ผู้หญิงแหงนหน้ามองต้นโพธิ์ ประนมสองมือ พูดอะไรอยู่เงียบๆ
ฟางเจิ้งไม่ไปฟัง แต่รออยู่ข้างๆ ผ่านไปพักหนึ่งเธอถึงหยุดแล้วยิ้มให้ฟางเจิ้ง “หลวงพี่คะ ขอถามหน่อยว่าท่านคือหลวงพี่ฟางเจิ้งใช่ไหม?”
ฟางเจิ้งงุนงง ญาติโยมที่มานี่มีไม่น้อย คนที่มาเพราะรู้จักเขาหรือชื่นชมชื่อเสียงก็มี แต่ว่านั่นเป็นผลจากการโฆษณาของหนังเรื่องล่มเมือง ผ่านไปนานขนาดนี้กระแสผ่านไปนานแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะยังมีคนมาชื่นชมชื่อเสียงเขา
ฟางเจิ้งประนมสองมือ “อมิตาพุทธ อาตมาเอง สีกาหาอาตมามีเรื่องอะไรหรือ?” ฟางเจิ้งพูดแบบนี้ แต่กลับเตรียมตัวถ่ายรูปแล้ว…
ผู้หญิงยิ้มเล็กน้อย “คุณต่งเยวี่ยหรูแนะนำให้ฉันมาค่ะ ฉันกวนผิง ได้ยินชื่อเสียงหลวงพี่ฟางเจิ้งมานานแล้ว ไม่คิดเลยว่าท่านยังหนุ่มแบบนี้”
ฟางเจิ้งตะลึงงัน ต่งเยวี่ยหรู? ใครกัน? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย! ฟางเจิ้งหยั่งเชิงถาม “สีกากวน อาตมาไม่รู้จักโยมต่งที่ว่า สีกามาหาผิดคนหรือเปล่า?”
“เอ่อ…” กวนผิงอึ้งไป มองเณรตรงหน้า รู้สึกใจคอไม่ดีจริงๆ ต่งเยวี่ยหรูไม่ได้บอกกับเธอมากนัก บอกแค่ว่าที่นี่อาจจะแก้ปมในใจให้เธอได้ ด้วยความเชื่อมั่นในต่งเยวี่ยหรูเธอจึงมาที่นี่ ทว่าเณรตรงหน้ากลับยังหนุ่มแบบนี้ มองอย่างไรก็ไม่เหมือนไต้ซือ คนแบบนี้จะช่วยเธอได้จริงๆ? หรือว่าเธอมาผิดที่จริงๆ? แต่เธอสังเกตที่หน้าประตูวัดอย่างละเอียดแล้ว ที่นี่คือวัดเอกดรรชนีจริงๆ ไม่ผิดแน่!
กวนผิงเลยถาม “หรือว่าที่นี่ไม่ใช่ภูเขาเอกดรรชนี วัดเอกดรรชนีคะ? หรือว่ายังมีภูเขาเอกดรรชนีที่สองกับวัดเอกดรรชนีที่สอง แล้วก็หลวงพี่ฟางเจิ้งคนที่สอง?”
ฟางเจิ้งชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นส่ายหน้ายิ้มๆ “แน่นอนว่าไม่มี”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ผิด ส่วนต่งเยวี่ยหรู…อืม พี่ต่งบอกว่าตอนที่ท่านรักษาให้ฟางอวิ๋นจิ้ง เธออยู่ข้างๆ แบบนี้หลวงพี่ฟางเจิ้งพอจะจำได้ไหมคะ?” กวนผิงถาม
ฟางเจิ้งตะลึงงันไปอีกรอบ ตอนที่รักษาให้ฟางอวิ๋นจิ้งต่งเยวี่ยหรูอยู่ข้างๆ ตอนนั้นข้างกายเขาไม่มีใคร! มีก็หมาตัวเดียว แต่เห็นได้ชัดว่าเจ้านี่ไม่ใช่แซ่ต่ง…จากนั้นฟางเจิ้งนึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง
ฉะนั้นฟางเจิ้งจึงเอ่ยว่า “สีการอสักครู่ อาตมาไปถามก่อน”
กวนผิงพยักหน้านิดๆ สื่อว่าเข้าใจ
ฟางเจิ้งไปหลังวัด ควักมือถือออกมาทันที ส่งวีแชตไปหาจ้าวต้าถง หม่าเจวียนและหูหาน ‘พวกโยมรู้จักผู้หญิงที่ชื่อต่งเยวี่ยหรูไหม?’
แต่เวลานี้หม่าเจวียนยังนอนอยู่ ปิดมือถือ หูหานนอนเช่นกัน ส่วนจ้าวต้าถงที่เพิ่งกลับมาจากเมื่อคืนเห็นเข้าพลันตอบกลับ ‘รู้จักครับ เป็นจิตแพทย์ที่เพื่อนเราเชิญมาตอนอวิ๋นจิ้งป่วย ได้ยินว่าเก่งมาก ทำไมเหรอครับ? หลวงพี่ฟางเจิ้งมีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ?’
ฟางเจิ้งมองแวบแรกก็เป็นอย่างนี้จริงๆ เลยถาม “ไม่มีอะไร แค่ถามดู ประสกไปทำธุระเถอะ”
ฟางเจิ้งเก็บมือถือก่อนกลับไปหน้าวัด กวนผิงกำลังแหงนหน้ามองกระรอกบนต้นโพธิ์
“หลวงพี่ฟางเจิ้ง ที่นี่ดีจริงๆ ค่ะ เงียบสงบ แถมมีสัตว์น้อยอยู่เป็นเพื่อน อยู่นี่ฉันรู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะ” กวนผิงพูด
ฟางเจิ้งยิ้มน้อยๆ “บนเขาก็มีดีบนเขา และก็มีความลำบากของมัน อุบาสิกา พวกเรามาคุยเรื่องปัญหาดีกว่า” ฟางเจิ้งร้อนใจเล็กน้อย หมาป่าเดียวดายแบกถังน้ำเบอร์เล็ก จะหวังให้มันเติมน้ำเต็มนาฟ้าคงจะมืดก่อน ถึงผู้หญิงตรงหน้าจะสวย แต่เทียบไม่ได้กับที่ดินทองคำในสายตาเขา นั่นคือลาภปากในอนาคตของเขา!
กวนผิงมองหลวงจีนตรงหน้าแปลกๆ เจ้านี่เป็นผู้ชายรึเปล่า? หรือว่าอยู่กับหญิงงามมันน่าเจ็บปวดหรือไง? ทำไมรู้สึกว่าเขาทำหน้าไม่แยแส รู้สึกอยู่ตลอดว่าอยากจะไล่ให้เธอไป?
กวนผิงเก็บความไม่พอใจในใจไว้ สูดลมหายใจเข้าลึก “พูดตรงนี้สะดวกหรือคะ?”
ฟางเจิ้งมองไปนอกประตู “ถ้าสะดวกที่อุบาสิการหมายถึงคือไม่มีคนฟังล่ะก็ ตรงนี้ได้”
กวนอิงชะงักงันก่อนหัวเราะแห้งๆ สองที “ก็ใช่ค่ะ ถนนถูกปิดแล้ว ใครจะมา”
ดังนั้นสองคนจึงนั่งลง กวนผิงเอ่ย “หลวงพี่ฟางเจิ้ง คืออย่างนี้ค่ะ ฉันกวนผิง ตอนนี้เป็นนักแสดงภาพยนตร์ เกิดในชนบท ชีวิตก็ถือว่าพอได้ แต่เร็วๆ นี้ฉันกลุ้มใจมาก รู้มาว่าพวกพี่สาวน้องสาวใกล้ชิดฉันที่มีค่าตัวการแสดงน้อยกว่าฉัน แต่กลับมีกระเป๋าแบรนด์ดังใช้ไม่ขาดสาย ซื้อเสื้อผ้ากับรองเท้าแบรนด์ดังกันไม่หยุด ต่อมาฉันไปถามถึงรู้ว่าพวกเธอทำเรื่องที่ไม่ควรถึงซื้อมาได้
พวกเธอโน้มน้าวฉัน แต่ว่า…ฉันทำไม่ลงจริงๆ แต่ตอนที่อยู่กับพวกเธอ ฉันดูแตกต่างกับพวกเธอมาก พวกเธอคุยกันเรื่องของฟุ่มเฟือย เครื่องสำอางตลอด แต่ฉันไม่มีสักอย่าง อยู่กับพวกเธอฉันรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ มันทำให้ฉันทุกข์มาก…”
ขณะกำลังพูด มือถือกวนผิงดังขึ้น กวนผิงมองหมายเลขบนหน้าจอก็หน้าเปลี่ยนสี ยืนขึ้น “ขอโทษค่ะ”
กวนผิงเดินเร็วๆ ออกจากวัด รับสายพูดเสียงเบา จากนั้นเสียงเร่งรัดดังแว่วมาจากปลายสาย เหมือนจะรีบร้อนมาก คุยกันสักครู่กวนผิงวางสาย เดินมาอยู่หน้าฟางเจิ้ง เอ่ยด้วยความเกรงใจ “ขอโทษนะคะ ฉันมีเรื่องด่วน ต้องขอตัวก่อน”
“อมิตาพุทธ กลับดีๆ อาตมาจะลงเขาไปตักน้ำเหมือนกัน ไปด้วยกันเถอะ” ฟางเจิ้งพูดจบก็แบกถังน้ำ เดินลงเขาไปพร้อมกับกวนผิง
บนถนน กวนผิงเงียบมาตลอด เดินเร็วมาก ดูรีบร้อนจริงๆ แววตามีประกายวาวเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าในใจเกิดการต่อสู้ดิ้นรนอย่างดุเดือด ชั่วขณะที่ฟางเจิ้งเตรียมไปตักน้ำที่ตาน้ำพุนั้น กวนผิงพลันพูดขึ้น “หลวงพี่คะ ฉันรู้จักคนคนหนึ่ง เขามีเงินเยอะมาก ตามจีบฉันมาตลอด ฉันควรตอบรับเขาไหม?”
ฟางเจิ้งตะลึงงัน ถามเรื่องความรักแบบนี้กับเขา นี่…เขาไม่เคยประสบมาก่อนจะไปชี้แนะให้กวนผิงได้อย่างไร? ฟางเจิ้งประนมสองมือ ยิ้มเจื่อนๆ “อมิตาพุทธ สีกา ถ้าอาตมาเคยมีความรักคงไม่มาอยู่บนเขาหรอก”
กวนผิงหัวเราะแห้งๆ แล้วพยักหน้า “ขอโทษค่ะ รบกวนหลวงพี่ฟางเจิ้งแล้ว”
เอ่ยจบกวนผิงเดินไป ฟางเจิ้งมองเงาแผ่นหลังกวนผิงพลางส่ายหน้าน้อยๆ เขาเข้าใจความรักก็บ้าแล้ว!
ฟางเจิ้งตักน้ำสองถังแล้วขึ้นเขาไป
กวนผิงลงเขามาก็มีรถมารับเธอ ขึ้นรถมา ผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาใกล้กระซิบเบาๆ “เถ้าแก่จางมาแล้ว พี่กวน ตกลงพี่จะรับไหมเนี่ย บอกหน่อยสิ เขาบินมาตั้งห้าพันลี้บ่อยๆ ดอกกุหลาบกองเป็นภูเขาแล้ว จริงใจรึเปล่ายังมองไม่ออกอีกหรือ?”
กวนผิงก้มหน้าลง ไม่ตอบ
รถขับมาถึงลานกว้างของอำเภอซงอู่ ตามด้วยเสียงเครื่องยนต์ดังตึกๆ มาจากบนฟ้า กวนผิงเงยหน้ามองเห็นเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งลดระดับลงมาจากฟ้า ก่อนมีร่างเงาคุ้นเคยเดินลงมาจากในฮอร์ วิ่งเหยาะๆ มาอยู่หน้าเธอ
…………………….