ตอนที่ 269 คนที่ช่วยไม่ได้ (2)

บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์

กวนผิงมองฟางเจิ้งอีกครั้งพลันตกใจสะดุ้ง! ฟางเจิ้งหายไป แต่แทนที่ด้วยผู้หญิงชุดคลุมขาว ใบหน้าเคร่งขรึมแฝงไว้ด้วยความเมตตา เธอนั่งบนดอกบัว ธรรมจักรสว่างไสวเบื้องหลัง! กวนผิงแทบจะเอ่ยขึ้นโดยจิตใต้สำนึก “พระโพธิสัตว์กวนอิม?!”

แน่นอนว่าตรงหน้าไม่ใช่พระโพธิสัตว์กวนอิม แต่เป็นร่างจำแลงฟางเจิ้ง ฟางเจิ้งยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้พยักหน้าหรือส่ายหน้า แต่หัวเราะเบาๆ “ในมืออาตมามียาเม็ดหนึ่งชื่อว่าลืมสรรพสิ่ง สีกากินมันแล้วจะเมินเฉยต่อเงินทองทั้งหมด เมินต่อชื่อเสียง แน่นอนว่าความยั่วยวนจากเงินทองที่สีกาว่าจะหายไป ไปจากสีกา แต่สีกาต้องเข้าใจว่าถ้าปฏิเสธความยั่วยวนนี้ ทุกอย่างของสีกาจะกลับไปเป็นอดีต เลือกทางไหนดี สีกาเลือกเองเถอะ”

กวนผิงงุนงง ไม่นึกเลยว่าพระโพธิสัตว์กวนอิมจะมอบเม็ดยาแบบนี้ให้ จึงแอบหยิกต้นขาตัวเอง เจ็บ! ไม่ได้ฝัน! ในเมื่อไม่ใช่ฝัน ทุกอย่างนี่เป็นของจริง พระโพธิสัตว์เป็นของจริง ยานี่ก็ของจริง!

คิดถึงตรงนี้กวนผิงใจเต้นระรัว หัวใจเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ สายตาจับจ้องเม็ดยาลืมสรรพสิ่ง แววตาวูบวาบไม่แน่นอน เห็นได้ว่ากำลังดิ้นรนอย่างดุเดือดในใจ

เวลาผ่านไปทีละนาที ฟางเจิ้งไม่ได้แสดงท่าทีเร่งรัดอีกฝ่าย แต่รอคอยเงียบๆ

สิบนาที ยี่สิบนาที หนึ่งชั่วโมง…

ทว่าตรงส่วนลึกในใจกวนผิงยังตรึกตรองถึงคำถามข้อหนึ่งตลอด ถ้ากลับไปเมื่อก่อน เธอกลับไปได้หรือ?

ไม่มีบ้านพักตากอากาศ ไม่มีรถ ไม่มีกระเป๋าแบรนด์ดังต่างๆ…ไม่มีอะไรเลย กลับไปห้องใต้ดินที่เซิ่งจิง หิ้วกระเป๋าก๊อปเกรดเอ ต้องกลัวถูกคนรู้ว่าเป็นของปลอมตลอดเวลา ใช้เครื่องสำอางทำร้ายผิว สวมเสื้อผ้าก๊อปเกรดเอ…นึกถึงตรงนี้ กวนผิงอดหนาวสั่นไม่ได้

ทว่าหากไม่กินยานี่? เธอก็ยังได้รับทุกอย่างที่มีอยู่ตอนนี้ ทว่าเธอต้องจ่ายชื่อเสียง ชื่อเสียงไม่ดีที่เป็นผู้หญิงคารวะเงินจะติดตัวเธอตลอดไป ถ้าอีกฝ่ายทิ้งเธอ เธอจะได้เงินจำนวนหนึ่ง แต่เกรงว่าคงไม่มีวันชะล้างชื่อเสียงได้ ถึงกระนั้นชื่อเสียงสำคัญจริงๆ หรือ? เป้าหมายที่เธอมาที่นี่เพื่อกลับไปอดีตจริงๆ หรือ?

คำตอบมันแน่นอนอยู่แล้ว! เธอไม่อยากกลับไป เธอมาที่นี่ พูดเรื่องพวกนี้เพียงเพื่อ…หาคนที่ไม่รู้จัก หาคนที่ไม่แพร่งพรายเรื่องของตนแล้วเล่าให้ฟัง แค่ต้องการการยอมรับจากอีกฝ่ายเท่านั้น! ขอเพียงมีหนึ่งคนยอมรับ เธอจะปล่อยวางได้ทุกอย่าง แล้วแสวงหาทุกอย่างที่ต้องการโดยไม่สนสิ่งใด! เพียงแต่ไม่นึกเลยว่าการเลือกนับครั้งไม่ถ้วน สุดท้ายแล้วมาอยู่ที่พระโพธิสัตว์ เธออยากจะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตาจริงๆ เธอไม่อยากให้พระโพธิสัตว์รู้ว่าตนเป็นผู้หญิงคารวะเงิน เป็นผู้หญิงเลว…

ฟางเจิ้งมองกวนผิงพลางถอนหายใจอยู่ภายใน ส่ายหน้าเล็กน้อย เก็บยาไป “โลกิยะทางโลกคือนรก ความยั่วยวนมักจะอยู่ในปณิธานแรกสุดไม่เปลี่ยนแปลง เลือกเอาทางใดดี สีกาคิดเอาเองเถอะ”

พูดจบฟางเจิ้งเก็บอภินิหาร กวนผิงตาลาย พระโพธิสัตว์หายไป คนตรงหน้ายังคงเป็นเณรขาวสะอาด รอยยิ้มเจิดจรัสราวกับแสงตะวัน สงบนิ่ง อ่อนโยนและดีงาม แววตาแฝงไว้ด้วยใบไม้ต้นโพธิ์ ราวกับมีผีเสื้อบินร่ายรำรอบกายจึงดูศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์เป็นพิเศษ

“สีกามีคำถามอะไรไหม?” ฟางเจิ้งถาม

“เอ่อ หลวงพี่ ท่าน…เมื่อกี้?” กวนผิงไม่แน่ใจว่าฟางเจิ้งรู้เรื่องพระโพธิสัตว์แสดงปาฏิหาริย์หรือไม่ เลยหยั่งเชิงถาม

ฟางเจิ้งทำหน้าว่าฉันบริสุทธิ์มาก ถาม “เป็นอะไร? เมื่อกี้สีกาพูดถึงไหนแล้ว?”

กวนผิงส่ายหน้า “ไม่มีอะไรค่ะๆ…เอ่อ หลวงพี่ฟางเจิ้ง ฉันมีธุระ ขอตัวก่อนนะคะ” พูดจบกวนผิงยืนขึ้น ออกจากวัดเอกดรรชนีด้วยสภาพย่ำแย่ เดินลงเขาไปเร็วๆ

ฟางเจิ้งมองเงาแผ่นหลังกวนผิงพลางส่ายหน้า ถ้าเป็นเขาเมื่อก่อนจะต้องชี้นำให้กวนผิงเลือกกลับฝั่งแน่ แต่ตอนนี้เขาไม่ทำแบบนั้น ทุกคนต่างเลือกจ่ายเพื่อตนเอง สิ่งที่เขาทำได้ก็แค่ให้โอกาสเธอเลือกอย่างจริงจังเท่านั้น

กวนผิงออกจากวัดเอกดรรชนี นั่งเหม่ออยู่บนรถ ตอนนี้เธอเข้าใจนิดๆ แล้วว่าทำไมต่งเยวี่ยหรูถึงให้เธอมาหาฟางเจิ้ง ต่งเยวี่ยหรูก็ดี จิตแพทย์คนอื่นๆ ก็ดี ล้วนเข้าใจความคิดเธอ เธอตัดสินใจนานแล้ว ที่ไปหาจิตแพทย์ก็เพียงเพื่อปลอบใจตนเองเท่านั้น บางทีอาจเพื่อให้เหตุผลกับเธอ

ลงเขามา รถโรลล์รอยส์คันหนึ่งจอดอยู่ กวนผิงมองรถโรลล์รอยส์คันนั้นพลางนึกถึงทุกอย่างของตน สุดท้ายถอนหายใจขึ้นไปนั่งรถโรลล์รอยส์ วินาทีที่ขึ้นไป เธอยิ้ม สุดท้ายก็เลือกและยิ้มเพื่อตัวเอง ขณะเดียวกันมีหยดน้ำตาไหลมาจากหางตา บางทีนี่อาจเป็นการบอกลาอดีตตัวเอง

รถแล่นไป บนเขา ฟางเจิ้งยืนมองภาพนี้บนหน้าผา ส่ายหน้าเล็กน้อย “โลกิยะดั่งนรก แผดเผาจิตใจคน บางคนมองเห็นความหวังจากนรก บางคนถลำเข้าไปอย่างฉุดไม่อยู่ นรกอยู่ที่ใด? นรกอยู่ในใจ จิตใจเข้าสู่นรก กายเข้าสู่นรก อมิตาพุทธ…”

กวนผิงไปแล้วก็ไม่กลับมาวัดเอกดรรชนีอีก แต่อีกหลายเดือนต่อจากนี้ฟางเจิ้งจะได้เห็นข่าวเกี่ยวกับเธอ

‘กวนผิงในวันวานเกิดปัญหาในครอบครัว แต่ก็ยังยิ้มให้กับกล้องพลางพูดว่า ‘ร่วงแล้ว’’

ครึ่งปีต่อมาฟางเจิ้งได้รับวีแชตจากกวนผิง ‘หลวงพี่ ถึงฉันจะพลาดโอกาสกลับไปอดีต แต่ฉันไม่เสียใจ ฉันก็คือฉัน ยอมร้องไห้ในบ้านหรูดีกว่ายิ้มในห้องใต้ดิน ฉันไม่เสียใจ จริงๆ…’

วันต่อมากวนผิงเป็นข่าวอีกครั้ง เธอกระโดดตึก…

“ถึงคราวตายแล้วยังไม่สำนึก ใครจะช่วยได้?”

เพราะเรื่องกวนผิง ฟางเจิ้งรู้สึกไม่ดีมากในใจ มองรถหรูจากไป ก่อนกลับไปในวัดอีกครั้ง นั่งในอุโบสถ สวดมนต์เงียบๆ ขณะกำลังเคาะมู่อวี๋สวดมนต์อยู่นั้น

“ติ๊ง! ระบบประกาศภารกิจ เร็วๆ นี้พระโพธิสัตว์กวนอิมได้รับกุมารทองมาใหม่ กุมารทองคนนี้มีนิสัยบ้าระห่ำยากจะเชื่อฟัง พระโพธิสัตว์กวนอิมจึงเนรเทศมาอยู่วัดเอกดรรชนีโดยเฉพาะ มอบให้เจ้าอาวาสฟางเจิ้งดูแล ถ้าแก้นิสัยบ้าระห่ำและความเหี้ยมโหดได้ จะส่งกลับทะเลใต้ได้ ถ้าไม่ได้จะต้องอยู่โลกมนุษย์ตลอดไป ภารกิจสำเร็จจะสุ่มของรางวัลหนึ่งชิ้น บุญกุศลเพิ่มหนึ่งหมื่นแต้ม”

ฟางเจิ้งได้ยินรางวัลน่ากลัวนั่นว่าได้บุญกุศลหนึ่งหมื่นก็ตกใจมาก! แต่ว่าเขาเอ่ยต่อทันที “ปฏิเสธได้ไหม? ระบบ อย่าล้อเล่นน่า ขนาดพระโพธิสัตว์ยังจัดการไม่ได้ นายจะโยนเขามาให้อาตมา? มั่นใจเหรอว่าอาตมาจะไม่ถูกเขาทุบตีกระดูกหักแล้วโยนไปในหม้อตุ๋น?”

ระบบตอบ “วางใจ เขาเป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่ง อืม…เด็กธรรมดามากๆ”

ฟางเจิ้งถอนหายใจโล่งอก “ก็พอไหว แต่ว่าเด็กนี่ชื่ออะไร? มาจากไหน? ฐานะอะไร? แล้วนายมั่นใจเหรอว่าอาตมาจะดูแลเขาได้?”

………………….