บทที่ 32 ความเป็นปฏิปักษ์ของตระกูลใหญ่

Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์

หมาป่าวายรู้ถึงความน่ากลัวของมดจอมพลัง และเขาก็รู้ว่าภารกิจในครั้งนี้เป้าหมายหลักคือกวาดล้างรังของมดจอมพลัง ซึ่งภายในรังของมันมีมดจอมพลังอยู่มากมาย

แม้ว่ามดจอมพลังจะเป็นเพียงสัตว์อสูรระดับต่า แต่มดจอมพลังเพียงตัวเดียวกลับแข็งแกร่งกว่ากิ้งก่าเพลิงมาก แม้แต่นักรบชั้นยอดทั่วไปก็ยังไม่สามารถต่อกรกับมดจอมพลังได้แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์อสูรระดับต่าแต่พลังของมันช่างท้าทายสวรรค์เสียจริง

หากมีการจัดอันดับสัตว์อสูรระดับต่า มดจอมพลังจะต้องติดหนึ่งในสิบอันดับแรกอย่างแน่นอน

ถ้ามดจอมพลังตัวเดียวก็ไม่น่ากลัวนัก ที่สําคัญคือพวกมันอาศัยด้วยกันเป็นจํานวนมากหากว่ามีมดจอมพลังจํานวนมากไหลทะลักเข้ามาเหมือนสายน้ําแล้วล่ะก็ แม้แต่นักรบผู้เชี่ยวชาญก็คงไม่เหลือแม้แต่กระดูก!

“หมาป่าวายุ ผมมีแผนของผม และผมยังมีวิธีการรักษาชีวิต ดังนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วง!”

เย่เทียนตัดสินใจ

หมาป่าวายรู้ว่าเขาไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเย่เทียนได้ ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้เย่เทียนจากไป

เย่เทียนถือแผนที่และมองมันเป็นครั้งคราวในขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังตําแหน่งรังของมดจอมพลัง

ตลอดทางต่อให้เขาเจอสัตว์อสูร เขาจะทําเพียงแค่หลีกเลี่ยงมันและมุ่งหน้าต่อไป

ที่นี่อยู่ไกลจากฐานหลินไห่ แม้ว่าสัตว์อสูรระดับสูงจะมีไม่มากนัก แต่ระหว่างทางเขาก็ได้พบกับสัตว์อสูรระดับสูงไม่น้อยกว่าสิบตัว

แน่นอนเขาไม่สามารถเอาชนะสัตว์อสูรระดับสูงได้ แม้แต่สัตว์อสูรระดับกลางที่ทรงพลังเขาก็ทําได้เพียงแค่หลบหนี

ดังนั้นในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ เย่เทียนไม่กล้าทุ่มบ่ามทําอะไรโดยไม่ระมัดระวัง

แน่นอนว่าบางครั้งเขาก็ได้พบกับนักรบบางคนที่กําลังล่าสัตว์ร้าย แต่เขาไม่ได้เข้าไปช่วยแม้ว่าอีกฝ่ายจะสูญเสียไปเป็นจํานวนมาก แต่เย่เทียนก็ไม่สะทกสะท้าน

คนพวกนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับเขา และต่อให้เขาช่วยก็ไม่มีทางที่เขาจะได้รับการสรรเสริญ แต่มันอาจจะสร้างปัญหาให้แก่เขาก็ได้

นอกจากนี้เป้าหมายเดียวของเขาในตอนนี้คือพรสวรรค์ของมดจอมพลัง

ด้วยเหตุนี้ เย่เทียนจึงเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังตลอดทาง หลังจากใช้พรสวรรค์เงาทมิฬเพื่อหลบเลี่ยงอันตรายอยู่หลายครั้ง ในที่สุดเขาก็มาถึงบริเวณรังของมดจอมพลัง

“หืม มีนักรบมากมายที่นี้! ”

เมื่อเย่เทียนมาถึงเขาก็รู้สึกประหลาดใจ

มีนักรบหลายร้อยคนมารวมตัวกันที่เนินเขา และจากกลิ่นอายของพวกเขา คนที่อ่อนแอที่สุดก็ มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับนักรบชั้นยอด บางทีในหมู่คนเหล่านี้อาจมีนักรบผู้เชี่ยวชาญอยู่ไม่ น้อย

“นั่นคนของตระกูลโม่! ”

สายตาของเย่เทียนจับจ้องไปที่คนผู้หนึ่ง

โม่อิน!

เหตุผลที่เย่เทียนรู้จักโม่อินเพราะชายคนนี้คือพ่อของ โม่เน่าเป่ย ก่อนที่เขาจะฆ่าโม่เน่าเปยเขาได้ตรวจสอบตระกูลโม่เล็กน้อย เพื่อเขาจะได้ระวังคนของตระกูลโม่ในอนาคต

ความแข็งแกร่งของโม่อินนั้นอยู่แค่นักรบชั้นยอดขั้นกลาง สําหรับเย่เทียนในตอนนี้แล้วมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่โม่อินนั้นไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งติดสิบอันดับแรกของตระกูลโม่

ในตอนนี้ โม่อินและนักรบตระกูลโม่ได้ยืนอยู่ข้างหลังชายชราด้วยท่าที่เคารพ

“ชายชราคนนั้นน่าจะเป็นบรรพบุรุษของยุทธตระกูลโม่ โม่ฉางชิง !”
เย่เทียนคิดกับตัวเอง

ทันใดนั้นเขาก็ถอนสายตากลับมา ไม่กล้ามองโม่ฉางชิงอีก เพื่อไม่ให้โม่ฉางชิงรู้ตัว

“ใคร!”

เสียงเย็นๆดังขึ้น

“แย่แล้ว เราถูกพบ!”

เย่เทียนตะลึงงัน

เขาอยู่ไกลจากโม่ฉางชิงมาก เขาแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้พรสวรรค์ของเงาทมิฬ แต่เขาก็เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง และด้วยต้นไม้มากมายที่บดบังเขา มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะถูกค้นพบแต่ตอนนี้เขาถูกพบแล้วจริงๆ

อย่างไรก็ตาม เขาพบว่าคนที่พบเขานั้นไม่ใช่โม่ฉางชิง แต่เป็นชายชราอีกคนที่ดูไม่คุ้นหน้าเขาดูแตกต่างจากคนของฐานหลินไห่เล็กน้อยแต่อีกฝ่ายกลับสวมชุดเกราะ

เห็นได้ชัดว่าคนผู้นั้นน่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธที่ร่วมมือกับฐานหลินไร่ในการกําจัดสัตว์อสูร

ฟุบ!!

นักรบชั้นยอดหลายคนพุ่งเข้ามาล้อมด้านข้างของเย่เทียนภายใต้ค่าสังของนักรบผู้เชี่ยวชาญ

เย่เทียนไม่ได้หนีแต่อย่างใด เพราะถ้าหากเขาหนีไป อีกฝ่ายคงคิดว่าเขาเป็นคนน่าสงสัย

นอกจากนี้เย่เทียนไม่ได้มีเจตนาร้าย เขาไม่มีอะไรต้องหวาดกลัวดังนั้น จึงไม่จําเป็นต้องหลบหนี้

“ผมคือผู้ฝึกยุทธจากฐานหลินไห!”

เย่เทียนเป็นฝ่ายเริ่มเอ่ยปากก่อน

เมื่อนักรบชั้นยอดหลายคนเห็นว่าเย่เทียนเป็นนักรบ และได้ยินว่าเย่เทียนเป็นนักรบจากฐานหลินไห่พวกเขาจึงไม่ได้ลงมือ

“เจ้าเด็กนั่นเป็นนักรบจากตระกูลไหนกัน?”

ชายชราขมวดคิ้วและกล่าว

“ไม่รู้จัก ไม่ใช่ตระกูลหลินของข้า!”

“ข้าก็ไม่รู้จักเช่นกัน และเขาก็ไม่ใช่ตระกูลโม่ของเรา! ”

“ไม่รู้จัก…”

แต่ละตระกูลส่ายหัว

เย่เทียนเดินเข้าไปและพูดตามความจริงว่า “ผมไม่ใช่ลูกหลานของตระกูลใหญ่ ผมแค่ทําภารกิจกวาดล้างสัตว์อสูรและอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับมดจอมพลังดังนั้นผมจึงมาที่นี่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น! ”

ในตอนนั้นเอง หลินหมิงจือแห่งตระกูลหลินก็พูดขึ้นว่า”ข้านึกออกแล้วเขาเป็นนักรบที่เข้าร่วมในแผนการกวาดล้างจริงๆคิดไม่ถึงว่าเขาจะเสร็จภารกิจทําความสะอาดได้เร็วขนาดนี้แถมยังมาอยู่ที่นี้อีก! ”

เหตุผลที่หลินหมิงจือจําเย่เทียนได้ก็เพราะเขาพยายามชักชวนเย่เทียน แต่เย่เทียนปฏิเสธเขาจึงจํามันได้

“พรสวรรค์ไม่เลว อายุยังน้อยก็บรรลุถึงระดับจอมยุทธ์ชั้นยอด ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็อยู่ต่อและร่วมมือกันจัดการมดจอมพลังเถอะ!”

ชายชรากล่าว

เห็นได้ชัดว่าเขาเพิ่งใช้พลังจิตของเขาเพื่อตรวจสอบระดับการบ่มเพาะของเย่เทียน

สีหน้าของเย่เทียนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขารู้ว่าเขาไม่สามารถปกปิดระดับการบ่มเพาะของเขาต่อหน้านักรบผู้เชี่ยวชาญได้

“อะไรนะ นักรบชั้นยอด เจ้าเด็กนี่…”

สีหน้าของหลินหมิงจือเปลี่ยนไปอย่างมาก

เขาคิดมาตลอดว่าเจ้าเด็กนี่เป็นนักรบ คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเป็นนักรบชั้นยอด

หากเขารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นนักรบชั้นยอด ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องทําให้เยู่เทียนเข้าร่วมตระกูลหลิน!

ตระกูลอื่น ๆ ต่างมองเย่เทียนอย่างไม่อยากจะเชื่อ พวกเขาทุกคนต่างตกตะลึงเช่นกัน

เย่เทียนสามารถก้าวเข้าสู่ระดับนักรบชั้นยอดได้ในวัยนี้ พรสวรรค์ของเขาไม่จําเป็นต้องพูดมากมันต้องเป็นพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงอย่างแน่นอน

“พรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูง!”

ผู้นําตระกูลบางตระกูลมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในใจกลับมีแผนการเล็ก ๆ น้อย ๆ

เย่เทียนแอบยิ้มออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาสัมผัสได้ถึงความเป็นปฏิปักษ์จากหลายคนหนึ่งในนั้นก็คือคนของตระกูลโม่

“ความอิจฉาสร้างความเกลียดชังได้จริงๆ!”

เย่เทียนไม่ต้องการเป็นศัตรูกับผู้นําตระกูลเหล่านี้ แต่ตระกูลเหล่านี้คงคิดว่าตัวเขานั้นจะเป็นอุปสรรคต่อตระกูลของพวกเขา พวกเขาไม่ต้องการเห็นการเห็นตระกูลที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นในฐานหลินไห่

อย่างไรก็ตาม เย่เทียนไม่ได้ให้ความสนใจกับอํานาจในฐานหลินไห่เลยแม้แต่น้อย

ในอนาคตเขาจะพาน้องสาวของเขาออกจากฐานหลินไห่ไปยังโลกที่กว้างใหญ่

น่าเสียดายที่ตระกูลเหล่านี้ล้วนไม่เคยเข้าใจ

ชายชราคนนั้นเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในที่แห่งนี้ และอนุญาตให้เย่เทียนอยู่ที่นี่ต่อคนจากตระกูลใหญ่อื่นๆจึงไม่กล้าโต้แย้ง

ดังนั้นเย่เทียนจึงยืนอยู่ข้างๆและรอคอยอย่างเงียบๆ

ทันใดนั้น ร่างๆหนึ่งก็โผล่ออกมาจากใต้ดิน และมาหยุดตรงหน้านักรบผู้เชี่ยวชาญ

“ผู้อาวุโสฉิง ภารกิจสําเร็จแล้ว!”