บทที่ 31 ฆ่าจ่าฝูงกิ้งก่าเพลิง!

Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์

“โฮกกกก!!!”

จ่าฝูงกิ้งก่าเพลิงคํารามออกมา ในเวลาเดียวกันเหล่าลูกน้องของมันก็พุ่งเข้าใส่เย่เทียน

อย่างไรก็ตาม จ่าฝูงกิ้งก่าเพลิงยังคงมองเย่เทียนอย่างเหยียดหยาม

เย่เทียนเป็นนักรบชั้นยอด หลังจากเปิดใช้งานพรสวรรค์ด้านความเร็วความเร็วของเขาเทียบได้กับนักรบชั้นยอดขั้นสูงสุดและที่สําคัญกว่านั้นคือทักษะดาบของเย่เทียนนั้นแข็งแกร่งมาก

“เงาสังหาร!”

ทักษะดาบระดับทองแดงกลายเป็นล่าแสงดาบและตัดหัวกิ้งก่าเพลิง 2 ตัวในเสี้ยววินาที

พรูดดด!!!

เมื่อเส้นแสงดาบฟาดฟันลงมาอีกครั้ง กิ้งก่าเพลิงก็จบชีวิตลงอีกตัว

กิ้งก่าเพลิงระดับต่าเหล่านี้ไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้ พวกมันไม่แม้แต่จะสัมผัสเสื้อผ้าของเก่าเทียนนี่คือความแตกต่างระหว่างสัตว์อสูรระดับต่ําและสัตว์อสูรระดับกลาง

หากมีกิ้งก่าเพลิงมากกว่านี้ เย่เทียนคงล่าบากมาก แต่แค่ 30 กว่าตัว ยังไม่อยู่ในสายตาเขา

เมื่อเห็นลูกน้องของมันตายไปทีละตัว จ่าฝูงกิ้งก่าเพลิงก็เริ่มโกรธเกรี้ยว

ในที่สุดมันก็ทนไม่ไหวที่จะลงมือ มิฉะนั้นลูกน้องของมันคงจะถูกสังหารไปจนหมด

เมื่อจ่าฝงกิ้งก่าเพลิงค่อยๆยืนขึ้น เย่เทียนก็ได้เห็นร่างของมันอย่างชัดเจน

ลําตัวของมันยาวถึง 8 เมตร บนหลังของมันถูกปกคลุมไปด้วยหนามแหลมที่มีความยาวประมาณ 1 เมตรและร่างของมันแผ่กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา

จากกลิ่นอายที่มันแผ่ออกมานั้น จ่าฝูงกิ้งก่าเพลิงจะต้องเป็นสัตว์อสูรระดับกลางอย่างแท้จริง

นอกจากนี้เมื่อจ่าฝูงกิ้งก่าเพลิงพุ่งเข้ามาในระยะ 10 เมตรเย่เทียนตรวจสอบพรสวรรค์ของมันในทันที

[ประเภท: กิ่งก่าเพลิง

พรสวรรค์ทางสายเลือด: ปานกลาง

พรสวรรค์เปลวเพลิง: ระดับเริ่มต้น]

“เป็นพรสวรรค์ด้านเปลวเพลิงระดับเริ่มต้น!”

เย่เทียนประหลาดใจ

พรสวรรค์ด้านเปลวเพลิงระดับรองสามารถเพิ่มพลังโจมตีได้แค่สองเท่าเท่านั้นแต่พรสวรรค์เปลวเพลิงระดับเริ่มต้นสามารถเพิ่มพลังโจมตีได้สามเท่า

พลังของสัตว์อสูรนั้นแข็งแกร่งกว่านักรบ หากไม่ใช่เพราะนักรบมีพลังปราณหยวนพวกเขาคงไม่สามารถเอาชนะสัตว์อสูรในระดับเดียวกันได้

แต่สัตว์อสูรยังสามารถกระตุ้นพรสวรรค์ทางสายเลือดและระเบิดพลังการต่อสู้ออกมาได้ชั่วคราวหากปล่อยให้สัตว์อสูรมีเวลากระตุ้นพรสวรรค์ทางสายเลือดมันจะเหนือกว่านักรบอย่างสิ้นเชิง

และจ่าฝูงกิ้งก่าเพลิงตัวนี้เป็นสัตว์อสูรระดับกลางและมีพรสวรรค์ด้านเปลวเพลิงระดับเริ่มต้นแค่พลังโจมตีของมันก็เหนือกว่าเย่เทียนแล้ว

“เราคงต้องรีบฆ่ามันซะ!”

เย่เทียนตัดสินใจ

จ่าฝูงกิ้งก่าเพลิงมีสติปัญญาเหนือกว่าลูกน้องของมัน มันใช้พรสวรรค์ด้านเปลวเพลิงก่อตัวเป็นลูกไฟขนาดใหญ่และพ่นออกมา

ตูม!

ลูกไฟขนาดใหญ่ระเบิดออกและกลายเป็นคลื่นกระแทกเปลวเพลิงนับไม่ถ้วน!

ภายใต้การโจมตีเช่นนี้ เย่เทียนย่อมถูกโจมตีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เขากลับเพิกเฉยต่อคลื่นกระแทกของเปลวเพลิงกระทั่งพลังปราณปกป้องร่างกายเขาก็ไม่ใช้มันออกมา

พลังปราณของนักรบชั้นยอดนั้นแข็งแกร่งมาก เหล่านักรบชั้นยอดสามารถใช้พลังปราณเพื่อปกป้องร่างกายได้ แต่เย่เทียนกลับรู้สึกว่าไม่จําเป็นเพราะด้วยพลังปราณของเขาในตอนนี้ไม่สามารถต้านทานการโจมตีจากเปลวเพลิงเหล่านี้ได้ดังนั้นเย่เทียนจึงเลือกที่จะเก็บพลังปราณของเขาไว้

เย่เทียนพุ่งเข้าหาจ่าฝูงกิ้งก่าเพลิงอย่างรวดเร็ว

“เงาสังหาร!”

ทักษะเงาสังหารระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดกลายเป็นล่าแสงดาบที่พุ่งเข้าใส่จ่าฝูงกิ้งก่าเพลิงในพริบตา

ความเร็วสามเท่าบวกกับความเร็วในการใช้ดาบระดับทองแดงทําให้ดาบเล่มนี้น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง แม้แต่นักรบชั้นยอดทั่วไปก็ไม่สามารถหลบการโจมตีของดาบนี้ได้แต่การป้องกันของกิ้งก่าเพลิงนั้นแข็งแกร่งกว่านักรบชั้นยอดมากมันใช้ศีรษะของมันปะทะเข้ากับดาบของเย่เทียน

ตูม!

จ่าฝูงกิ้งก่าเพลิงถอยหลังกลับไปหลายเมตร บนหน้าผากของมันปรากฏรอยแผลลึกและมีเลือดไหลออกมา

“พลัง 50,000 จิน!”

เย่เทียนตระหนักได้ถึงพลังของกิ้งก่าเพลิงทันที

พละกําลังของกิ้งก่าเพลิงคือ 50,000 จิน บวกพลังโจมตีของพรสวรรค์ด้านเปลวเพลิงเทียบเท่ากับ 150,000 จิน

เย่เทียนมีพลังเพียง 30,000 จิน เท่านั้น บวกกับพลังปราณที่เพิ่มขึ้น พลังที่ปลดปล่อยออกมาก็เพิ่มขึ้นเพียง 60,000 จินเท่านั้นและด้วยทักษะดาบระดับทองแดงเงาสังหารก็เพียงพอที่จะเทียบเท่ากับพลังโจมตี 112000 จิน

แต่ถึงอย่างนั้น พลังโจมตีของเยเทียนก็ยังด้อยกว่ากิ้งก่าเพลิงอยู่ไม่น้อย

เขามองไปที่บาดแผลบนร่างกายของเขาบาดแผลทั้งหมดบนร่างกายเกิดจากเปลวเพลิงที่แผดเผามันดูน่าสังเวชมากหากไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ในการรักษาระดับสูงสุดเขาต้องตายไปแล้วอย่างแน่นอน

ในพริบตา

บาดแผลของเย่เทียนก็หายดี

ในทางกลับกันจ่าฝูงกิ้งก่าเพลิงกลับไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของมันให้หายทันทีได้สภาพของมันแย่ลงอย่างต่อเนื่อง

ด้วยพรสวรรค์ในการรักษาขั้นสูงสุด เย่เทียนจึงโจมตีจ่าฝูงกิ้งก่าเพลิงต่อไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

อาการบาดเจ็บของจ่าฝูงกิ้งก่าเพลิงเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่เย่เทียนกลับไม่เป็นอะไรเลย

สามนาที่ผ่านไป

ในที่สุดจ่าฝูงกิ้งก่าเพลิงก็ทิ้งตัวลงกระแทกพื้น พลังชีวิตของมันค่อยๆหายไปและตายไปด้วยน้ามือของเย่เทียนซึ่งเป็นมนุษย์ที่อ่อนแอกว่ามัน

ในความเป็นจริงแม้ว่าเย่เทียนจะไม่ได้มีพรสวรรค์ในการรักษาระดับสูงสุดแต่เย่เทียนก็มีโอกาสชนะอยู่ดี

ถึงอย่างไรเขาก็มีพรสวรรค์ด้านความเร็วขั้นต้น เขาสามารถหลบการโจมตีของจ่าฝูงกิ้งก่าเพลิงและยังสามารถลอบโจมตีทิ้งก่าเพลิงได้เป็นครั้งคราว หรือจะใช้พรสวรรค์เงาทมิฬลอบโจมตีจ่าฝูงกิ้งก่าเพลิงในยามราตรี

แต่เย่เทียนไม่ได้เลือกที่จะทําเช่นนั้น เขาเลือกที่จะต่อสู้กับมันอย่างตรงไปตรงมา

การทําเช่นนี้มันรวดเร็วยิ่งกว่า เขาไม่อยากเสียเวลา

หลังจากนั้นเย่เทียนก็กวาดล้างกิ้งก่าเพลิงที่เหลือและมองไปที่ศพของจ่าฝูงกิ้งก่าเพลิงอีกครั้ง

เลือดของสัตว์อสูรระดับกลางนั้นมีค่ามาก โดยเฉพาะกิ้งก่าเพลิงที่เป็นสัตว์อสูรพิเศษเลือดของสัตว์อสูรระดับกลางที่มีพรสวรรค์ด้านเปลวเพลิงนั้นมีค่ามากกว่าปกติเพราะเลือดของมันแฝง ไว้ด้วยพลังเปลวเพลิงซึ่งมีผลต่อการขัดเกลาร่างกาย

ดังนั้นเย่เทียนจึงไม่คิดจะทิ้งเลือดของสัตว์อสูรระดับกลางนี้ไปและรวบรวมมัน

กิ้งก่าเพลิงมีร่างกายที่ใหญ่โตเลือดของมันค่อนข้างมาก เย่เทียนได้รวบรวมเลือดของมันได้ทั้งหมด 50 ขวด

เพียงแค่เลือดสัตว์อสูรระดับกลางห้าสิบขวดนี้ก็มีมูลค่าถึงหลายล้านหยวนแล้วนับว่าครั้งนี้เป็นกําไรมหาศาล

หลังจากฆ่ากิ้งก่าเพลิงแล้ว เย่เทียนก็ให้หมาป่าวายุและคนอื่นๆเข้ามา
เมื่อพวกเขาเห็นศพที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณและศพของจ่าฝูงกิ้งก่าเพลิงพวกเขาต่างตกตะลึง

“น้องเย่เทียนเจ้าฆ่าสัตว์อสูรระดับกลางตัวนี้ได้จริงๆ ”

หมาป่าวายกล่าวออกมาด้วยความตกใจ

เขาตรวจสอบร่างกายเย่เทียนอย่างละเอียด และพบว่ามีเพียงเสื้อผ้าของเย่เทียนเท่านั้นที่ฉีกขาดแต่ร่างกายของเขากลับไม่มีบาดแผลใดๆเลย

หมาป่าวายุคาดเดาในใจว่าเย่เทียนต้องมีไพ่ตายที่เขาไม่รู้แน่ๆ แต่เขาไม่ใช่คนที่ชอบสืบเสาะความลับของคนอื่น อีกอย่างความลับแบบนี้ ต่อให้ถามมันออกไปจะเป็นการล่วงเกินคนอื่นเสียเปล่าๆ และแน่นอนเขาไม่คิดที่จะถามออกไป

เย่เทียนไม่ต้องการเนื้อและหนังของสัตว์อสูรระดับกลาง แต่สําหรับหมาป่าวายุและคนอื่นๆนั้นชิ้นส่วนของสัตว์อสูรระดับกลางนั้นหายากมาก หลังจากที่เย่เทียนอนุญาตพวกเขาก็ช่วยกันแหละร่างของจ่าฝูงกิ้งก่าเพลิง

วันต่อมา เย่เทียน, หมาป่าวายุและคนอื่นๆได้กวาดล้างสัตว์อสูรในพื้นที่นี้ไปเกือบหมดหลังจากมั่นใจว่าจะไม่มีสัตว์อสูรใดๆเย่เทียนก็บอกกล่าวทุกคนว่าเขาต้องการจะแยกตัวออกไป

เมื่อหมาป่าวายุถามว่าทําไมเย่เทียนถึงต้องกาแยกตัวออกไป คําตอบที่เขาได้ทําให้เขาต้องตกตะลึง

“อะไรนะ น้องเย่เทียน เจ้าจะออกตามหามดจอมพลังอย่างนั้นหรือ?”