ตอนที่ 270 เด็กดื้อโหด

บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์

“พระโพธิสัตว์มอบมนต์ให้นายหนึ่งบท ถ้าเขาไม่ฟังก็แค่สวดในใจ เขาจะยอมเชื่อฟังอย่างว่าง่าย” ระบบว่า

ฟางเจิ้งพยักหน้าเล็กน้อย ถ้าอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะรับภารกิจนี้ไม่ได้ แต่เขายังคงถามด้วยความแปลกใจ “ระบบ ก่อนหน้านี้นายบอกว่าจะไม่ประกาศภารกิจเองไม่ใช่เหรอ? ทำไมนี่ถึง…”

“นี่ไม่ใช่ภารกิจของฉัน แต่เป็นภารกิจไหว้วานที่ฉันรับมา ดังนั้นในด้านเนื้อแท้จึงเหมือนกับภารกิจของหลิวฟางฟางก่อนหน้านี้ เพียงแต่นั่นเป็นภารกิจจากคนธรรมดา แต่นี่คือภารกิจจากพระโพธิสัตว์ก็เท่านั้น เอาล่ะ ในเมื่อนายเข้าใจทุกอย่างแล้วก็รับเด็กเถอะ” ระบบเปลี่ยนเรื่องทันที

ฟางเจิ้งเห็นระบบพูดจาเป็นขั้นเป็นตอน แถมทำทีจะโยนเด็กมาให้อย่างรีบร้อน เขาเลยรู้สึกว่าในนี้เหมือนจะมีหลุมพรางใหญ่สุดยอดประหนึ่งถ้ำไร้ก้น! เขานึกขึ้นได้ว่าระบบยังไม่ตอบคำถามเขาเลย!

ต่อมามีแสงแห่งพุทธสาดลงมาตรงหน้า แสงพุทธคลุมก้นเปลือย สวมตู้โตว[1]สีแดง ตรงคอ ข้อมือ ข้อเท้ามีกำไลทอง บนศีรษะถักเปียเล็กๆ ตรงระหว่างคิ้วเป็นจุดสีแดง ใบหน้าราวกับแกะสลักจากหยก เป็นเด็กน้อยที่น่ารักมาก!

ต่อมาแสงพุทธหายไป เด็กวางลงบนพื้น ลืมตาสองข้าง ก่อนตะโกนเสียงดัง “พระโพธิสัตว์กวนอิม คนอื่นกลัวท่าน แต่ข้าไม่กลัว! อยากให้ข้าฟังคำสั่งท่าน? คอยดูเถอะ ไม่ว่าท่านหาใครมา ข้าจะพ่นไฟเผามันให้ตาย!”

เด็กน้อยพูดพลางอ้าปากพ่นเปลวไฟออกมา!

ฟางเจิ้งตกใจสะดุ้งโหยง พร้อมกันนั้นยังกล่าวทักทายโคตรบรรพบุรุษของระบบในใจ ก่อนร้องตกใจ “นี่มันเด็กธรรมดาที่แกว่าเหรอ? เด็กธรรมดาบ้านแกพ่นไฟได้? เด็กธรรมดาบ้านแกสิ!”

ฟู่ว!

เปลวไฟพุ่งออกอุโบสถ ฟางเจิ้งวิ่งตามออกมาด้วยสภาพอนาถา แต่กลับพบสิ่งที่น่าตกใจคือถึงเปลวไฟจะรุนแรง แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บเลย กระทั่งทั้งวัดไม่ได้รับความเสียหายใดๆ

แต่ฟางเจิ้งด่าแม่ครั้งนี้ระบบไม่ได้ลงโทษเขา เห็นได้ชัดว่าระบบอาจจะรู้สึกว่าครั้งนี้ตนเป็นฝ่ายผิดนิดหน่อย

ระบบกล่าว “อย่ากังวล เขาทำร้ายนายไม่ได้ แต่นายต้องดูเขาให้ดีๆ เด็กคนนี้…อืม…เมื่อก่อนกินคนด้วย”

ฟางเจิ้งตาเหลือก เกิดอารมณ์ชั่ววูบอยากจะเป็นลมตายไปซะเลย นี่มันใช่เด็กที่ไหน เรียกว่าส่งปีศาจมาให้ดีกว่า!

“ลาหัวล้านน้อย ไม่กลัวอัคคีฌานของมหาราชาอย่างข้ารึ? เจ้าเป็นลาหัวล้านจากที่ใดกันแน่? หรือว่าจะเป็นทหารที่พระโพธิสัตว์กวนอิมเชิญมา?” ตอนนี้เองเด็กน้อยเดินออกมาจากในอุโบสถ แม้จะพูดอย่างโหดเหี้ยม แต่ในใจกลับไม่เป็นอย่างนั้น หลวงจีนนี่ไม่กลัวอัคคีฌานของเขา ศักดิ์สิทธิ์มาจากไหนกัน?

พอฟางเจิ้งได้ยินคำพูดเด็กน้อยจึงหันกลับไปพิจารณาเด็กนี่อีกครั้ง ทำไมยิ่งมองยิ่งคุ้นตา สุดท้ายร้องด้วยความตระหนก “นายคือเด็กแดง?!”

“สามหาว! เจ้ากล้าเรียกนามอันทรงเกียรติของมหาราชาอย่างข้าตรงๆ อยากตายรึ? เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะเผาเจ้า กินเนื้อเจ้า?” เด็กน้อยพูดจาดุร้าย แต่กลับไม่ลงมือ ลูกตาโตสีดำขลับ กลอกไปมาราวกับลูกแก้วสองลูก สมจริงสมจัง เห็นได้ว่าเป็นภูตที่มีความปราดเปรียว เด็กน้อยเอ่ยต่อ “ฟังให้ดี จากนี้เรียกข้าว่ามหาราชาเซิ่งอิง! ถ้ากล้าดูแคลนข้า หึๆ…จะลอกหนังแคะกระดูก ดึงเส้นเอ็นถือเป็นการลงโทษขนานเบา!”

เด็กแดงพูดจาบ้าอำนาจอย่างยิ่ง ประกายแววตาเล็กโหดเหี้ยม แถมยังมีรอยยิ้มชั่วร้าย มองอย่างไรก็ไม่เหมือนเด็กมีครอบครัวที่ดี

ฟางเจิ้งได้ยินแบบนั้นก็แทบจะด่าแม่! เด็กบ้านี่คือเด็กแดงจริงๆ! เป็นบุตรของราชาปีศาจกระทิงกับองค์หญิงพัดเหล็ก…ฟางเจิ้งตาเหลือก โยนเจ้าเด็กที่ซึงหงอคงยังจัดการไม่ได้มาให้เขา พระโพธิสัตว์มองเขาสูงไปรึเปล่า? ในใจตะโกนเรียกระบบอย่างบ้าคลั่ง แต่ระบบแสร้งตายไม่ยอมออกมา ทว่าในความคิดเขามีมนต์บทหนึ่งเพิ่มมา

“ลาหัวล้านน้อย มหาราชาถามเจ้าอยู่ ไม่ได้ยินรึ?” เด็กแดงกล่าว

ฟางเจิ้งได้ยินเด็กแดงว่าลาหัวล้านน้อยก็โกรธ รู้ว่าเด็กนี่บ้าระห่ำยากจะกำราบ ถ้าไม่ควบคุมไว้ จากนี้ไปคงอยู่ไม่สุข! ฟางเจิ้งเลยไม่พูด แต่ประนมสองมือ อ้าปากสวดมนต์ในความคิด

เด็กแดงจะพูดบางอย่าง แต่พลันร้องโอดครวญ ร่างนั่งขัดสมาธิลงโดยไร้การควบคุม ประนมสองมือ ก่อนรู้สึกว่ามีสายฟ้าเหลือคณานับทะลวงผ่านทั่วร่าง เจ็บจนตาเหลือก ร้องเสียงดังลั่น “เจ็บๆๆ…โอ๊ย…ไอ้ลาหัวล้าน อย่าสวด! เก่งจริงก็…อ๊าก มาดูกันว่าใครจะเหนือกว่ากัน อ๊ากเจ็บ…ฮือๆ เจ็บ…”

ฟางเจิ้งไม่สนใจว่าเด็กแดงจะตะโกนเจ็บอย่างไรก็ตาม เมื่อครู่ถูกด่ายับแถมเกือบถูกเผาสุกอีก พระโพธิสัตว์ดินเหนียวก็มีความโกรธเหมือนกัน มิหนำซ้ำ เดิมทีวันนี้ฟางเจิ้งไม่พอใจกับเรื่องของกวนผิงอยู่แล้ว จึงอาศัยโอกาสนี้ระบายไปพร้อมๆ กัน!

เด็กแดงร้องโอดครวญ ทำเอาหมาป่าเดียวดาย ลิงและกระรอกต่างวิ่งเข้ามาดูใกล้ๆ

พอเห็นเด็กน้อยนั่งอยู่ตรงประตูอุโบสถ ร้องไห้โฮเสียงดังสะเทือนกรอบประตูจนสั่นกึกๆ เจ้าสัตว์สามตัวนี้มองตากัน ต่างไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่พวกมันรู้อยู่บ้างว่าเด็กนี่ยั่วโมโหเจ้าอาวาส ดูจากท่าทางคงจะซวยแล้ว

ดังนั้นเจ้าสามตัวนี้จึงนั่งยองลง คอยมองพลางหัวเราะ

เด็กแดงชำเลืองตามองเจ้าสามตัวนี้ เพลิงโทสะในใจพุ่งพรวดกว่าเดิม ขยะสามตัวที่เทียบไม่ได้กับภูตกล้าหัวเราะเขา? เขาตัดสินใจแล้วว่าเย็นนี้จะกินสมองลิงนึ่ง เนื้อหมาผัดน้ำแดง แล้วก็ซุปตุ๋นกระรอก! ก่อนจะชำเลืองตามองฟางเจิ้งแวบหนึ่ง วินาทีที่จะแสดงความเกรี้ยวกราดนั้น ความเจ็บปวดกลับทวีคูณขึ้น! เขาร้องเสียงดัง ก่อนจะล้มเลิกความคิดไป ไม่กล้าแล้ว

ครึ่งชั่วโมงต่อมาฟางเจิ้งลดสองมือลง สะบัดแขนพลางว่า “เสแสร้งมากไม่ได้จริงๆ วางท่าซะเมื่อยแขนไปหมด เฮ้อ…”

พูดจบฟางเจิ้งก็เดินไปหลังลาน เตรียมไปกินข้าว

ส่วนเด็กแดงตาเหลือก นอนบนพื้นน้ำลายฟูมปาก แน่นิ่งไป ลิงถามฟางเจิ้งด้วยความกังวล “เจ้าอาวาส จะทำยังไงกับเด็กนี่?”

“ลากมา” ฟางเจิ้งตอบ

ลิงพลันวิ่งเข้าไปอย่างว่าง่าย แบกเด็กซนไปถึงหลังลาน ฟางเจิ้งไม่สนใจเขา ปล่อยให้นอนอยู่บนพื้น ถึงอย่างไรอากาศก็อบอุ่นแล้ว มิหนำซ้ำยังเป็นปีศาจยิ่งใหญ่ เป็นเทพเซียน หนาวนิดหน่อยเป็นไรไป

ล้างหม้อ ซาวข้าว ทำอาหาร! ลิงจุดฟืน หมาป่าเดียวดายกับกระรอกนั่งยองมองเด็กแดงอยู่ข้างนอก

หมาป่าเดียวดายมองเด็กแดงพลางงึมงำ “เด็กนี่มาจากไหน? ทำไมไม่สวมกางเกง?”

กระรอกกระโดดขึ้นไปบนตัวเด็กแดง เปิดตู้โตวสีแดงดู ชี้ไปยังไอ้นั่น “ไม่ได้สวมกางเกงจริงๆ ด้วย”

ขณะนี้เองเด็กแดงตื่นมาแล้ว นัยน์ตาเป็นประกายดุร้าย ยกมือคว้ากระรอกกับหมาป่าเดียวดาย ฟางเจิ้งมองเด็กแดงอยู่ตลอด จึงแค่นเสียงขึ้นจมูก “ยังไม่สำนึกอีก?!”

เด็กแดงได้ยินเสียงฟางเจิ้งก็ตกใจจนหัวสั่น ความเจ็บปวดเมื่อครู่ยังไม่คลาย เขาไม่อยากรู้สึกเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอีกแล้ว มือจึงหยุดค้างกลางอากาศ…

………………..

[1] ตู้โตว มีลักษณะคล้ายผ้ากันเปื้อน ไว้สำหรับคาดรอบอกและมีสายผ้าผูกที่คอกับเอว อาจมีกระเป๋าไว้ใส่ของกระจุกกระจิก