ตอนที่ 101 กลับมาแล้ว กลับมากันหมดแล้ว

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 101 กลับมาแล้ว กลับมากันหมดแล้ว!!!

ชีวิตมนุษย์ น่ากลัวที่สุดคือการยอมรับชะตากรรม

เพราะการยอมรับชะตากรรม หมายความว่าไม่อยากดิ้นรน แล้วชีวิตของคุณก็จะเริ่มเดินตามทางที่กำหนดไว้ ไม่มีความตื่นเต้น ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบเกินไป

คุณสามารถมองเห็นตัวเองในอีกห้าปีหลังจากนี้ คุณเดาออกว่าอีกสิบปีข้างหน้าตัวเองกำลังทำอะไร

แต่สิ่งที่ชีวิตต้องการมากที่สุด จริงๆ แล้วก็คือการยอมรับชะตากรรม

ยืนด้วยความมั่นคงและสงบ ไม่มีความคิดสับสนวุ่นวายอีก ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างธรรมดาและเรียบง่ายตลอดไป

ยอมรับหรือไม่ยอมรับชะตากรรม ล้วนเป็นการเลือกของตัวเองทั้งสิ้น

โจวเจ๋อนั่งอยู่บนโซฟา นั่งเหม่อตลอดช่วงบ่าย เหมือนมีเรื่องให้คิดมากมาย และเหมือนจะไม่มีอะไรให้คิด

ภายในกระจกสะท้อนเงาพร่าเลือนของตัวเองออกมา และไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร ตอนที่เขาส่องกระจกไม่รู้สึกเกลียดตัวเองแล้ว

การปรับตัวของมนุษย์มีความแข็งแกร่งมาก ถึงแม้จะเป็นร่างกายของคุณ ถึงแม้จะเป็นเส้นทางชีวิตของคุณหลังจากที่คุณคุ้นชินแล้ว ก็จะไม่รู้สึกอะไรอีก

นี่คือร้านหนังสือของตัวเอง นี่คือชีวิตต่อจากนี้ของตัวเอง

จากนั้นจึงยื่นมือลูบผมทรงสกินเฮดที่ตัวเองสั่งให้ไป๋อิงอิงตัดให้เมื่อครู่

เรียบร้อยและดูดีมาก

โจวเจ๋อเห็นถังซือยืนอยู่หน้าประตู เธอยืนนานสามชั่วโมงแล้ว ยืนตั้งแต่ตอนกลางวันจนถึงตอนบ่าย โดยไม่ขยับตัวอย่างสิ้นเชิง

โจวเจ๋อไม่ถามว่าเธอยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น เพราะทุกคนล้วนต้องการเวลาและพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตัวเอง เวลานี้จึงไม่ต้องการคำปลอบใจของคนอื่น

เขาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมา ล็อกอินเข้าวีแชตของตัวเอง ไม่มีข้อความและไม่มีการตอบกลับ

การยึดติดกับตัวเองในชาติที่แล้ว และยึดติดกับสวีเล่อในชาตินี้ โจวเจ๋อรู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนแรงจริงๆ อันที่จริงควรใช้ชีวิตอย่างเงียบง่ายและมั่นคง เป็นตัวเองในแบบใหม่จะดีกว่า

ปล่อยวางหรือไม่ปล่อยวาง ไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามอดีตไม่สามารถย้อนกลับไปได้ แล้วอนาคตก็เป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง

โจวเจ๋อหยิบสมุดเล่มเล็กของตัวเองออกมาแล้วเปิดอ่านมัน เพื่อรับรู้ความรู้สึกของมัน โจวเจ๋อรู้สึกว่าชีวิตที่เหลือของตัวเอง จะต้องเกี่ยวพันกับมัน อย่างน้อยก็ต้องผูกติดอยู่กับมันนานแสนนาน

ดูเหมือนยมทูตสาวคนนั้นก็มีสมุดเหมือนกัน แต่โจวเจ๋อลองถามแล้ว ไป๋อิงอิงบอกว่าพวกเขาหาไม่เจอ บางทีสมุดเล่มนั้นอาจจะแหลกสลายไปพร้อมกับสายลมแล้ว ไม่ว่าอย่างไรตอนนั้น สมุดเล่มนั้นก็มีแนวโน้มที่จะเสียหายจริงๆ เมื่อยมทูตสาวดับสูญ ความหมายสุดท้ายของการมีตัวตนอยู่ของมันก็ได้หายสาบสูญไปเช่นกัน

ในที่สุดถังซือก็ขยับตัว เธอนั่งลงยองๆ อย่างช้าๆ สองมือวางอยู่บนหัวเข่าของตัวเอง คงเป็นเพราะเธอยืนยานเกินไป ดังนั้นจึงขาชาหรือไม่ก็เป็นตะคริว

โจวเจ๋อหัวเราะ จากนั้นถังซือจึงหันมา มองโจวเจ๋อที่กำลังหัวเราะสะใจผ่านกระจกกั้น รอยยิ้มมุมปากของเธอโผล่ขึ้นมา แต่รอยยิ้มนี้มีความหมายแฝงอย่างเห็นได้ชัด

ราวกับว่าตอนนี้เธอกลายเป็นอีกคนแล้วจริงๆ

เมื่อก่อนเธอไม่ได้เคร่งขรึมขนาดนี้

เจ้าลิงน้อยกระโดดมาอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อ ถือค้อนของเล่นพลาสติกอยู่ในมือพลางโบกไปมา โจวเจ๋อยื่นมือแล้วทุบไปที่ศีรษะของมันสองสามที

ที่ผ่านมา โจวเจ๋อไม่เข้าใจว่าโคลนที่เจ้าลิงทำออกมาเป็นอะไรกันแน่ แต่ประสิทธิผลดูเหมือนจะไม่เลว จึงคิดว่าถ้าหากในอนาคตร้านหนังสือทำเงินไม่ได้แล้ว ตัวเองยังสามารถเปิดร้านขายยาได้

‘ยาต่อกระดูกเฮยอวี้สืบทอดมาจากบรรพบุรุษหุบเขาห้านิ้ว’

แนวคิดนี้ถือว่าไม่เลว

“เจี๊ยกๆๆๆ…”

เจ้าลิงถือโทรศัพท์เครื่องหนึ่งอยู่ในมือ แล้วโบกไปมาต่อหน้าโจวเจ๋อ

โทรศัพท์ของเจ้าลิงน้อยนักพรตเฒ่าเป็นคนซื้อให้มัน จึงแสดงให้เห็นว่านักพรตเฒ่ารักและเอ็นดูเจ้าลิงน้อยขนาดไหน

“จะทำอะไร” โจวเจ๋อถาม

เจ้าลิงน้อยชี้นิ้วไปที่ลำโพงที่อยู่บนกำแพงร้านหนังสือ จากนั้นก็ชี้มาที่โทรศัพท์

“เชื่อมต่อบลูทูธใช่ไหม” โจวเจ๋อถาม

เจ้าลิงน้อยทำหน้างุนงง แต่รู้ว่าน่าจะใช่ มันจึงพยักหน้าหงึกๆ

โจวเจ๋อรับโทรศัพท์ของเจ้าลิงน้อยมา แล้วช่วยเชื่อต่อบลูทูธให้มัน เจ้าลิงน้อยลองเปิดเพลง ‘การกลับมาของเห้งเจีย’ จากนั้นเสียงเพลงจึงดังออกมาทันที

เจ้าลิงน้อยดีใจมาก

จากนั้นเพลงพื้นหลังของร้านหนังสือก็ถูกเปลี่ยนไปเรื่อยตามนิ้วมือของเจ้าลิงน้อย โชคดีที่ไม่มีลูกค้าในร้าน โจวเจ๋อจึงปล่อยให้เจ้าลิงน้อยเล่นตามอำเภอใจ

อันที่จริงเพลงพื้นหลังของห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง มีความพิถีพิถันเช่นกัน

อย่างเช่นตอนแรกถ้าหากเปิดเพลง ‘ชิงหมิงซ่างเหอถู’ ของหลี่อวี้กัง ถ้าหากยามรักษาความปลอดภัยหรือพนักงานในแผนกคนไหนของห้างสรรพสินค้าเห็นโจรที่ขโมยของเป็นประจำแอบเข้ามาในห้าง ก็จะรีบแจ้งไปที่ห้องประชาสัมพันธ์ จากนั้นคนที่อยู่ทางนั้นจะเปลี่ยนเพลงพื้นหลังทันที

ต่อจากนั้นไม่แน่อาจจะเปิดเพลง ‘บีตอิต’ ของไมเคิล แจ็กสัน หรือไม่ก็คือ ‘เธอมันร้าย’ จากนั้นพ่อค้าแม่ค้าก็จะเตือนลูกค้าให้ระวังขโมย

ห้างสรรพสินค้าทุกที่ โดยทั่วไปจะมีกฎในที่ลับที่ต้องปฏิบัติตามอยู่แล้ว กระทั่งบางครั้งบนรถเมล์ คนขับรถเห็นโจรที่ชอบขโมยของเป็นประจำขึ้นมาบนรถ เขาก็จะกดปุ่มแจ้งเตือน

ดังนั้นบางครั้งตอนที่คุณอยู่บนรถเมล์และได้ยินว่า ‘ท่านผู้โดยสารโปรดระวังทรัพย์สินของท่าน…’ ขอให้พวกคุณอย่ามองข้ามคิดว่าเป็นคำพูดไร้สาระเด็ดขาด

โจรพวกนี้โดยพื้นฐานแล้วจะมีเพลงพื้นหลังเป็นของตัวเอง ตอนที่พวกเขาเข้ามา เพลงพื้นหลังเฉพาะตัวก็จะดังขึ้น

ตรงเคานเตอร์บาร์ของร้านหนังสือมีทีวีติดผนังเครื่องหนึ่ง กำลังเล่นภาพยนตร์ ‘เส้าหลินซอกเกอร์’

และในเวลานี้ โจวเจ๋อพบว่าเขาไม่เห็นนักพรตเฒ่าตลอดช่วงบ่าย แต่ไม่ช้าก็มีเสียงข้อความเข้าดังขึ้นสามรอบ

เจ้าลิงสังเกตเห็น จึงปรับเสียง ไม่ช้าก็มีเสียงดังมาจากลำโพงบลูทูธ

“หลองปัน…หลองเหล่า…หม่านเหลยโทวโท้วกงสุยหวิ่งปั๊ดเย่า…”

จากนั้นนักพรตเฒ่าใส่ชุดนักพรตในสภาพเลอะเทอะมอมแมมก็เดินลงบันไดมาอย่างช้าๆ พร้อมกับเพลงประกอบ ‘เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้’

และน่าจะมีพัดลมตัวหนึ่งวางอยู่ข้างหลัง พัดชุดนักพรตสะบัดพลิ้ว อย่าให้พูดเลยว่ามีกลิ่นอายเหมือนเซียนวายุมากแค่ไหน

มือถือดาบไม้ท้อ รำดาบหนึ่งกระบวนท่า นักพรตเฒ่าเหยียบเจ็ดดาว สง่างามน่าเกรงขาม!

โจวเจ๋อยื่นมือลูบคาง โชคดีว่าเป็นนักพรตเฒ่า ถ้าเปลี่ยนเป็นนักพรตหรือพระคนอื่นกล้าแสดงโชว์ในร้านหนังสือของผี ไม่รู้ว่าต้องตายอีกกี่รอบ

เจ้าลิงน้อยยกโทรศัพท์ขึ้นมา หันกล้องไปที่นักพรตเฒ่าแล้วหามุม โจวเจ๋อเงยหน้ามองครู่หนึ่ง พบว่าเจ้าลิงน้อยกำลังไลฟ์สดให้นักพรตเฒ่าอยู่

โอเค เจ้าลิงน้อยฉลาดจริงๆ ฉลาดมากเกินไปแล้ว

บนหน้าจอไลฟ์สดมีข้อความซับกระสุนมากมาย

“เมนต์แรกของฉัน ไม่มีใครเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นใช่ไหม”

“แม่ง ไอ้นักพรตเฒ่าสวัสดีตอนบ่าย!”

“นักพรตเฒ่า เกือบครึ่งปีแล้ว ในที่สุดคุณก็กลับมาไลฟ์สดอีกครั้ง!”

“ท่านนักพรต ฉันคิดถึงคุณจัง ไม่เจอคุณนานมาก ฉันคิดถึงคุณจริงๆ!”

“นักพรตเฒ่านิสัยไม่ดี หายไปนานไม่โผล่หน้าเลย แม่ง เหี้X ไอ้สัตว์”

“เงินกระดาษยังขายอยู่ไหม หรือว่าสินค้าขาดตลาด!”

“พวกคุณเห็นไหม กล้องทางซ้ายมีขนสีเหลืองกระจุกหนึ่ง เป็นตัวอะไร หรือว่าเป็นลิง”

“ฮ่าๆๆ คุณอยากจะพูดว่าลิงกำลังถ่ายภาพให้นักพรตเฒ่ามาตลอดเหรอ เมนต์บนสงสัยจะเป็นคนโง่”

“เห็นด้วย ชั้นบนต้องเป็นคนโง่”

“เมนต์บนพูดถูก!”

“เมนต์บนพูดได้ถูกต้องที่สุด!”

“เมนต์บนพูดถูกมากๆๆๆๆ!”

“แม่งเอ๊ย เมนต์บนขาดคุณธรรมหรือเปล่า เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำเหรอ!”

จากนั้นระดับความนิยมของห้องไฟล์สดก็เริ่มเพิ่มขึ้นตามการกลับมาไลฟ์สดของนักพรตเฒ่า

นักพรตเฒ่าไม่ว่าอย่างไรถือว่าเป็นเน็ตไอดอล มีชื่อเสียงในเรื่องการไลฟ์สดกลางแจ้ง และยังมีแฟนคลับตัวยงกลุ่มหนึ่งที่ไม่เคยทอดทิ้งกัน

อย่างไรก็ตาม คนที่ยอมจ่ายเงินเงินหยวนซื้อเงินกระดาษของนักพรตเฒ่าในราคาที่สูง จะต้องเป็นแฟนคลับตัวยงอย่างแน่นอน!

นักพรตเฒ่าแสดงการรำดาบและกังฟูหมัดมวย เพื่อสร้างบรรยากาศก่อน เนื่องจากว่าเขาไม่ได้ฝึกซ้อมมานานจึงเหนื่อยหอบอย่างเห็นได้ชัด แต่ในเวลานี้ เขาได้โปรยเงินกระดาษปึกหนึ่งไปในอากาศ

“อู๋เลี่ยงเทียนจวิน!”

จากนั้นชูดาบไม้ท้อขึ้นไปข้างบน

“ลมฝนสายฟ้า จงฟังคำสั่งของข้า!”

เงินพวกนั้นเริ่มหมุนรอบตัวนักพรตเฒ่าโดยอัตโนมัติ เป็นระเบียบเรียบร้อย และลอยเป็นรูปแบบต่างๆ ให้ความร่วมมือตามคำสั่งของนักพรตเฒ่า เสริมกันให้เด่นชัดมากขึ้น

“เฮ้ย เอฟเฟกต์ของเขาสุดยอดจริงๆ ไม่ใช่เงินห้าเหมาแบบนั้นแน่นอน!”

“เมนต์บนพูดถูก!”

“ครั้งนี้เมนต์บนพูดถูกจริงๆ!”

“ครั้งนี้เมนต์บนไม่พลาด”

“นี่คือการไลฟ์สดหรือเล่นวิดีโอกันแน่ เฮ้ย!”

“ใช่แล้ว ทุกคนช่วยกันยืนยันหน่อย นี่คือวิดีโอหลังตัดต่อแล้วใช่ไหม”

“นี่คือการไลฟ์สด ไม่เหมือนวิดีโอ!”

“นักพรตเฒ่า ผมต้องเปลี่ยนความคิดที่มีต่อคุณแล้ว เดิมทีคิดว่าคุณเป็นตัวตลก ตอนนี้พบว่าคุณเป็นตัวตลกที่เล่นมายากลได้!”

“ฮิๆๆ เมนต์บนตลกกว่า ฮิๆๆ”

“เชอะ เมนต์บนเป็นโรคจิตเหรอ!”

“ขอชกคนทำเสียงงุงิให้ตายสักหมัด!”

โจวเจ๋อมองไปที่ประตู ถังซือยืนอยู่ตรงนั้น และเห็นได้ชัดว่า เงินกระดาษของนักพรตเฒ่าที่ลอยไปมา เป็นผลจากการควบคุมของถังซือ

โจวเจ๋อสงสัยมาก ด้วยนิสัยของถังซือ อะไรกันที่ทำให้เธอยอมให้ความร่วมมือกับนักพรตเฒ่าเล่นละครตบตาตอนไลฟ์สดแบบนี้

เงินกระดาษร่วงลงมาอย่างเป็นระเบียบ กองอยู่ในมือของนักพรตเฒ่า จากนั้นนักพรตเฒ่าจึงรับโทรศัพท์มาจากเจ้าลิงน้อย ดูระบบแจ้งเตือนก่อน แล้วใบหน้าที่เหี่ยวย่นก็พลันหัวเราะจนตัวงอ เหมือนดอกเบญจมาศเหี่ยว

“ขอบคุณซูเปอร์จรวดของพี่ร้านอาหารไต้ฝุ่น! ขอบคุณซูเปอร์จรวดของพี่เหล่าชิว! ขอบคุณกล่องอาวุธของคุณหลันเสวี่ย! ขอบคุณเครื่องบินลำใหญ่ของเพื่อนนักอ่าน 160107110901124! วันนี้ข้ากลับมาไลฟ์สดอีกครั้ง พวกเพื่อนๆทั้งหลาย พวกคุณก็อยู่ด้วยเหรอ! ท่านผู้ชมทั้งหลาย ข้าคิดถึงพวกคุณจริงๆ!”

ในโทรทัศน์ที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์กำลังเล่นภาพยนตร์ ‘เส้าหลินซอกเกอร์’ มาถึงครึ่งเรื่องแล้ว และในภาพยนตร์ โจวซิงฉือกำลังตะโกนพูดกับเหล่าพี่น้องของตัวเองว่า

“ข้ารู้สึกว่า กลับมาแล้ว กลับมากันหมดแล้ว ทุกคน กลับมาแล้ว…”

…………………………………………………………………………