บทที่ 248 ผู้ใหญ่รังแกเด็ก

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 248 ผู้ใหญ่รังแกเด็ก!

“ได้! ทอยเต๋า ก็ดีเหมือนกัน!”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าตกลงโดยไร้ความลังเล

ในเวลาเดียวกัน สวีเซี่ยงจวินก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบเตือนขึ้น

“ค…คุณอวี้ คุณอย่าเล่นทอยเต๋ากับเขาเชียวนะ! ฉันเคยได้ยินคนในบ่อนพูดกันว่า เขาคือคนที่ทอยเต๋าเก่งที่สุดจนได้รับฉายาว่าหัตถ์เทพสมุทร!”

สวีเซี่ยงจวินไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอวี้ฮ่าวหรานถึงตอบรับคำท้าเล่นการพนันกับอีกฝ่ายง่ายดายขนาดนี้

ไม่รู้บ้างเลยเหรอว่าพวกคนที่คุมบ่อนนั้นเก่งที่สุดคือเรื่องการเล่นพนัน!

ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจคำเตือนของสวีเซี่ยงจวินแม้แต่น้อย ตรงข้ามกลับผายมือและพูดกับหวางเว่ยด้วยสีหน้าขบขัน

“เอาเลย รีบเล่นกันเถอะฉันยังมีธุระอีกหลายอย่างต้องไปทำหลังจากนี้!”

“ได้! ในเมื่อน้องชายรีบนักงั้นฉันจะเล่นเลยก็แล้วกัน!” หวางเว่ยเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบานทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายยอมตกหลุมพรางเขาง่ายขนาดนี้ เขารีบหยิบถ้วยทอยเต๋าขึ้นมาและใส่ลูกเต๋าสามลูกลงไปก่อนที่จะเขย่าและคว่ำลงบนโต๊ะทันที

‘กิ้ง!’

แน่นอนว่าเขาต้องรีบเล่นเพราะกลัวว่าอวี้ฮ่าวหรานจะเปลี่ยนใจ

“เอาล่ะ รอบนี้พวกเรามาทายจำนวนแต้มของเต๋าแต่ละลูกกัน ใครทายได้ใกล้เคียงที่สุดชนะ! ฉันให้น้องชายทายก่อน!”

หากเป็นการทายผลรวมของแต้มมันง่ายไป ดังนั้นหวางเว่ยจึงให้ทายแต้มของแต่ละลูกเต๋าแยกไปเลย การทายแบบนี้มันยากมากกว่าและเอื้อให้กับคนที่มีประสบการณ์เช่นเขามากกว่าอย่างแน่นอน

มันเป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะชนะเขาในเกมส์แบบนี้

“ให้ฉันทายก่อนงั้นเหรอ? โอ้ แกนี่ใจใหญ่ไม่ใช่เล่นเลย!”

อวี้ฮ่าวหรานยิ้มอย่างเย้ยหยัน เขามีเนตรเทวะที่มองทะลุได้ทุกอย่าง จะต้องไปกลัวอะไร?

“งั้นฉันขอทาย 2,6,1 ก็แล้วกัน”

หลังจากทายจบ อวี้ฮ่าวหรานก็ยิ้มเยาะกับสีหน้าของหวางเว่ย

หวางเว่ยเมื่อได้เห็นสีหน้าที่มั่นใจของอวี้ฮ่าวหรานในขณะที่ทายตัวเลขนี้ออกมา เขาก็ขมวดคิ้วทันที

ทำไมไอ้หนุ่มนี่มันถึงทำหน้ามั่นใจนักราวกับว่าเลขที่มันทายคือจำนวนที่ถูกต้องเป๊ะ ๆ?

ไม่มีทางหรอก แม้แต่ฉันเองยังเดาได้แค่คร่าว ๆ เท่านั้นเอง คนอย่างมันจะไปรู้ได้ยังไง?

ที่มันทำหน้าแบบนี้เพราะกำลังกลบเกลื่อนอาการประหม่าอยู่แน่นอน!

“งั้นฉันขอทาย 3,4,1”

ในที่สุด หวางเว่ยก็เอ่ยคำทายของเขาบ้าง ก่อนที่จะค่อย ๆ เปิดถ้วยครอบออกอย่างช้า ๆ

ทุก ๆ คนที่ยืนดูอยู่รอบโต๊ะต่างลุ้นระทึก และเมื่อถ้วยถูกเปิดออก.. ทุกคนต่างก็อ้าปากค้างด้วยความตะลึง!

นั่นเป็นเพราะแต้มของลูกเต๋าทั้งสามออกมาเป็น 2,6,1 ตามที่อวี้ฮ่าวหรานทายเป๊ะๆ!

หลังจากตกตะลึงไปอยู่ชั่วครู่หนึ่งทุกคนที่ดูอยู่ต่างก็เริ่มวิจารณ์กัน

“นี่มัน…”

“บ้าไปแล้ว! นี่มันเป็นไปได้ยังไง? มันไม่ควรมีใครทายถูกได้แบบเป๊ะ ๆ ขนาดนี้!”

“ตาของไอ้เวรนี่มันมองทะลุถ้วยได้หรือไง?”

ไม่มีใครอยากจะเชื่อกับการทายที่แม่นยำของ อวี้ฮ่าวหราน

ในขณะเดียวกับที่เกือบทุกคนในห้องตกตะลึง มีอยู่คนหนึ่งที่กระโดดโลดเต้น

“ฮ่า ๆ เราชนะ เราชนะ! เราชนะแล้ว!”

สวีเซี่ยงจวินกระโดดโลดเต้นอย่างบ้าคลั่งเพราะนี่มันหมายความว่าเขารอดตัวแล้ว!

ในขณะเดียวกัน หวางเว่ยที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะหรี่ตามองอวี้ฮ่าวหราน ก่อนที่จะถามขึ้น

“ไอ้น้อง นี่แกรู้ได้ยังไง?”

เขามองไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตาที่ทั้งหงุดหงิดและไม่อยากจะเชื่อ ตั้งแต่เขาอยู่ในวงการพนันมาเป็นสิบปี มีไม่ถึงสิบครั้งที่มีคนทายถูกแบบนี้ แต่ปัญหาคือไม่มีสักครั้งที่คนทายจะทายแต้มด้วยสีหน้ามั่นใจแบบชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขา!

“โชค!”

อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับสั้น ๆ ซึ่งแน่นอนว่าถึงแม้หวางเว่ยไม่อยากจะเชื่อแต่เขาก็ไม่สามารถหาคำอธิบายอื่นนอกจากนี้ได้เช่นกัน!

“ฮึ่ม ไอ้น้อง เอ็งมีโชคที่ดีมากจริง ๆ!”

ขณะนี้สีหน้าของหวางเว่ยไม่มั่นใจเหมือนในตอนแรกอีกต่อไปแล้วเมื่อเห็นว่าโชคของอีกฝ่ายมันดีเหลือเกิน เขาเริ่มรู้สึกหนักอกหนักใจขึ้นมา

“ค…คือว่า พี่หวาง พวกฉันไปกันได้หรือยัง?”

หลังจากดีใจเสร็จ สวีเซี่ยงจวินก็ถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ กับหวางเว่ย พวกเขาชนะแล้วดังนั้นพวกเขาควรจะไปกันได้แล้ว ถูกต้องไหม?

แน่นอนว่าเขาสาบานกับตัวเองในใจว่าหลังจากจบเรื่องนี้เขาจะไม่มีวันเหยียบเข้าไปในบ่อนที่ไหนอีกตลอดชีวิต!

เรื่องราวคราวนี้ทำให้เขาเข็ดหลาบ!

“ไปงั้นเหรอ? ฮึ่ม! แกล้อฉันเล่นรึไง?”

หวางเว่ยเมื่อได้ยินคำถาม ก็พ่นลมหายใจอย่างโมโหทันที

“ฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเราจะตัดสินกันแค่รอบเดียว! การตัดสินของเราคือชนะสองในสามต่างหากละโว๊ย! ถ้าพวกแกกล้าออกไปตอนนี้ล่ะก็…ฉันฆ่าพวกแกแน่! พวกแกคิดได้ยังไงว่าหนี้สิบล้านจะหมดไปได้ด้วยการเล่นทอยเต๋าแค่ตาเดียว?”

สวีเซี่ยงจวินแทบเข่าอ่อนเมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเขากลับกลายเป็นสิ้นหวังเหมือนเดิม

เขาไม่นึกเลยว่าจู่ ๆ อีกฝ่ายจะเพิ่มตาเล่นขึ้นมาแบบนี้!

นี่มันเหมือนอีกฝ่ายจงใจไม่ยอมรับความพ่ายแพ้!

ในทางกลับกัน สีหน้าของอวี้ฮ่าวหรานไม่ได้เปลี่ยนไปเลยนอกจากความเย้ยหยันเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหวางเว่ย เขาถามกลับทันที

“ถ้างั้นรอบต่อไปพวกเราจะเล่นอะไรต่อ?”

การที่เขาเล่นพนันกับมนุษย์ธรรมดาแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ใหญ่รังแกเด็ก เพราะเขามีทั้งเนตรเทวะและพลังวิญญาณที่สามารถเปลี่ยนแปลงผลการพนันให้เขาเป็นฝ่ายที่ชนะได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะเล่นอะไรก็ตาม

“ฮึ่ม! ไอ้น้อง แกดูมั่นใจมากเชียวนะ!”

หวางเว่ยเมื่อเห็นสีหน้าของอวี้ฮ่าวหรานที่ไม่สะทกสะท้านอะไรเลย เขาก็ยิ่งหนักใจมากกว่าเดิม

“โชคของฉันดีเหนือผู้อื่นเสมอ ฉันมั่นใจ ไม่ว่าฉันจะเล่นกับแกกี่ครั้งฉันก็จะชนะทุกครั้ง!” อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะ

“เฮอะ! เพ้อเจ้อ! มา คราวนี้เรามาเล่นไพ่กัน! กฎคือจั่วไพ่สามใบแล้วเอามาเทียบกันว่าแต้มของใครสูงกว่า!”

หลังจากพูดจบ หวางเว่ยก็หยิบไพ่ที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาสับทันที

“ฟึ่บ ๆๆๆ”

การสับไพ่เป็นไปอย่างรวดเร็วและน่าอัศจรรย์จนพวกนักเลงที่ดูอยู่รอบ ๆ โต๊ะอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชม

“ลูกพี่ของเราสับไพ่ได้งดงามจริง ๆ”

“ใช่เลย ไอ้เวรที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมันจะมาสู้กับลูกพี่ของเราได้ยังไง? หึหึ”

“…”

ไม่เกิน 10 วินาทีต่อมา หวางเว่ยก็ตบสำรับไพ่ที่สับเสร็จแล้วลงบนโต๊ะและกรีดไพ่ให้แผ่ออก ก่อนที่จะจ้องไปที่อวี้ฮ่าวหรานและพูดว่า

“ฉันสับไพ่เสร็จแล้ว หลังจากนี้เมื่อฉันบอกว่าเริ่ม พวกเราเลือกไพ่พร้อม ๆ กันสามใบ จากนั้นมาดูกันว่าใครได้แต้มมากกว่า K คือไพ่ใหญ่สุด ส่วน A คือไพ่เล็กสุด แกเข้าใจใช่ไหม?”

“รีบ ๆ เล่นเถอะ”

อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ราวกับว่ารู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องชนะ