายหนึ่งจ้องมองมาด้วยแววตาเหยียดหยาม “ฉันขอตัวก่อน อยากจะรู้เหมือนกันว่าแกจะขัดขวางฉันได้ยังไง?”

“เดี๋ยวก็รู้” ฉู่ชวิ๋นพูดเบา ๆ

ในวินาทีต่อมา เส้นไหมวิญญาณนับพันเส้นก็รวมตัวกันกลายเป็นแส้เส้นหนึ่ง

ฉู่ชวิ๋นสะบัดมือเพียงเล็กน้อย แส้ไหมก็ตวัดออกไป

สีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย เขาง้างคันธนูและเสียบลูกดอก ลูกธนูสีเงินถูกยิงเข้าใส่แส้เส้นไหม แม่นยำจนน่าขนลุก

ควับ!

ในวินาทีที่ลูกธนูพุ่งมากระทบถูกแส้ไหม แส้ไหมก็แยกตัวออกกลายเป็นเส้นไหมนับพันเส้นกลางท้องฟ้า แล้วกลืนกินลูกธนูสีเงินเข้าไปจนหายวับไปกับตา

เส้นไหมวิญญาณกระจายตัวออกเป็นจำนวนมหาศาล

ชายวัยกลางคนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง หนังหัวชายิบ เมื่อนั้นเขาก็หันหลังกลับเตรียมบินหนี เปลวไฟพวยพุ่งออกมาจากใต้ปีกจักรกลของเขา

แววตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายด้วยความอำมหิต เส้นไหมวิญญาณนับพันเส้นของเขารวมตัวกันกลายเป็นแส้เส้นใหญ่อีกครั้ง

ไม่ว่าปีกจักรกลจะบินได้เร็วแค่ไหน แต่ก็เร็วไม่เท่ากับแส้ไหม

ในพริบตานั้น ร่างของชายวัยกลางคนก็ถูกแส้ไหมพันธนาการเรียบร้อยแล้ว

เคล้ง!

แส้ไหมร้อยรัดปีกกลจนบังเกิดเสียงเนื้อเหล็กปริแตกออก

ตู้ม!

ในทันใดนั้น พลังลมปราณถูกส่งผ่านแส้ไหม ทำให้เครื่องยนต์ของปีกกลเกิดความเสียหายขึ้นมา

แต่ชายวัยกลางคนมีลมปราณคุ้มกายห่อหุ้มร่างกายอยู่สามชั้นเป็นเหมือนกับดักแด้ตัวหนึ่ง แส้ไหมของฉู่ชวิ๋นไม่สามารถทะลุเข้าไปได้เลย

เขาจึงหันกลับมาจ้องมองฉู่ชวิ๋น พร้อมกับหัวเราะเยาะว่า “ฉู่ชวิ๋น แกจะมีปัญญาทำอะไรฉันได้?”

“จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 3?” ฉู่ชวิ๋นหรี่ตามองด้วยความสนใจ

“แกรู้ดีเหมือนกันนี่นา ถ้าสู้กันตัวต่อตัวฉันไม่กลัวแกหรอก แต่มีคนอยากฆ่าแกมากเกินไป ฉันเลยลงมือฆ่าแกเพียงคนเดียวไม่ได้”

ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายครุ่นคิดเล็กน้อย ในวินาทีต่อมา ร่างของเขาก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ พลังลมปราณมารวมตัวที่กำปั้นของเขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะต่อยหมัดออกไป

พลังลมปราณจากหมัดของเขาพุ่งออกไปเหมือนกับคลื่นขนาดยักษ์ ส่งผลให้มวลอากาศบนท้องฟ้าสั่นสะเทือนโดยทันที

ชายวัยกลางคนตกตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนที่จะหัวเราะออกมาว่า “ฉู่ชวิ๋น แกมันโง่ อยากรนหาที่ตายหรือไง?”

ในขณะที่พูดประโยคนี้ ชายวัยกลางคนก็โคจรพลังลมปราณมารวมอยู่ที่ฝ่ามือของตนเอง เพียงสะบัดฝ่ามือเล็กน้อย พลังลมปราณอันหนักหน่วงสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา

พลังลมปราณของทั้งสองฝ่ายพุ่งปะทะกัน เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นกลางอากาศ แรงระเบิดรุนแรงมากจนทำให้กระจกของบรรดาอาคารที่อยู่โดยรอบกว่า 1 กิโลแตกกระจายไปในทันที!