ตอนที่ 505 อบอุ่นดั่งไฟ
พวกเขามาถึงโรงเหล้าอย่างยากเย็น เฟิ่งจิ่วส่งเหล่าไป๋ให้เสี่ยวเอ้อร์พาไปล่ามไว้ข้างๆ ส่วนอสูรกลืนเมฆาน้อยก็ตามอยู่ข้างกายวิ่งไปด้านใน เมื่อหันกลับไปมองก็สะดุ้งตกใจเสียดื้อๆ ด้านหลังมีสาวน้อยวัยแรกแย้มกว่าสิบคน แต่ละคนมองเธอด้วยดวงตาฉายแววชื่นชม ทำให้รอยยิ้มมุมปากเธอแข็งทื่อไปทันที
“คุณชาย ท่านมาจากไหนเจ้าคะ?”
“คุณชาย บ้านข้าเปิดโรงเตี๊ยมอยู่ข้างหน้า หากคุณชายเข้าพักข้าจะไม่เก็บเงินก็ได้นะเจ้าคะ”
“คุณชาย ตระกูลข้าเป็นครอบครัวใหญ่ในเมือง มีเรือนสองสามหลังยังไม่มีใครอยู่ คุณชายจะเข้าไปพักในจวนข้าชั่วคราวไหมเจ้าคะ?”
“คุณชาย…”
ทุกการถามไถ่มีความกระตือรือร้นและตื่นเต้น แต่ละคนล้วนล้อมตรงเข้ามา ถูกดวงตาแต่ละคู่นั้นมองด้วยความรักใคร่เสน่หา เฟิ่งจิ่วยิ้มหน้าเจื่อนๆ มองหลิงโม่หานอย่างขอความช่วยเหลือ ใครจะรู้ว่าเขาแค่นเสียงเย็น แล้วสาวก้าวเดินเข้าไป
“น้ำใจของแม่นางทั้งหลายข้าขอรับไว้ด้วยใจ เชิญทุกท่านกลับไปเถอะขอรับ!” หลังจากเธอส่งยิ้มให้พวกนางก็ทิ้งคำพูดไว้อย่างลนลาน รีบร้อนเข้าโรงเหล้าไปยังห้องปีกชั้นสอง
ฮุยหลางยืนขวางไว้ กระทั่งเฟิ่งจิ่วขึ้นชั้นสองและเข้าห้องไป พวกเขาถึงจะหันตัวเดินตามไป
ผู้หญิงพวกนั้นเห็นเช่นนี้ถึงจะค่อยๆ แยกย้าย แต่มีหนึ่งถึงสองคนยังคงเฝ้าอยู่นอกประตูไม่ยอมออกไป มองชั้นสองเช่นนั้นบ่อยครั้ง หวังว่าเฟิ่งจิ่วเดินออกมาอีกครั้ง จะได้ทำให้พวกเขาถูกใจ
มาถึงห้องปีกและนั่งลงข้างโต๊ะ เฟิ่งจิ่วถอนหายใจเบาๆ “แม่นางในเมืองนี้ช่างกระตือรือร้นจริงๆ” ซ้ำยังทำให้เธอตกใจนิดหน่อยจริงๆ ทำไมแต่ละคนถึงไล่ตามมากันหมดนะ?
“เจ้าพอใจนักไม่ใช่หรือ?” หลิงโม่หานกวาดมองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา
“ยากจะยอมรับน้ำใจสาวงาม มากไปก็ไม่ดี เดี๋ยวเก็บไม่ไหว!” เธอยิ้มๆ แล้วรินน้ำดื่ม
ยามนี้เหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวาสองคนเดินเข้ามา ส่วนอิ่งอีเฝ้านอกห้อง ฮุยหลางไปซื้อแผนที่แคว้นมหาสันติ
“นายท่าน ข้าล้างพวกผลไม้หมดแล้วขอรับ” เหลิ่งหวาวางผลไม้ในตะกร้าที่ล้างเรียบร้อยลงบนโต๊ะ จากนั้นค่อยถอยไปข้างๆ
“ไม่น้อยเลยจริงๆ” เธอผลไม้ชิ้นหนึ่งขึ้นมากิน พลางบอกเหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวาว่า “หยิบเองเลย มากมายเพียงนี้ข้ากินไม่หมดหรอก” พูดจบก็ยื่นชิ้นหนึ่งให้หลิงโม่หานที่นั่งข้างๆ กัน “นี่ คนที่ชื่นชอบข้าให้มา”
“ไม่ต้องหรอก” เขารินน้ำดื่ม หลับตาลงไม่มองนางและไม่รับผลไม้ชิ้นนั้น
เห็นเช่นนี้เฟิ่งจิ่วก็ไม่ฝืนใจ หลังจากกินผลไม้ไปสองชิ้น กับข้าวบนโต๊ะก็ยกมาเกือบครบ เพราะมีไม่กี่คนเธอจึงให้เหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวานั่งลงกินด้วยกัน และตะโกนไปด้านนอกว่า “อิ่งอี เข้ามากินด้วยกันสิ! พวกเรากินไปพลางรอฮุยพลางก็ได้”
อิ่งอีด้านนอกไม่กล้าเข้าไป ให้กินข้าวร่วมโต๊ะกับนายท่านเนี่ยนะ? เขากินลงก็แปลกแล้ว
“ไม่ต้องหรอก พวกเขาหิวก็หากินเองได้” หลิงโม่หานเอ่ย แล้วรินเหล้ากินคู่กับอาหาร
เหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวาไม่ได้เคร่งครัดมากเช่นพวกเขา เฟิ่งจิ่วให้นั่งกินด้วยพวกเขาจึงไม่เกรงใจ อยากกินอะไรก็คีบอันนั้น ช้ากว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ ฮุยกลางรอจนพวกเขากินอิ่มถึงจะกลับมา
“นายท่าน ภูตหมอ นี่คือแผนที่แคว้นมหาสันติ บนนี้มีที่อยู่ของสมาคมนักปรุงยาด้วย อยู่ตรงนี้ขอรับ ข้าดูแล้วหากพวกเรานั่งเรือเหาะไปแค่ครึ่งวันก็ถึง” เขาพูดพลางชี้สถานที่หนึ่งในแผนที่ที่ทำเครื่องหมายไว้
“อืม เช่นนั้นหลังกินข้าวพวกเราก็ไปกันเถอะ!”
เธอไม่อยากอยู่ที่นี่นานเกินไป หลังจากรับเหรียญตรายาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ยังต้องสอบถามข่าวคราวท่านปู่อีก!
………………………………………………….
ตอนที่ 506 ตลาดมืดแคว้นมหาสันติ
ฮุยหลางกับอิ่งอีสั่งกับข้าวสองสามอย่าง หลังจากรอทั้งสองกินเสร็จพวกเขาก็จากไปอีกครั้ง ครั้งนี้เพราะเข้ามาชายแดนแคว้นมหาสันติแล้ว จึงหยิบเรือเหาะออกมาใช้ทันที
เฟิ่งจิ่วสะบัดแขนเสื้อเรือเหาะลำหรูหราก็ปรากฏ ในขณะที่ผู้คนส่งเสียงประหลาดใจพวกเขาขึ้นเรือไปตามๆ กัน เหล่าไป๋กับอสูรกลืนเมฆาตัวน้อยกระโจนขึ้นไปเองอย่างเคยชิน แล้วหาตำแหน่งที่นอนลง
“ดูสิ! เรือเหาะลำนั้นหรูหรานัก คนพวกนั้นมาจากตระกูลสูงศักดิ์จริงๆ มีเพียงคนจากตระกูลสูงศักดิ์ถึงจะสามารถซื้อเรือเหาะลำหรูหราเช่นนั้นได้!”
“ท่าทางคุณชายชุดแดงโดดเด่นเช่นนั้น ดูแล้วไม่ใช่คนตระกูลธรรมดา”
“จริงด้วย พวกเจ้าดูพวกเขาเหล่านั้นสิ แต่ละคนดูไม่น่ายุแหย่ โดยเฉพาะชายที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราคนนั้น ไอเย็นทั่วร่างน่าสะพรึงยิ่ง”
เห็นคนพวกนั้นนั่งเรือเหาะลำหรูหราจากไป เหล่าหญิงสาวเต็มไปด้วยความเศร้าใจ คนเช่นนั้นโดดเด่นยิ่งนัก ต่างจากพวกนางคนละโลกเลย…
เวลาครึ่งวันพวกเขาก็มาถึงเมืองที่ตั้งสมาคมนักปรุงยา ลงจากเรือเหาะตรงประตูเมือง แล้วเดินเท้าเข้าไป
อาจเพราะโดนผู้หญิงแทบชายแดนทำให้ตกใจ เฟิ่งจิ่วจึงไม่กล้านั่งบนหลังเหล่าไป๋และแสร้งทำเป็นดูดี เพียงส่งเหล่าไป๋ให้เหลิ่งหวาจูง ส่วนอสูรกลืนเมฆาก็เดินตามอยู่ข้างๆ อย่างเชื่องๆ รูปร่างกลมมนทั้งตัวขาวราวหิมะมักทำให้สายตาเหล่าสาวๆ และเด็กน้อยต่างมองตาม
เฟิ่งจิ่วเห็นว่าตอนนี้เย็นแล้ว ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง จึงบอกว่า “ตอนนี้ท้องฟ้าเย็นค่ำแล้ว พวกเราหาที่พักสักคืนดีกว่า พรุ่งนี้เช้าค่อยไปกัน!”
“อืม” หลิงโม่หานขานรับ ส่งสัญญาณว่าไม่มีความเห็น
นายท่านทั้งสองล้วนไม่มีความเห็น พวกเขาด้านหลังยิ่งไม่มีความเห็นอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงหาโรงเตี๊ยมที่ห่างจากสมาคมนักปรุงยาไม่ไกลนัก
หลังจากแบ่งห้องเรียบร้อย หลิงโม่หานคิดจะพานางออกไปเดินเล่นด้วยกัน ใครจะรู้ว่าเคาะประตูอยู่นานก็ไม่มีการตอบรับ ฮุยหลางจึงเข้าไปบอกว่า “นายท่าน ข้าน้อยเห็นภูต…” เขามองไปรอบๆ น้ำเสียงชะงักลง แล้วกลืนคำว่าภูตหมอลงไป เอ่ยว่า “เห็นคุณชายจิ่วพาพวกเขาสองคนไปเดินเล่นขอรับ”
ไม่พูดยังดีกว่า พูดไปสีหน้าหลิงโม่หานก็มืดลงทันใด กวาดมองเขาอย่างเย็นชา จากนั้นค่อยหมุนตัวกลับห้องไป
ฮุยหลางลูบๆ จมูก มองอิ่งอีที่เฝ้าอยู่นอกประตูห้อง เอ่ยถามอย่างไร้เสียงว่า ‘ข้าพูดผิดอีกแล้วหรือ?’
อิ่งอีชำเลืองมองเขา แล้วละสายตาออกทันที
ส่วนทางอีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วที่อารมณ์ดียิ่งพาเหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวามาเดินเล่นบนถนนใหญ่ พูดกับเหลิ่งหวาว่า “เป็นยังไง? ข้างนอกนี้คึกคักกว่าใช่หรือไม่?”
เหลิ่งหวาสองตาเปล่งประกายดุจอัญมณี ท่าทางร่าเริงยากจะปิดบัง “อืม ขอบคุณนายท่านมากที่พาข้าออกมาขอรับ” ก่อนหน้านี้สุขภาพเขาไม่ดีจึงไม่อาจออกไปเดินเล่นมากๆ ได้ ภายหลังติดตามนายท่าน ส่วนใหญ่ก็อยู่แต่ในจวน นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาสถานที่เช่นนี้ และพบเห็นความรุ่งเรืองของแคว้นใหญ่
“ภายหลังยังมีโอกาสอีก” เธอหัวเราะเบาๆ แววตามองวนไปบนถนนใหญ่อย่างไร้จุดหมาย ทว่าเธอเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาเหมือนมีทางต้องไป
สองคนด้านหลังตามไปเงียบๆ โดยไม่ถามอะไรมาก กระทั่งเมื่อมาถึงสถานที่ที่ตรงประตูใหญ่แขวนอักษรสีทองตัวใหญ่เขียนว่าตลาดมืดฝีเท้าก็หยุดลง ยามนี้สองคนถึงจะรู้ว่าที่แท้นายท่านบอกว่าออกมาเดินเล่น คือจะมาตลาดมืด
“คุณชายท่านนี้ วันนี้พวกเราปิดตลาดแล้ว มีธุระอะไรค่อยมาพรุ่งนี้เถอะ” ยามเฝ้าประตูใหญ่ขวางทางเฟิ่งจิ่วไว้ เอ่ยอย่างเฉยชา