บทที่ 247 พนัน

เมื่อได้ยินอวี้ฮ่าวหรานให้สัญญาอย่างจริงจังอีกครั้ง สวีเซี่ยงจวินจึงเริ่มที่จะรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย เพราะรอบที่แล้วอีกฝ่ายก็ช่วยเขาไว้จากแก๊งทวงหนี้ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นชายหนุ่มคนนี้คงน่าจะมีดีพอที่จะช่วยเขาได้อีกครั้งล่ะมั้ง?

“ก…ก็ได้ ผมเข้าไปด้วยก็ได้ ไม่ต้องลากแขนผมแล้ว!”

จากนั้นทั้งสองคนก็เดินเข้าไปด้านในผับและในทันทีที่พวกเขาไปถึงห้องโถงใหญ่ สวีเซี่ยงจวินก็เห็น ‘เพื่อนเก่า’ ของเขาในทันที

ทันทีที่เขาเห็นและนึกถึงเรื่องที่ไอ้คน ๆ นี้พาเขามาโดนหลอก ก็โมโหจนเลือดขึ้นหน้าทันที

“จางไห่! แกยังอยู่ที่นี่อีกงั้นเหรอ! แกหลอกฉัน แกทำลายชีวิตของฉันจนป่นปี้!”

จางไห่ที่กำลังหยอกล้อคนในแก๊งเดียวกับเขาอยู่ เมื่อเขาเห็นและได้ยิน สวีเซี่ยงจวินตะโกนด่าตัวเขาเอง ก็ระเบิดเสียงหัวเราะทันที

“ฮ่า ๆๆ! ฉันว่าจะออกไปตามหาแกอยู่พอดี ไม่นึกเลยว่าแกจะมาหาฉันถึงที่นี่โดยที่ฉันไม่ต้องเปลืองแรง! เอาล่ะ แกติดหนี้ที่บ่อนนี้สิบล้าน แกรีบ ๆ ใช้มาซะดี ๆ แต่ถ้าหากไม่มีฉันคงต้องขอตัวลูกสาวแกมาขัดดอกเอาไว้ก่อน!”

ในระหว่างที่พูด จางไห่ก็เดินเข้ามาใกล้อวี้ฮ่าวหรานและสวีเซี่ยงจวิน ด้วยสีหน้าเบิกบาน

“แก!!!!”

เมื่อสวีเซี่ยงจวินได้ยินว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนเป้าไปที่ลูกสาวของเขา เขาก็ยิ่งรู้สึกโมโหมากกว่าเดิม

หากเรื่องทั้งหมดมันจบตัวที่ตัวเขาเอง เขาก็พอรับได้ แต่ถ้าหากลูกสาวของเขาต้องมารับเคราะห์ด้วย เขาไม่ยินยอมแน่!

“ฉันจะฆ่าแก! แกหลอกให้ฉันมาเป็นหนี้แล้วแกยังจะคิดชั่วกับลูกสาวของฉันอีก! วันนี้ฉันจะขอสู้ตายกับแก!”

จางไห่เมื่อเห็นเช่นนี้ก็ยิ่งหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม

“ฆ่าฉันงั้นเหรอ? แกไม่มองไปรอบๆ ตัวก่อนล่ะ ว่าแกทำได้หรือเปล่า?”

ในขณะเดียวกัน นักเลง 8 คนก็เริ่มเดินมาล้อมอวี้ฮ่าวหรานและสวีเซี่ยงจวิน

“ฉันขอบอกเอาไว้ให้ชัด ๆ ตรงนี้เลย ถ้าวันนี้แกทำอะไรให้ฉันไม่พอใจแม้แต่นิดเดียว ฉันจะฆ่าแกกับไอ้เด็กหนุ่มที่มากับแกด้วยวันนี้และตรงนี้!”

สวีเซี่ยงจวินหันมองไปรอบ ๆ หลังจากได้ยินคำพูดของจางไห่ และเมื่อเขาเห็นว่าพวกนักเลงได้ล้อมเขาเอาไว้หมดแล้ว จึงรู้สึกกลัวจนตัวสั่น หมดแรงใจที่จะสู้

“ฉัน…”

จางไห่หัวเราะอย่างดูถูกทันทีเมื่อเห็นอาการสั่นกลัวของอีกฝ่าย

“หึหึ แกกลัวแล้วล่ะสิ? เอาล่ะ ตอนนี้แกจงขายลูกสาวแกมาให้ฉันเพื่อขัดดอกซะ…”

“เพี๊ยะ!”

ก่อนที่จะทันได้พูดจบ จางไห่ก็โดนตบปากอย่างแรงจนกลิ้งลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นโดยที่เขาเองไม่ทันได้ตั้งตัว

แน่นอนว่าคนที่ตบไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอวี้ฮ่าวหราน

“พูดมากน่ารำคาญ!”

จางไห่ที่โดนตบและเพิ่งได้สติ เขาเงยหน้าขึ้นไปมองอวี้ฮ่าวหรานที่อยู่ไม่ไกลด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ

ไอ้เวรนี่มันกล้าตบเขาได้ยังไง?

“แก! ไอ้ลูกหมาแกกล้าดียังไงมาตบฉันคนนี้! แกอยากตายนักใช่ไหม!”

ในเวลาเดียวกันพวกนักเลงที่ยืนล้อมอยู่ก็อยู่ในอาการตกตะลึง พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าชายหนุ่มคนนี้จะกล้าตบหน้าจางไห่ในถิ่นของพวกเขาแบบนี้!

อย่างไรก็ตามเมื่อได้สติ อารมณ์ของพวกเขาก็พลุ่งพล่านอย่างฉับพลัน

“ไอ้สารเลวเอ๊ย! แกกล้าดียังไงถึงทำร้ายคนของเราในถิ่นของแก๊งวาฬยักษ์แบบนี้! แกตายแน่!”

หลังจากพูดจบ นักเลงทั้ง 8 คนต่างก็กรูเข้าไปรุมอวี้ฮ่าวหรานทันที

อวี้ฮ่าวหรานเมื่อเห็นภาพนี้ก็พ่นลมหายใจอย่างแรงก่อนที่จะพุ่งเข้าไปหาหนึ่งในนักเลงแปดคนที่กำลังพุ่งเข้ามา และชกไปที่หน้าอกของอีกฝ่ายจนมีเสียงกระดูกหักดั่งลั่น!

“กร๊อบ!”

“โครม!”

ร่างของนักเลงที่ถูกชกกระเด็นถอยหลังไปชนพวกเดียวกันเองอีกสองคนจนล้มระเนระนาด

ถัดมา อวี้ฮ่าวหรานก็พุ่งตัวไปหานักเลงอีก 5 คนที่เหลือและประเคนทั้งหมัด เข่า ศอก แข้ง จนภายในเวลาไม่เกิน 5 วินาที นักเลงทั้งแปดคนก็ลงไปนอนชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นด้วยความเจ็บปวด

“หึหึ เหลือแค่แกแล้ว!”

หลังจากจัดการกับพวกลิ่วล้อหมด อวี้ฮ่าวหรานค่อยๆ เดินเข้าไปหาจางไห่ด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

ทางด้านของจางไห่ เมื่อเห็นเช่นนี้ก็พยายามคลานหนีทันที แต่น่าเสียดายที่แค่เพียงชั่วพริบตา อวี้ฮ่าวหรานก็กุมคอเขาขึ้นมาและถามด้วยสีหน้าเย็นชา

“แกกล้ามากนะที่คิดชั่วกับลูกของเพื่อนแบบนี้!”

จางไห่กลัวจนฉี่ราด แต่น่าเสียดายที่เขาพูดไม่ได้เพราะถูกกำคออยู่ เขาได้แต่ร้องไห้ออกมาอย่างน่าสมเพช

ในขณะเดียวกัน เสียงเอะอะโวยวายนั้นทำให้หวางเว่ยเดินออกมาดูพร้อมกับลูกน้องของตัวเองอีกโขยงใหญ่

เมื่อเห็นสภาพที่เละเทะในห้องโถง หวางเว่ยก็ตกตะลึงอยู่อึดใจหนึ่งเพราะสิ่งนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ด้วยฝีมือคนธรรมดาแน่นอน หลังจากได้สติเขาจึงรีบกระซิบสั่งลูกน้องของตัวเองทันที

“อาหลง แกรีบออกไปตามคนของเราที่อยู่ละแวกนี้ทั้งหมดมาที่นี่เดี๋ยวนี้!”

หลังจากออกคำสั่งเสร็จ หวางเว่ยก็เดินเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ฮ่าๆ น้องชาย นี่มันก็แค่เรื่องติดหนี้เงินกันเล็กน้อย ทำไมต้องลงมือรุนแรงกันด้วย?”

เมื่อเห็นว่าคนที่น่าจะเป็นหัวโจกของที่นี่เดินเข้ามา อวี้ฮ่าวหรานก็โยนร่างของจางไห่ทิ้งไปเหมือนกับทิ้งขยะทันที ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า

“แกเป็นเจ้าของที่นี่ใช่ไหม?”

“โอ้ ไม่ใช่หรอก ฉันแค่เป็นคนดูแลและมีสิทธิ์ในบ่อนนี้บ้างนิดหน่อยก็แค่นั้น”

หวางเว่ยเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ด้วยท่าทางเป็นมิตรราวกับว่าเขารู้จักกับอวี้ฮ่าวหราน จากนั้นก็เหลือบมองไปที่สวีเซี่ยงจวินที่ตอนนี้มีสภาพไม่ต่างจากขอทานและเอ่ยขึ้นต่อ “เรื่องทั้งหมดมันก็แค่เรื่องที่ชายคนนี้เป็นหนี้เท่านั้นไม่ใช่เหรอ? ถ้างั้นทำไมเราไม่มาจบปัญหาเรื่องนี้กันที่โต๊ะพนันอย่างที่ควรจะเป็นล่ะ จริงไหม? ไม่จำเป็นต้องมีใครเจ็บตัวเพราะเรื่องนี้หรอก!”

จบเรื่องนี้ที่โต๊ะพนัน?

เมื่อได้ยินประโยคนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็รู้สึกสนใจ

“แกคิดจะเดิมพันกับฉัน?”

“ฮ่าๆ น้องชายนี่ฉลาดจริงๆ ถูกต้องแล้ว! หากนายชนะฉันจะฉีกสัญญาหนี้ของสวีเซี่ยงจวินทิ้งซะ! ตกลงไหม?”

หวางเว่ยพูดล่อใจอวี้ฮ่าวหรานทันทีโดยที่เขาไม่พูดถึงเรื่องที่ถ้าหากอวี้ฮ่าวหรานแพ้เลยอย่างจงใจ

“ได้ งั้นฉันจะเล่นกับแก!”

หลังจากตกลงกันได้เรียบร้อย โดยการนำของหวางเว่ย ทุกคนก็เข้าไปในห้อง VIP ขนาดใหญ่ที่พอจะจุคนได้ราว 50 คน

จางไห่เดินตามเข้ามาด้านในห้อง VIP ด้วยเช่นกัน เมื่อมีหวางเว่ยอยู่ตรงนี้ด้วย ความโอหังของเขาจึงกลับมาเหมือนเดิม

“ไอ้ลูกหมา วันนี้แกเสร็จแน่! แกไม่รู้ซะแล้วว่าลูกพี่ของฉันคือนักพนันที่เก่งที่สุด วันนี้แกจะต้องเผชิญกับชะตากรรมที่แย่ยิ่งกว่าไอ้สวีเซี่ยงจวิน!”

“ฮึ”

อวี้ฮ่าวหรานเหลือบมองไปที่อีกฝ่ายเพียงพริบตาก่อนที่จะพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา

ในทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานนั่งลงที่โต๊ะพนัน หวางเว่ยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยขึ้นทันที

“เรามาเล่นอะไรที่มันง่าย ๆ ดีกว่า ฉันขอเสนอ ทอยเต๋า!”