เล่ม 1 ตอนที่ 228 โชคดีสุดๆ ไปเลย!

ราชินีพลิกสวรรค์

เครื่องหมายบนแผนที่ อยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งที่พวกนางอยู่ในตอนนี้นัก

 

 

ทว่า พวกนางยังไม่ทันได้เดินไปถึงจุดที่ทำเครื่องหมายไว้ พวกนางก็พบกับข้อความเกี่ยวกับเบาะแสของภารกิจ

 

 

มู่ชิงเกอและเจียงหลีมองหน้ากัน สีหน้าต่างแปลกไป

 

 

บนหินก้อนหนึ่ง สลักเนื้อหาของภารกิจไว้เลยหรือ

 

 

“แค่กๆ… มุ่งไปทางเหนือสิบลี้ ถอนขนนกวิญญาณของวิหคปีกทองหนึ่งก้าน จะได้รับสิบคะแนน จำกัดมากสุดสิบก้าน ระดับความยากของภารกิจ: ระดับสาม” เจียงหลีอ่านเนื้อหาของภารกิจบนกำแพงหิน

 

 

“เป็นทางผ่านหรือไม่” มู่ชิงเกอเอ่ยถามอย่างรู้สึกน่าขัน

 

 

เจียงหลีคิดอย่างละเอียด แล้วยิ้มออกมา “พอดีเลย”

 

 

“ไปสักตั้งดีหรือไม่” มู่ชิงเกอเอ่ยถาม

 

 

เจียงหลีพยักหน้า “ไม่พลาดอยู่แล้ว”

 

 

“ตรงนี้…” มู่ชิงเกอชี้ไปทางกำแพงหินที่สลักเนื้อหาของภารกิจอยู่

 

 

เจียงหลีเลิกคิ้ว เดินก้าวเข้ามา แล้วรวบรวมพลังวิญญาณในฝ่ามือ “ข้าจำได้ว่า ก่อนเข้ามา ในกฎบอกไว้ว่า ที่นี่ นอกจากเจ้าและข้าแล้ว คนอื่นล้วนเป็นศัตรูทั้งสิ้นใช่หรือไม่”

 

 

“ว่าไว้เช่นนั้นล่ะ” มู่ชิงเกอยิ้มพลางมองนาง

 

 

หลังจากนั้น ก็เห็นเจียงหลียกมือขึ้น แล้วถูไปที่กำแพงหินนั้น พลังวิญญาณแทรกซึมเข้าไปในกำแพงหิน ทำให้บนพื้นผิวนั้นมีผงตกลงมา ไม่นาน ตัวหนังสือบนนั้นก็ถูกลบไปจนหมดสิ้น

 

 

“เรียบร้อย!” เจียงหลีปัดมือ สีหน้าดีอกดีใจ

 

 

มู่ชิงเกออมยิ้มแล้วมองนาง เจียงหลีที่เป็นเช่นนี้พบได้ไม่บ่อยนัก นางพลาดวัยแรกรุ่นของเจียงหลีไป ที่เห็นตรงหน้านี้ ก็ได้ชดเชยกับความเสียดายนั้นไปแล้ว

 

 

พื้นที่นี้กว้างใหญ่เพียงใดกันแน่

 

 

เจียงหลีรู้สึกว่า ด้วยความสามารถของมู่ชิงเกอนี้ จะต้องรู้อย่างชัดแจ้งเป็นแน่

 

 

แต่ว่า นางกลับไม่บอก ถึงขนาดแสดงออกอย่างชัดเจนว่า นี่เป็นกาสอบวัดผลของเจียงหลี หากไม่จำเป็น นางก็จะไม่ลงมือ

 

 

ไปทางทิศเหนือสิบลี้ ระยะทางเช่นนี้สำหรับเจียงหลีแล้ว เพียงแค่พริบตาเดียวก็ถึง ส่วนมู่ชิงเกอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

 

 

“เจ้าว่า ข้าจะถอนขนของพวกมันได้อย่างไร” เจียงหลีหลบซ่อนอยู่ในที่ลับ มองดูวิหคปีกทองที่บินวนเวียนอยู่บนท้องฟ้าท่ามกลางหุบเขา

 

 

ปีกสีทองอร่ามสวยงามบนตัวของพวกมัน สำหรับเจียงหลีแล้ว ก็คือคะแนน! คะแนน!

 

 

“ยิงตกลงมาสักตัว น่าจะได้ปีกวิญญาณครบสิบก้านแล้ว” มู่ชิงเกอกล่าวอยู่ข้างกายของนาง

 

 

เจียงหลีพยักหน้าอย่างแรง “ได้! เอาตามนี้แล้วกัน! เจ้ายิงนก ข้าถอนขน! ”

 

 

โธ่เอ๊ย!

 

 

เจียงหลีรู้สึกว่าตนเองถูกผลักออกไปกะทันหัน ทั้งร่างลอยออกจากที่ซ่อนตัว กระโจนเข้าท่ามกลางวิหคปีกทองกลางอากาศ

 

 

นางพยายามจะบังคับตัวเองไว้ แล้วหันหน้ามาหาตัวการคนร้ายนั่น โมโหจนแยกเขี้ยวยิงฟัน

 

 

ส่วนมู่ชิงเกอกลับยืนอยู่ที่เดิม โบกมือให้นางแล้วยิ้มกล่าว “เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ จะขวางทางจักรพรรดินีเจียงผู้ยิ่งใหญ่ของเราได้อย่างไร”

 

 

“มู่ชิงเกอคนสารเลว!” เจียงหลีด่าเสร็จก็รีบตั้งสติ ตั้งใจตั้งรับกับการต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้า

 

 

มู่ชิงเกอก็พูดง่าย หากนางยิงวิหคปีกทองมาได้หนึ่งตัว เกรงว่าวิหคปีกทองทั้งฝูงนี้ก็คงจะมาจิกนางจนตายเป็นแน่!

 

 

อีกอย่าง เมื่อเข้าใกล้นางถึงได้รู้ว่า วิหคปีกทองเหล่านี้ล้วนเป็นหลิงเจี้ยงการฝึกฝนขั้นหนึ่งทั้งสิ้น

 

 

จะใช้ไม้แข็งมิได้! จะสู้กันซึ่งหน้ามิได้!

 

 

เจียงหลีกลอกตา ฉวยโอกาสลอยตกลงไปบนพื้น หลบการจู่โจมของวิหคที่ถูกชักนำมา

 

 

ในรังของวิหคปีกทอง จู่ๆ ก็มีมนุษย์ปรากฏกายขึ้น ทำให้เหล่าวิหคตื่นตระหนกกันขึ้นมาและเข้าจู่โจมเจียงหลี

 

 

ส่วนเจียงหลีร่างกายคล่องแคล่วนัก ท่ามกลางการรวมพลังจู่โจมของวิหคปีกทอง ก็ไหลลื่นได้ดั่งไส้เดือน หลบหลีกไปในช่องว่างแล้วค่อยๆ ลอยตัวต่ำลงไปเรื่อยๆ

 

 

ในหนังสือบอกว่า วิหคปีกทองขยายพันธุ์ยาก สำหรับพวกมันแล้วชนรุ่นหลังเป็นสิ่งล้ำค่าอย่างมาก ระหว่างที่ลอยตกลงมา เจียงหลีก็ค้นหาเกี่ยวกับจุดอ่อนของวิหคปีกทองในสมองอย่างรวดเร็ว

 

 

ดูเหมือนว่านางจะกำลังหลบหลีกการจู่โจมแล้วตกลงไป แต่ด้านล่างของนางกลับมีรังของวิหคปีกทองปรากฏอยู่ตรงหน้า

 

 

ที่โชคดีมากที่สุดนั้นคือ ในรังนั้น มีไข่ของวิหคปีกทองใบหนึ่งนอนสงบอยู่ในนั้น

 

 

ดวงตาของเจียงหลีเป็นประกายขึ้นมา พยายามใช้แรงดิ่งลงกลางรังนกนั่น มือทั้งสองก็อุ้มประคองไข่วิหคดั่งอุ้มลูกน้อย

 

 

“หยุดนะ มิเช่นนั้นข้าจะโยนให้แตกเลย! ” เจียงหลีชูไข่วิหคขึ้น พูดข่มขู่วิหคปีกทองเหล่านั้นที่ล้อมนางอยู่

 

 

เป็นจริงดั่งนางคิด ภายใต้การข่มขู่ของนาง วิหคที่โหดร้ายเหล่านั้นก็ทยอยกันหยุดลง แต่ก็ยังคอยจ้องจะทำร้ายนางอยู่

 

 

เจียงหลีกวาดสายตาไป ตรงนี้มีวิหคยี่สิบตัวพอดีไม่มากไม่น้อย

 

 

นางยกยิ้ม “แต่ละตัวเด็ดขนของตัวเองมาหนึ่งก้าน วางไว้ด้านนอก แล้วข้าจะวางไข่ใบนี้ลง มิเช่นนั้น…” นางไม่ได้พูดประโยคต่อไป แต่ชูไข่สูงขึ้นกว่าเดิม

 

 

สายตาของวิหคปีกทองโหดร้ายยิ่งขึ้น

 

 

เจียงหลียิ้มเยาะ “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าฟังออกว่าข้าพูดอะไร แค่ขนนกวิญญาณก้านเดียว สำหรับพวกเจ้าแล้ว ไม่รู้สึกอะไรหรอก หรือว่า ขนนกวิญญาณเหล่านี้สำคัญกว่าไข่ในมือข้า”

 

 

คำขู่ของนาง ทำให้เหล่าวิหคปีกทองต่างก็เงียบไป

 

 

มนุษย์เจ้าเล่ห์คนนี้ กล้ามาขู่พวกมันได้!

 

 

ที่น่าชังที่สุดคือ เหมือนว่าพวกมันจะไม่มีทางเลือกอื่น

 

 

ฉึก!

 

 

วิหคปีกทองตัวหนึ่งใช้ปากดึงขนนกวิญญาณก้านหนึ่งออกมาแล้ววางไว้ตรงที่เจียงหลีกำหนด มีหนึ่งก็มีสอง ไม่นาน วิหคปีกทองที่ล้อมเจียงหลีอยู่ก็ทยอยกันดึงขนนกวิญญาณของตนเองมาตัวละหนึ่งก้าน

 

 

ไม่ช้า ขนนกวิญญาณสีทองอร่ามยี่สิบก้าน ก็ปรากฏตรงหน้าเจียงหลี

 

 

“ถอยไป ออกไปให้ห่างจากข้า” เจียงหลีมองดูขนนกวิญญาณเหล่านั้นแล้วยิ้มออกมา

 

 

เหล่าวิหคปีกทองมองดูนางอย่างระแวง เนื่องจากไข่ในมือนาง จึงจำเป็นต้องค่อยๆ ถอยออกไป

 

 

เจียงหลีย่ำเท้าออกมา เก็บขนนกวิญญาณยี่สิบก้านนั้นกอดไว้ในอก ทันใดนั้น นางก็โยนไข่ในมือออกไปไกล

 

 

เหล่าวิหคที่คิดจะซุ่มโจมตีนางตอนนางออกไปนั้น ร้องเสียงแหลมแล้วพุ่งไปยังไข่ใบนั้นไม่ได้สนใจเจียงหลี

 

 

เจียงหลีใช้โอกาสนี้ใช้ม่านบังตาทะลุมาข้างกายมู่ชิงเกอในพริบตา

 

 

มู่ชิงเกอยกนิ้วให้เจียงหลี กลับถูกนางลากวิ่งหนีไป “รีบหนี!”

 

 

ตุบ!

 

 

ไข่วิหคหล่นลงพื้น ทำเอาวิหคปีกทองตกใจจนตาแทบหลุด

 

 

ยังโชคดีที่ตำแหน่งที่ไข่วิหคหล่นลงมีหญ้าหนารองอยู่ จึงไม่ได้รับความเสียหายใด

 

 

ไข่วิหคไม่เป็นอะไร เหล่าวิหคปีกทองก็โล่งใจ ทว่า เมื่อพวกมันรู้ตัว คิดจะทำร้ายมนุษย์ที่กล้ามาข่มขู่พวกมัน แต่กลับพบกว่า มนุษย์เจ้าเล่ห์ผู้นั้น ได้หายไปพร้อมกับขนนกวิญญาณที่พวกมันถอนออกด้วยตนเองอย่างไร้ร่องรอย

 

 

“ฮ่าๆ…! สะใจ! สะใจจริงๆ!” เมื่อวิ่งมาถึงจุดที่ปลอดภัยแล้ว เจียงหลีก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

 

 

มู่ชิงเกอมองนางอย่างขบขัน ยกมือคารวะยินดีด้วย “ยินดีกับจักรพรรดินีเจียง รู้จักใช้กลลวงแล้ว”

 

 

เจียงหลีกลอกตาใส่นาง ทอดถอนใจกล่าว “ตอนแรกข้าจำเป็นต้องใช้แผนในการบรรลุเป้าหมายที่ไหนกัน” เครือข่ายข้อมูลของกู่อูกั๋ว หลินชวนไร้ใครเปรียบ สายเลือดของนาง ปราบได้ทั้งเมือง ฉะนั้น มิใช่เพราะนางเกียจคร้าน แต่นางไม่จำเป็นต้องใช้กลลวงใดจริงๆ!

 

 

“จริงสิ ทำไมเจ้าถึงต้องเอาขนนกวิญญาณยี่สิบก้านเล่า จำนวนสูงสุดคือสิบก้านมิใช่หรือ” มู่ชิงเกอเอ่ยถามอย่างสงสัย