บทที่ 249 แพ้แล้วพาล

ในขณะนี้ อวี้ฮ่าวหรานยังคงแสดงสีหน้าเย้ยหยันเช่นเดิม เขาไม่กังวลอะไรสักนิดเพราะการเล่นไพ่แบบนี้มันง่ายมากสำหรับเขา

เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลยของอวี้ฮ่าวหราน หวางเว่ยก็หัวเราะขึ้นมาอย่างเย้ยหยันเช่นกัน

“หึหึ แกคงมั่นใจมากสินะ แต่เดี๋ยวแกก็จะรู้ว่าความมั่นใจของแกมันเป็นแค่เรื่องตลก!”

ตัวของเขาเองที่เป็นคนสับไพ่รู้อยู่แล้วว่าไพ่ที่ใหญ่ที่สุดสามใบนั้นอยู่ตรงไหน อีกฝ่ายไม่มีทางชนะเขาในรอบนี้แน่!

“ไอ้น้อง ฉันลืมบอกแกไปอย่างหนึ่ง หากแกชนะฉันรอบนี้ได้ หนี้ของสวีเซี่ยงจวินถือว่าหมดไป แต่ถ้าแกแพ้ ไม่เพียงแต่หนี้จะไม่หายไปแต่แกจะต้องทิ้งแขนของแกเอาไว้ที่นี่ข้างหนึ่ง!”

หลังจากพูดจบ หวางเว่ยพยายามสังเกตสีหน้าของอวี้ฮ่าวหรานโดยหวังว่าอีกฝ่ายจะกลัวขึ้นมาบ้าง

แต่น่าเสียดายที่อวี้ฮ่าวหรานกลับไม่ได้แสดงสีหน้าเปลี่ยนแปลงเลย

ไอ้เวรนี่มันมั่นใจมากขนาดนี้ได้ยังไง?

หวางเว่ยรู้สึกประหลาดใจ แต่เขาเองก็มั่นใจในตัวเองเช่นกันว่าเขาจะไม่แพ้!

“ในเมื่อแกมั่นใจนัก ถ้างั้นก็เริ่มกันเลย!”

เมื่ออดทนไม่ไหวที่จะได้ตัดแขนของอีกฝ่าย หวางเว่ยก็ตะโกนเริ่มทันทีก่อนที่จะเอื้อมมือไปยังไพ่สามใบที่เล็งเอาไว้อย่างรวดเร็ว!

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นแค่เพียงชั่วพริบตา ภาพที่ทำให้ทุกคนบนโต๊ะไม่อยากจะเชื่อก็บังเกิดขึ้น!

ทุกคนเห็นแค่ภาพลาง ๆ ของมืออวี้ฮ่าวหรานที่ไวมาก ๆ หยิบไพ่สามใบขึ้นมาซึ่งใช้เวลาแค่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น!

หวางเว่ยตกตะลึงจนแทบจะอ้าปากค้างเพราะยังไม่ทันทีที่มือของเขาจะได้แตะไพ่ใบแรกที่เล็งไว้ ไพ่ทั้งสามใบที่เขามั่นใจว่าเป็นไพ่ใหญ่สุดก็หายไปแล้ว!

และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองที่อวี้ฮ่าวหราน เขาก็เห็นไพ่อยู่ในมืออีกฝ่ายครบสามใบไปเรียบร้อย!

มันเร็วขนาดนี้ได้ยังไง ฉันคนนี้มองตามไม่ทันเลยด้วยซ้ำ!?

แล้วมันหยิบไพ่ที่ฉันคนนี้ต้องการจะหยิบทุกใบได้อย่างเหมาะเจาะแบบนี้ได้ยังไง?

หรือว่ามันรู้?

แล้วมันรู้ได้ยังไง?

ในหัวของหยางเว่ย ขณะนี้มีแต่คำถามมากมาย

อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้สนใจกับสีหน้าของหวางเว่ย เขาหงายไพ่ลงบนโต๊ะทันที

“ตองคิง! หึหึ ไม่นึกเลยว่าวันนี้ดวงของฉันจะขึ้นถึงขนาดนี้!”

ในระหว่างที่พูด อวี้ฮ่าวหรานก็จ้องมองหวางเว่ยด้วยสายตาล้อเลียน

ในขณะเดียวกันทุกคนที่ยืนดูอยู่ต่างก็ตกตะลึง

ตามกฎแล้ว…ตองคิง คือใหญ่ที่สุดเพราะฉะนั้นมันหมายความว่าต่อให้หวางเว่ยเลือกไพ่ขึ้นมาสู้ตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีก!

“โคตรน่าเหลือเชื่อเลย! ไอ้เวรนี่มันมองทะลุไพ่ได้หรือไงวะ?”

“นี่มัน…นี่ลูกพี่ของพวกเราแพ้งั้นเหรอ?”

“เป็นไปไม่ได้ ไอ้เวรนี่มันคือโคตรเซียนหรือไง!?”

“…”

ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ที่อื้ออึง สีหน้าของหวางเว่ยเปลี่ยนเป็นมืดหม่น

เขานึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะแพ้คาบ่อนของตัวเองแบบนี้!

นี่มันขายขี้หน้าที่สุด!

เขาโกรธ…เขาโกรธมาก!

ในขณะเดียวกัน สวีเซี่ยงจวินก็กระโดดโลดเต้นอีกรอบเมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานชนะ

“ฮ่า ๆ ชนะ! ชนะอีกแล้ว! ฮ่า ๆ พี่หวางตอนนี้พวกฉันออกไปได้แล้วใช่ไหม?”

เขามองไปที่หวางเว่ยด้วยสีหน้าเบิกบานคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะพยักหน้าตอบกลับ

ในทางกลับกัน หวางเว่ยที่กำลังมืดหม่นเมื่อได้ยินคำพูดของสวีเซี่ยงจวิน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำก่อนที่จะตบโต๊ะอย่างแรงและตะคอกขึ้น

“กลับงั้นเหรอ? ฉันจะส่งพวกแกกลับไปอยู่ในหลุมของบรรพบุรุษพวกแกมากกว่า!”

หลังจากตะคอกจบ หวางเว่ยก็พลิกโต๊ะไปที่ด้านข้างให้พ้นทางและชี้หน้าอวี้ฮ่าวหราน

“ไอ้เวรเอ๊ย! แกกล้าทำให้ฉันคนนี้เสียหน้าต่อหน้าลูกน้องของฉันงั้นเหรอ! วันนี้ฉันจะฆ่าแก! ฉันจะสับแกเป็นชิ้น ๆ แล้วให้หมาจรจัดกิน!”

ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างใจเย็นและหัวเราะอย่างเย็นชา

“หึหึ เล่นพนันกระจอกขนาดนี้แต่กลับมีฉายาว่าหัตถ์เทพสมุทรเนี่ยนะ? น่าตลกว่ะ!”

อวี้ฮ่าวหรานรู้อยู่แล้วว่าเรื่องมันจะต้องลงเอยแบบนี้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงรู้สึกเบื่อเล็กน้อย

ในขณะเดียวกันนี้ บรรดาลูกน้องของหวางเว่ยที่มีมากกว่ายี่สิบคนต่างก็หยิบมีดและกระบองเหล็กมาอยู่ในมือ พวกเขาทุกคนต่างจ้องไปที่อวี้ฮ่าวหรานพร้อมที่จะฆ่าได้ทุกเมื่อที่หัวหน้าของพวกเขาสั่ง!

สวีเซี่ยงจวินดวงตาเบิกโพลงด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด ตัวของเขาสั่นอย่างรุนแรงราวกับถูกผีเข้า

เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เป็นตายแบบนี้เขาก็รีบคุกเข่าลงขอร้องทันที

“พ…พี่หวาง…ง…งั้นพวกผมขอยอมแพ้ พวกผมขอยอมแพ้ได้ไหม? ด…เดี๋ยวผมจะหาทางเอาเงินมาใช้คืนพี่แน่นอน โปรดปล่อยพวกผมไปเถอะ!”

“เงินงั้นเหรอ? ใครว่าฉันสนเงินของแกกันวะ? ที่ฉันอยากได้ตั้งแต่แรกมันคือลูกสาวของแกต่างหากไอ้โง่!”

หวางเว่ยตะคอกกลับพร้อมกับถ่มน้ำลายใส่สวีเซี่ยงจวิน

แน่นอนว่าเขาไม่ได้สนใจเรื่องเงินตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ที่เขายอมลงทุนวางแผนมันก็เพราะสวีรุ่ย คนสวยต่างหาก!

“น…นี่…”

สวีเซี่ยงจวินเพิ่งจะตาสว่าง ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงล่อลวงเขา ที่แท้มันเป็นเพราะลูกสาวของเขานี่เอง!

“แก็งวาฬยักษ์นี่มันดีจริง ๆ เพื่อผู้หญิงคนเดียวถึงกับวางแผนชั่วหลายขั้นขนาดนี้”

อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยประชดด้วยสีหน้าดูถูก

“เฮอะ! จะตายห่าอยู่แล้วยังปากดีอีกนักนะแก! ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่าตอนที่ฉันตัดลิ้นของแกแล้วแกยังจะปากดีได้แบบนี้อยู่อีกไหม! เอามันเลยเด็ก ๆ!”

หวางเว่ยเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาก่อนที่เขาจะโบกมือส่งสัญญาณให้คนของเขารุมอวี้ฮ่าวหราน!

สวีเซี่ยงจวินแทบจะหยุดหายใจเมื่อเห็นภาพที่นักเลงมากกว่ายี่สิบคนพุ่งเข้ามาพร้อมกับอาวุธมากมาย ภาพในอดีตต่าง ๆ มากมายผุดขึ้นในหัวของเขาอย่างรวดเร็ว และทั้งหมดนั่นก็ทำให้เขาสำนึกและเสียใจเป็นอย่างมาก

อ่า…นี่สินะความรู้สึกของคนที่ใกล้จะตาย…สวีรุ่ย…พ่อขอโทษ…ชาติหน้าพ่อขอ…เอ๊ะ?

ในขณะที่สวีเซี่ยงจวินกำลังลาตายอยู่ในใจนั้น จู่ ๆ ภาพตรงหน้าก็ทำให้เขาตกตะลึง

จู่ ๆ ที่รอบบริเวณของอวี้ฮ่าวหรานและสวีเซี่ยงจวินกลับมีลมหมุนบังเกิดขึ้นและอีกชั่วเสี้ยววินาทีต่อมาลมหมุนนั้นก็ระเบิดออกเป็นคลื่นกระแทกฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ และนักเลงยี่สิบกว่าคนที่กำลังพุ่งเข้ามาจนกระเด็นออกไปกระแทกกำแพง!

“บรึ้ม!!!”

“เหอะ! มดแมลงอย่างพวกแกจะทำอะไรฉันได้?”

แค่เพียงชั่วเสี้ยววินาทีทุกอย่างที่อยู่รอบตัวอวี้ฮ่าวหรานและสวีเซี่ยงจวินก็ราบเป็นหน้ากลอง!

“เข้ามา! ลุกขึ้นมา! เมื่อกี้มันแค่เบาะ ๆ เอง!”

อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่พวกนักเลงที่นอนล้มระเนระนาดอยู่รอบห้อง เมื่อครู่เขาไม่ได้มีเวลาโคจรพลังสักเท่าไหร่ ดังนั้นคลื่นพลังที่กวาดออกไปมันจึงไม่ได้รุนแรงอะไรนัก มันแค่ทำให้คนพวกนี้กระเด็นออกไปแต่ไม่ได้สร้างความเสียหายมากพอ

ในทางกลับกัน พวกนักเลงที่กำลังนอนล้มกันอยู่นั้นต่างก็พากันมองไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยแววตาตื่นตระหนก พวกเขาลังเลที่จะลุกขึ้นมาสู้กับชายหนุ่มที่น่ากลัวคนนี้!