บทที่ 250 เรื่องราวที่บานปลาย

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 250 เรื่องราวที่บานปลาย

พลังที่อวี้ฮ่าวหรานปลดปล่อยออกมาทำให้พวกนักเลงกลัวจนสิ้นหวัง

ในฐานะที่พวกเขาอยู่ในแก๊งมานาน ดังนั้นพวกเขาจึงเคยเห็นพวกผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งเหนือมนุษย์มาบ้าง แต่ชายหนุ่มคนนี้มันแข็งแกร่งกว่าพวกคนเหล่านั้นที่พวกเขารู้จักไปไกลโข!

อย่างน้อย ๆ พวกคนที่พวกเขาเคยเห็นก็ไม่สามารถปล่อยพลังอะไรแบบนี้ได้!

คนที่แข็งแกร่งขนาดนี้พวกเขาจะจัดการได้ยังไง?

อวี้ฮ่าวหรานยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ แต่เมื่อเขากวาดสายตามองไปแล้วเห็นว่าไม่มีใครขยับตัวเลยสักคนเขาจึงถอนหายใจและเอ่ยว่า

“เฮ้อ…ในเมื่อพวกแกไม่เข้ามางั้นฉันจะไปหาพวกแกเองก็แล้วกัน!”

หลังจากพูดจบ จู่ ๆ ร่างของอวี้ฮ่าวหรานก็หายไปในทันที ก่อนจะไปโผล่ที่ตรงหน้านักเลงคนหนึ่งอย่างฉับพลันพร้อมกับกระทืบลงไปที่เข่าของอีกฝ่ายจนกระดูกแหลกละเอียด!

“กร๊อบ!!”

“อ๊ากกกก!!”

จากนั้นต่อมาเสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ จากจำนวนคนที่โดนบดกระดูกหัวเข่าเพิ่มมากขึ้น

นับจากนี้นักเลงพวกนี้จะไม่มีวันเดินได้เหมือนเดิมอีกแน่นอนไม่ว่าจะเข้าโรงพยาบาลที่แพงสักแค่ไหนก็ตาม!

หลังจากผ่านไปราว 20 วินาที อวี้ฮ่าวหรานก็กลับมายืนที่กลางห้องเช่นเดิมและจ้องไปที่หวางเว่ยซึ่งกำลังยืนตัวสั่นอยู่

หวางเว่ยนั้นเป็นผู้บ่มเพาะเช่นกัน แต่เขาเป็นพวกแรกเริ่มที่อยู่ในขั้นกำลังภายในเท่านั้น เมื่อได้เห็นความแข็งแกร่งของอวี้ฮ่าวหรานขนาดนี้ ก็ไม่กล้าแม้แต่จะโคจรพลังเพื่อต่อต้าน

“น…นี่มันเป็นไปได้ได้ยังไง? ค…คนอายุน้อยอย่างแกแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไงกัน???”

หวางเว่ยเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ทั้งตกตะลึงและหวาดกลัว

เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชายหนุ่มตรงหน้าที่มีอายุยี่สิบกว่า ๆ จะแข็งแกร่งกว่าตัวเอง!

“หึหึ มดแมลงอย่างแกจะไปเข้าใจอะไร? อันที่จริงสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอย่างแกไม่มีสิทธิ์หายใจแรงต่อหน้าฉันด้วยซ้ำ!”

ในระหว่างที่พูด อวี้ฮ่าวหรานก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปหาหวางเว่ยด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

“แก! แกอย่าได้ใจไปนักนะโว้ย!”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มเดินเข้ามา หวางเว่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกทันที แน่นอน…เขารู้ตัวเองว่าเขาสู้อีกฝ่ายไม่ได้แน่ แถมยังเพิ่งมีกำลังภายในได้ไม่นาน แล้วเขาจะไปสู้อีกฝ่ายได้ยังไง?

แต่ถึงแม้เขาจะสู้ด้วยตัวเองไม่ได้ แต่เขาก็ยังมีแก๊งที่คอยหนุนหลังอยู่!

“ฉ…ฉันขอเตือนแกเอาไว้เลยนะโว้ย เมื่อกี้ฉันกดสัญญาณขอความช่วยเหลือไปที่สาขาใหญ่ของแก๊งฉันแล้ว! อีกไม่นานจะมีคนที่แข็งแกร่งเหมือนแก ม…ไม่สิ! มากกว่าแกเป็นสิบคนมาที่นี่! ก…แกมีแค่คนเดียว ถ้าแกทำอะไรฉัน แกไม่รอดแน่!”

เขามั่นใจในแก๊งวาฬยักษ์ของเขาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหลังจากการล่มสลายของแก๊งมังกรคราม แก๊งวาฬยักษ์ของเขาก็ได้รับผลประโยชน์บางส่วนจนแก๊งของเขาผงาดขึ้นมากลายเป็นแก๊งใหญ่อันดับต้น ๆ ของเมืองฮ่วยอัน!

อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกันนี้จู่ ๆ หนึ่งในลูกน้องของหวางเว่ยก็เปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยท่าทีกระหืดกระหอบ ก่อนจะตะโกนขึ้นเสียงดังลั่นโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าสถานการณ์ในห้องตอนนี้มันเป็นแบบไหน ซึ่งทางด้านอวี้ฮ่าวหรานก็หยุดลงและมองดูด้วยความสนใจ

“ล…ลูกพี่ แย่แล้ว!”

“อะไรอีกวะ!?” ในตอนนี้หวางเว่ยที่อยู่ในอาการตื่นตระหนกอยู่แล้วเมื่อได้ยินลูกน้องของตัวเองที่จู่ ๆ ก็เปิดประตูเข้ามาโวยวาย ก็ตะคอกกลับไปทันทีอย่างลืมตัว

“ล…ลูกพี่ พ…พวกเราตอนนี้กำลังแย่แล้ว! พวกแก๊งพยัคฆ์เวหาล้อมอยู่ข้างนอกเต็มไปหมดเลย!”

ถึงแม้ว่าจะโดนตะคอกใส่ แต่ลูกน้องของหวางเว่ยก็ยังคงรายงานด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก

“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกัน!”

หวางเว่ยไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตอนนี้แก๊งพยัฆ์เวหาถึงมาล้อมบ่อนของเขาไว้? พวกเขาทั้งสองแก๊งไม่ได้ขัดแย้งอะไรกันรุนแรงถึงขนาดจะต้องมาล้อมกันแบบนี้นี่นา?

เมื่อเห็นสีหน้าที่สับสนของลูกพี่ตัวเอง ลูกน้องของหวางเว่ยจึงพูดขึ้นอธิบายให้ชัดเจนอีกครั้ง

“ล…ลูกพี่ ตอนนี้หวังเหยียนพาคนของแก๊งพยัคฆ์เวหาเป็นร้อยคนมาล้อมเราเอา จนพวกพี่น้องของเราที่ถูกเรียกให้มาช่วยไม่สามารถฝ่าวงล้อมเข้ามาได้เลย! พวกนั้นมีจำนวนมากกว่าเราไม่ต่ำกว่าสามเท่าได้!”

หวางเว่ยหนาวไปถึงขั้วกระดูกทันทีเมื่อได้ยินข่าวนี้! กำลังเสริมที่เรียกมาไม่สามารถเข้ามาช่วยเขาได้งั้นเหรอ?

แล้วไอ้พวกแก๊งพยัคฆ์เวหามาล้อมบ่อนของเขาเอาไว้ทำไม? นี่มันจะบังเอิญไปหน่อยไหม? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

หลังจากครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด หวางเว่ยเบนสายตาไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยอาการตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิมก่อนที่จะถามเสียงหลงพร้อมกับค่อย ๆ ก้าวถอยหลัง

“ก…แก แกเป็นใครกันแน่วะเนี่ย!?”

ตอนนี้เขากำลังล่วงเกินสัตว์ประหลาดแบบไหนอยู่นี่?

ในความคิดของเขา ความเป็นไปได้เดียวที่แก๊งยักษ์ใหญ่อย่างพยัคฆ์เวหาจะเคลื่อนไหว แถมหัวหน้าสาขาอย่างหวังเหยียนยังที่โด่งดังมาที่นี่ด้วยตัวเองมันน่าจะเป็นเพราะชายหนุ่มคนนี้แน่ ๆ!

หากหัวหน้าแก๊งของเขารู้เข้าว่าเขาสร้างเรื่องใหญ่จนถึงขนาดแก๊งพยัคฆ์เวหาบุกมาขนาดนี้ คงต้องโดนลงโทษหนักแน่ ๆ

ทางด้านของอวี้ฮ่าวหรานเมื่อเห็นเช่นนี้ เขาก็รู้สึกขบขันกับท่าทางของอีกฝ่าย

“ล…ลูกพี่ ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงกันดี?”

จางไห่ที่ยังคงเหลือรอด เพราะอวี้ฮ่าวหรานยังอยากเล่นสนุกกับเขาต่อ เอ่ยถามหวางเว่ยด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

เขาไม่นึกเช่นกันว่าคราวนี้เขากลับล่วงเกินตัวตนที่น่าหวาดกลัวเข้าให้แล้ว!

“แกถามฉันแล้วฉันจะไปถามใคร!?”

หวางเว่ยเมื่อได้ยินคำถามของจางไห่ ก็ตวาดกลับใส่เสียงดังลั่นทันที และจากนั้นเมื่อเขานึกได้ว่าจางไห่เป็นคนคิดแผนการทั้งหมด จึงเตะอีกฝ่ายลอยโด่งไปตกตรงหน้าอวี้ฮ่าวหราน ก่อนที่จะพูดว่า

“บัดซบ! ไอ้หน้าโง่! แกกล้าดียังไงถึงได้ล่วงเกินผู้ยิ่งใหญ่อย่างน้อง…เอ๊ย…พี่ชาย ที่อยู่ตรงหน้าพวกเราแบบนี้!”

หลังจากพูดจบประโยค หวางเว่ยก็เหลือบมองไปที่อวี้ฮ่าวหราน ก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นนอบน้อมอย่างรวดเร็ว

“พ…พี่ชาย ร…เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นความคิดของไอ้เลวนี่ทั้งหมดเลย…มันเป็นคนวางแผนทั้งหมด…ผมไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย…โปรดละเว้นผมเถอะ…”

ในระหว่างที่พูด หวางเว่ยก็ก้มหัวอย่างนอบน้อมสลัดคราบความจองหองที่มีก่อนหน้านี้ไปจนหมด

อีกฝ่ายน่าจะมีตัวตนที่ไม่ธรรมดามาก ๆ ไม่งั้นหวังเหยียนคงไม่มาปรากฏตัวแบบนี้ ดังนั้นถ้าเขาไม่ยอมก้มหัวให้และยังดึงดันที่จะเอาเรื่องต่อไป ตัวเขาอาจจะถูกฆ่าตายตรงนี้ก็ได้ และถ้าหากตายไป อย่างมากที่สุดแก๊งของเขาคงทำได้แค่ขอคำอธิบายจากแก๊งพยัคฆ์เวหาก็แค่นั้น ในตอนนี้หากเทียบความแข็งแกร่งกันแล้วแก๊งของเขายังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับแก๊งพยัคฆ์เวหา

อวี้ฮ่าวหราน เมื่อดูเหตุการณ์มาถึงจุดนี้เองก็เริ่มเบื่อแล้วเช่นกัน “ฉันไม่สนใจว่าพวกแกคนไหนจะเป็นคนต้นคิดเรื่องระยำทั้งหมดนี้ อันดับแรกตอนนี้ที่ฉันต้องการก็คือสัญญาหนี้ของสวีเซี่ยงจวิน จงเอามันออกมาแล้วทำลายทิ้งซะ!”

“ด..ได้เลยพี่ชาย! น…นี่คือสัญญาหนี้ของสวีเซี่ยงจวิน พี่เอามันไปได้เลย!”

เมื่อได้ยินคำพูดของอวี้ฮ่าวหราน หวางเว่ยก็รีบควักสัญญาหนี้ออกมาจากกระเป๋ากางเกงซึ่งเขาเตรียมไว้ก่อนหน้าเพื่อจะเอามันมาเยาะเย้ยอีกฝ่าย แต่ไม่คาดคิดว่ามันจะกลายเป็นตอนนี้เขาต้องเอามันออกมาเพื่อรักษาชีวิตของตัวเอง!

ส่วนคำถามที่ว่าเขาเสียดายไหม? เขาไม่เสียดายมันเลย! ชีวิตของเขามีค่ามากกว่าเงินหรือผู้หญิงอย่างสวีรุ่ยอยู่แล้ว!

ในขณะเดียวกัน ประตูห้องก็ถูกถีบเปิดอย่างแรงและคนของแก๊งพยัคฆ์เวหาต่างก็กระเข้ามาในห้องซึ่งหนึ่งในนั้นคือหวังเหยียน!

เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ หวางเว่ยก็ยิ่งกลัวจนลนลาน หวังเหยียนผู้โด่งดังจู่ ๆ ก็มาปรากฏตัวต่อหน้าเขาแต่ไม่ได้มาในฐานะมิตร แต่เป็นศัตรู ในวงการใต้ดินมีน้อยคนมากที่จะไม่กลัวชายที่ชื่อหวังเหยียนผู้นี้!

และยิ่งไปกว่านั้น การปรากฏตัวของหวังเหยียนมันก็หมายความว่าในสายตาของแก๊งพยัคฆ์เวหา เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่!

“น้องอวี้ นายนี่ช่างเร็วจริง ๆ เลย ฉันเองนึกว่าฉันมาถึงที่นี่เร็วแล้ว แต่แค่เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ นายกลับถล่มที่นี่ซะราบเลย!”