บทที่ 8 ใช้ปราณแทนมีดผ่าตัด!
การกระทำของซูเย่ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของคนรอบข้าง แต่ทำให้คุณพ่อซูเย่ผงะไปครู่หนึ่งและมองซูเย่อย่างสงสัย
“มาให้ลุงกอดหน่อยเร็ว”
เขามองไปที่หลานสาวตัวน้อยอายุหนึ่งขวบ ซูเย่ยิ้มและเดินไปรับหลานสาวตัวน้อยจากลูกพี่ลูกน้องคนโต และเริ่มหยอกล้อเล่นกับเด็กน้อย แต่สายตาของเขากวาดมองผ่านริมฝีปากและใบหูของเด็ก
ริมฝีปากเป็นสีเขียวคล้ำ ใบหูก็เช่นกัน ซูเย่หยอกล้อให้เด็กน้อยหัวเราะเอิ๊กอ๊าก จึงเห็นว่าในช่องปากก็มีสีเขียวคล้ำไม่ต่างกัน!
คิ้วของซูเย่พลันขมวดเล็กน้อย เขาเรียนแพทย์ จึงรู้ดีว่าลักษณะเช่นนี้บ่งบอกถึงอะไร
บ่งบอกว่าเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดเขียว !
“ถ้าเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดเขียวจริง ๆ มือเท้าก็ต้องมีสีเขียวคล้ำด้วย”
ซูเย่รีบเลื่อนสายตาไปยังนิ้วมือและนิ้วเท้าของเด็กน้อยทันที ทั้งสองจุดนี้ต่างก็มีสีเขียวคล้ำ….
คิ้วของซูเย่ขมวดแน่นยิ่งกว่าเดิม แต่หลังจากนั้นก็อุ้มเด็กคืนให้พี่สาวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เมื่อรอจนทุกคนทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ในตอนที่ทุกคนกำลังจะเดินออกจากประตูโรงแรม
“พี่ครับ พรุ่งนี้พาหลานไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสักหน่อยนะครับ”
ซูเย่เดินมาที่ข้างกายลูกพี่ลูกน้องของเขาแล้วกล่าวเสียงเบา
“หืม?”
ลูกพี่ลูกน้องผงะไป แล้วถามด้วยความสงสัย “ทำไมเหรอ?”
“ดูเหมือนว่าหลานหลานจะเป็นโรคหัวใจ”
ซูเย่สัมผัสที่ใบหน้าของเด็ก สีหน้าเคร่งขรึมลงเล็กน้อย
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ไม่ใช่แค่แม่ของเด็กเท่านั้น แต่ทุกคนที่ได้ยินต่างเริ่มตื่นตระหนก
“เสี่ยวเย่ เธอคงไม่ได้ดูผิดแน่นะ”
“เสี่ยวหลานหลานไม่มีอะไรผิดปกติ เธออายุได้หนึ่งขวบ ไม่มีอาการป่วยอะไร แทบไม่เคยป่วยเข้าโรงพยาบาลเลยด้วยซ้ำ”
“ใช่แล้ว หลานหลานก็ปกติดีไม่ใช่เหรอ”
“แล้วหลานหลานไปตรวจร่างกายเป็นประจำหรือเปล่าครับ?”
ซูเย่ถาม
“ไม่ได้ไป”
ลูกพี่ลูกน้องส่ายหัวแล้วกล่าว “เรากลัวโรงพยาบาลจะไม่สะอาด และจะติดเชื้อโดยบังเอิญถ้าพาลูกไปที่นั่น เราดูแลหลานหลานอย่างดีมาโดยตลอด ดูเหมือนว่าหลานหลานจะไม่เคยป่วย เลยไม่เคยไปโรงพยาบาลเลย”
“แม้ว่าโรงพยาบาลจะมีความเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อ แต่ปกติแล้วก็ไม่ง่ายที่จะแพร่เชื้อ การตรวจร่างกายเป็นประจำคือสิ่งสำคัญนะครับ”
ซูเย่กล่าว “ผมเคยเรียนแพทย์แผนตะวันตก ตอนนี้กำลังเรียนแพทย์แผนจีน จากมุมมองของแพทย์แล้ว พี่ควรพาหลานหลานไปตรวจร่างกายจะดีกว่า”
เมื่อทุกคนได้ฟังก็เข้าใจความหมายของซูเย่ทันที ในใจพลันตระหนกขึ้นมา หลานของพวกเขาคงไม่ได้ป่วยจริงๆ หรอกใช่ไหม?
“ได้” ลูกพี่ลูกน้องพยักหน้าทันที แล้วพูดอย่างกังวลใจ “พรุ่งนี้ฉันจะพาลูกไปตรวจที่โรงพยาบาล”
…
“เสี่ยวหลานหลานเป็นโรคหัวใจจริงหรือ?”
ระหว่างทางกลับบ้าน พ่อซูมองไปที่ซูเย่และถาม
“ครับ”
ซูเย่พยักหน้ายืนยัน
“ลูกไม่ได้ดูผิดแน่นะ เด็กเพิ่งอายุแค่ขวบเดียว ถ้ามีปัญหาเรื่องหัวใจจริงๆ จะทำยังไงต่อไป”
คุณแม่ซูกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“หวังว่าจะเป็นผมที่ดูผิดไป”
ซูเย่ถอนหายใจ
“ลูกเป็นนักศึกษาแพทย์ดังนั้นต้องรู้แน่ เสี่ยวหลานหลานรักษาหายได้ไหม?”
คุณพ่อซูขมวดคิ้วและถาม
“รักษาไม่ง่าย”
ซูเย่ส่ายหัว “แต่ด้วยระดับการรักษาในปัจจุบัน สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่หลังจากการรักษา ไม่มีการรับประกันว่าจะเหมือนกับเด็กปกติทั่วไป”
คุณพ่อซูก็ถามขึ้น “ลูกรักษาได้ไหม?”
“คุณนี่ถามอะไรไม่รู้เรื่อง เสี่ยวเย่เพิ่งเรียนแพทย์ได้นานแค่ไหนเอง!”
คุณแม่ซูเอ่ยปากบ่น
“รักษาได้ครับ!”
ซูเย่พูดขึ้นทันที “แต่มันจะใช้พลังเยอะ”
เมื่อคุณพ่อซูได้ยิน เขาก็เข้าใจทันที
เมื่อรู้ว่าซูเย่หมายถึงอะไร คิ้วที่ขมวดอยู่พลันคลายลง ตบไหล่ของซูเย่ด้วยมือใหญ่ของเขา “ยังไงก็ต้องรักษา”
อีกด้านหนึ่ง คุณแม่ซูก็โล่งใจเมื่อได้ยินว่าแม้แต่ลูกชายของเธอก็รักษาให้หายได้ เพราะในเมื่อเสี่ยวเย่สามารถรักษาได้ โรคของเด็กก็คงไม่ได้ร้ายแรงมากนัก
วันถัดมา
ติ๊ดติ๊ดติ๊ด…
เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ โทรศัพท์ของคุณแม่ซูก็ดังขึ้นไม่หยุด
เป็นลูกพี่ลูกน้องของซูเย่โทรมา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ยินบทสนทนา แต่ซูเย่ก็ได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของลูกพี่ลูกน้องที่ดังออกมา
“โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด? ต้องผ่าตัด?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของคุณแม่ซูพลันเหยเก อาการหนักมากเลยงั้นเหรอ?
เมื่อนึกถึงคำพูดของซูเย่เมื่อคืน ก็รีบหันหน้าไปมองซูเย่ทันที
“ผมคุยเองครับ”
ซูเย่เดินมารับโทรศัพท์ในมือคุณแม่ซู แล้วกรอกเสียงพูดกับลูกพี่ลูกน้องที่กำลังร้องไห้ “พี่ครับ อย่าเพิ่งร้อนใจไป แล้วก็อย่าเพิ่งร้องไห้”
“พี่มาที่บ้านผมก่อน เอารายงานการตรวจและพาหลานหลานมาด้วย แล้วผมจะหาทางรักษาหลานหลานให้ได้”
“เสี่ยวเย่ เธอมีวิธีจริงๆ หรือ?”
ลูกพี่ลูกน้องรีบถามทั้งน้ำตา
“ครับ”
ซูเย่พยักหน้า “พี่กลับมาก่อน”
ในไม่ช้า ลูกพี่ลูกน้องก็รีบรุดไปบ้านของซูเย่พร้อมกับลูกและครอบครัวของเธอ ตอนนี้เธอร้องไห้จนน้ำในร่างทั้งหมดแทบจะแห้งเหือดไปหมดแล้ว…
ส่วนดวงตาที่มองไปที่ลูกน้อยก็เต็มไปด้วยความกังวลและความทุกข์ยาก
“ในเมื่อมาแล้ว ก็อย่าเพิ่งร้อนใจไปเลย”
คุณพ่อซูทำให้ทุกคนสงบลงและกล่าว “ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เสี่ยวเย่ไม่ได้เรียนมาอย่างไร้ประโยชน์หรอก ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้เรียนรู้ทั้งแพทย์แผนจีนและตะวันตก นั่งลงก่อนแล้วให้เสี่ยวเย่ตรวจอาการเด็กดูก่อน”
เมื่อพูดจบ ก็ส่งสายตาให้ซูเย่
“ไป เดี๋ยวอาพาไปเล่น”
ซูเย่เดินถือเข็มสำหรับการฝังเข็มไปหาลูกพี่ลูกน้องของเขาพร้อมรับรายงานผลตรวจมา เขายิ้มและหยอกล้อเสี่ยวหลานหลานที่กำลังส่งยิ้มหวานให้เขา
ซูเย่ยิ้มแย้ม พลันอุ้มหลานขึ้นมา พาเข้าไปในห้องนอน
ก่อนเข้าห้อง มองไปทางพ่อหนึ่งครั้ง พ่อซูพยักหน้าให้และมองส่งให้กำลังใจผ่านสายตา เขาเข้าใจความหมายของลูกชายดี ว่าเขาจะต้องช่วยเฝ้าไว้ ไม่ให้ใครไปรบกวน
เมื่อเดินเข้าห้องนอน วางหลานลงบนเตียง ชายหนุ่มจึงก้มมองหลานที่ไม่ร้องไห้งอแง ทำเพียงส่งยิ้มมาให้เขา ก่อนที่ซูเย่จะพลันอดถอนใจไม่ได้ แล้วหยิบผลการตรวจขึ้นมาดู เป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดจริงๆ เขาพยักหน้าเบาๆ ถ้าไม่มีเนตรสวรรค์เกรงว่าเขาก็คงจะรักษาโรคนี้ไม่ได้
‘เนตรสวรรค์!’ เขาเอ่ยขึ้นในใจ เปิดใช้เนตรสวรรค์ทันที และด้วยความสามารถของเนตรสวรรค์ มันก็ทำให้ชายหนุ่มสามารถมองเห็นหัวใจของหลานตัวน้อยได้อย่างชัดเจน
ในตอนแรกเนตรสวรรค์ก็ไม่สามารถมองทะลุได้ แต่เมื่อตอนที่เขาเลื่อนถึงระดับสามเขาถึงได้รู้ว่าเนตรสวรรค์มีความสามารถในการมองทะลุได้เล็กน้อย แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่ เขาไม่สามารถมองทะลุได้ เพราะว่ามีกล้ามเนื้อหนามากกว่า แต่ไม่แน่ว่าถ้าถึงระดับสี่ก็อาจจะมองทะลุได้
ทว่าตอนนี้เป็นเพียงเด็กน้อยอายุหนึ่งขวบเท่านั้น กล้ามเนื้อยังไม่หนามาก ระดับสามยังพอมองทะลุได้ เขายื่นมือออกไปกดที่คอของเด็กน้อยเบา ๆ หลานหลานพลันหลับไปอย่างสงบ
ซูเย่วางมือทั้งสองไว้เหนือหัวใจของเด็กน้อย กระแสปราณไหลออกมาจากนิ้วมือทั้งสิบ เข้าสู่ร่างกายของหลานหลานที่ตำแหน่งหัวใจ หลอมรวมเป็นรูปร่างของมีดผ่าตัดพลังปราณล่องหน
ชายหนุ่มเริ่มการผ่าตัดอย่างระมัดระวัง ถึงแม้ว่านานมาแล้วที่เขาไม่ได้ทำการผ่าตัด แต่เมื่อได้ลงมือเขาก็รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ในตอนนั้นที่เรียนวิธีการผ่าตัดของแพทย์แผนปัจจุบัน ความรู้สึกตอนนั้นยังแจ่มชัดอยู่ ต่อให้ห่างไปสองพันห้าร้อยปีก็ยังคุ้ยเคยอยู่
เพียงแต่ตอนนี้สถานการณ์ค่อนข้างอันตราย ซูเย่ยืนอยู่ที่ข้างเตียง ห่างจากร่างของเด็กน้อยประมาณ 12 เซนติเมตร ปลายนิ้วเป็นท่าจับมีดผ่าตัด ไม่กล้าขยับแรงแม้แต่น้อย ทำได้เพียงค่อย ๆ ขยับอย่างระมัดระวัง
สถานการณ์เช่นนี้ ดำเนินไปเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงถึงได้จบลง
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น
“เห้อ——”
ซูเย่ถอนหายใจยาวหนึ่งเฮือก หยาดเหงื่อซึมทั่วใบหน้า พลังปราณถูกใช้ไปครึ่งหนึ่ง แต่ดีที่อาการป่วยของหลานหายดีแล้ว ไม่มีแผลไม่เจ็บปวด ไม่มีผลข้างเคียงในอนาคตต
“นี่สิถึงเป็นการผ่าตัดส่องกล้องที่แท้จริง”
ซูเย่อมยิ้มน้อย ๆ นั่งลงบนเตียง พร้อมทั้งช่วยหลานสาวตัวน้อยจัดระเบียบเส้นลมปราณในร่างกาย แล้วปลุกให้ตื่นขึ้นมา อุ้มออกไปนอกห้อง
ทันทีที่ก้าวออกมา ซูเย่ก็เห็นลูกพี่ลูกน้องและญาติ ๆ ที่รอคอยอย่างเป็นกังวล
“หายดีแล้วครับ”
ซูเย่อุ้มเด็กน้อยคือให้พี่ แล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว แต่เพื่อความสบายใจ พี่พาหลานไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกสักครั้งก็ได้”
ญาติพี่น้องที่รออยู่ต่างยืนอึ้งค้าง มองไปทางซูเย่อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
หายแล้ว?
ไม่ใช่บอกว่าตรวจอาการหรอกหรือ?
รักษาหายแล้ว??
โรคหัวใจรักษาหายได้เร็วเพียงนี้เชียว ไม่ใช่บอกว่าต้องผ่าตัดหรอกหรือ? เมื่อกี้ที่หยิบเข้าไปก็มีแต่เข็มไม่ใช่หรือ?
“รักษาหายแล้วจริง ๆ เหรอ?”
ลูกพี่ลูกน้องของเขารุดเข้ามาถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ซูเย่พยักหน้า
“เร็วเข้า รีบไปตรวจที่โรงพยาบาล ดูว่าหายแล้วจริงหรือเปล่า”
คุณแม่ซูรีบเอ่ยขึ้นมา
เธอก็กังวลว่าลูกชายจะพูดเกินจริง เพราะอย่างไร โรคมันต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น ทำไมฝังเข็มเท่านี้ก็หายแล้ว
“จริงด้วย ๆ”
ลูกพี่ลูกน้องของเขารีบพาลูกไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกรอบทันที
…
“คิดดีแล้วใช่ไหมครับ?”
เมื่อมองเห็นเด็กที่ตรวจร่างกายเมื่อเช้าแล้วพบว่าเป็นโรคหัวใจแต่กำเนิดปรากฏตัวอีกครั้ง แพทย์หนุ่มจึงพูดเตือนขึ้น “อาการป่วยของเด็กจะรอนานไม่ได้ ยิ่งทำการผ่าตัดเร็วเท่าไหร่ก็จะฟื้นฟูเร็ว พวกคุณควรคิดเพื่อตัวของเด็กเอง”
“คุณหมอคะ ช่วยตรวจอีกรอบได้ไหมคะ”
แม่ของเด็กรีบพูดขึ้นมา
“เมื่อเช้าก็ตรวจแล้วนี่ครับ ตรวจอีกรอบผลก็ยังคงเหมือนเดิม จริง ๆ นะครับ อย่าสิ้นเปลืองเงินเลย”
คุณหมอเอ่ยเตือน
“รบกวนด้วยค่ะ ตรวจให้เด็กอีกครั้งเถอะนะคะ”
เธอยังคงร้องขออย่างดื้อรั้น เธอเชื่อในตัวเสี่ยวเย่
แพทย์จึงออกคำสั่งอย่างหมดหนทางและพาเด็กไปตรวจ
ไม่กี่นาทีต่อมา
“หืม?”
เมื่อได้รับผลตรวจ คุณหมอพลันตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้าง
นี่มันอะไรกัน?
ผมการตรวจเมื่อเช้าเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชัด ๆ หนำซ้ำยังเป็นชนิดที่อาการรุนแรง ในตอนนั้นเพราะกลัวผลตรวจผิดพลาด เขายังตรวจซ้ำเพื่อยืนยันอีกรอบหนึ่ง แต่ผลตรวจก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
ไม่มีทางผิดพลาดแน่! ต่อให้เขาวินิจฉัยผิดพลาด แต่เครื่องตรวจจะผิดพลาดได้ยังไง
แต่… ผลการตรวจที่ปรากฏเข้าสู่สายตาเขาในตอนนี้ เด็กคนนี้แข็งแรงดี?
ไม่มีอาการป่วยใดใดแล้ว???
ระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็รักษาหายได้แล้วเหรอ?
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ลูกพี่ลูกน้องรีบเข้าไปดูผล เมื่อเห็นว่าผลปกติก็ร้องไห้ออกมาทันที
ร้องไห้ด้วยความดีใจ!
เมื่อคืนเธอนอนไม่หลับทั้งคืน เมื่อพาลูกมาตรวจและได้รู้ว่าลูกของเธอเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดในตอนเช้า เธอก็รู้สึกราวกับว่าท้องฟ้ากำลังจะถล่มลงมา
ทว่าตอนนี้ ในที่สุดลูกก็ไม่เป็นอะไร!
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
คุณหมอรีบถาม แล้วนำผลการตรวจฉบับแรกออกมาดู ไม่มีทางตรวจผิดแน่นอน!
หัวใจดวงเดียวกัน แต่แผนภาพหัวใจแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
“ลูกพี่ลูกน้องของฉันรักษาหายได้ด้วยการฝังเข็ม”
เธอเช็ดน้ำตาและพูดอย่างตื่นเต้น
“อะไรกัน?”
“เป็นไปไม่ได้”
เมื่อแพทย์หนุ่มได้ยิน เขาก็พลันตกตะลึง นี่คืออาการป่วยที่ต้องทำการผ่าตัดเท่านั้น การฝังเข็มจะช่วยได้ยังไงกัน!
ลุงของซูเย่ที่อยู่ด้านข้างรีบโทรหาคุณแม่ซูเพื่อรายงานผลว่าปลอดภัยดี
“หายแล้ว รักษาหายแล้ว!”
“ผลตรวจเพิ่งออกมา แข็งแรงมาก ไม่ได้มีอาการป่วยอะไร!” ลุงของซูเย่พูดอย่างตื่นเต้น