ที่มุมห้องนั้นเอง แมวอ้วนโผล่หัวออกมาจ้องมองโจวเหว่ยชิงที่ประตูทางเข้าอย่างว่างเปล่า แววตาของมันดูซับซ้อนในขณะที่ใช้กรงเล็บตะปบลงบนเก้าอี้นวมตรงหน้าอย่างรุนแรง
หลังจากนั้นไม่นาน โจวเหว่ยชิงก็ดูเหมือนจะหลุดออกจากภวังค์ของตนเอง เขาหันกลับมาและพูดว่า “มาเถอะแมวอ้วน ไปที่วังกักเก็บทักษะกัน”
แม้ว่าจะเป็นเวลาไม่กี่ชั่วโมงของวันใหม่ แต่โจวเหว่ยชิงก็ไม่สามารถอยู่นิ่งๆ ได้ เจ้าแมวอ้วนชะงักไปเล็กน้อย แต่มันก็กระโดดขึ้นไปบนไหล่ของเขาอย่างรวดเร็วและมุดลงไปที่รังนอนในอ้อมแขนของเขาเหมือนเคย แมวอ้วนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไม แต่ในขณะนั้นมันกลับต้องการสัมผัสอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขามากเป็นพิเศษ
เมื่อสัมผัสถึงร่างกายที่มีขนหนานุ่มและอบอุ่นของเจ้าแมวอ้วนในอ้อมแขนของเขา ความรู้สึกว่างเปล่าในใจของโจวเหว่ยชิงก็กระเตื้องขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากออกจากโรงเตี๊ยม อากาศเย็นสดชื่นก็ทำให้ความคิดสับสนของโจวเหว่ยชิงหายไปเล็กน้อย เมื่อมองขึ้นไปข้างบน เขาก็ถูกภาพอันน่าทึ่งของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวทำให้ชะงักไป ราวกับว่าพวกมันกำลังขยิบตาให้เขาจากระยะใกล้เพียงแค่เอื้อมมือ
เขาสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่จนรู้สึกราวกับปอดกำลังจะระเบิด จากนั้นโจวเหว่ยชิงก็ขับไล่ปัญหาของเขาออกจากสมองด้วยการถอนหายใจออกมายาวๆ
ใบหน้าที่ดูมีความสุขหายไป แทนที่ด้วยความเด็ดเดี่ยว
โจวเหว่ยชิงอายุเพียง 17 ปี แต่ในขณะนี้ เขาก็ได้เติบโตขึ้นอย่างแท้จริงแล้ว
การได้กลับมาพบซ่างกวนปิงเอ๋อร์อีกครั้งก่อนหน้านี้ก็เหมือนกับ ‘พิธี’ บรรลุเป็นผู้ใหญ่ของเขา เป็นการส่งสัญญาณว่าตอนนี้เขาเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ!
วังกักเก็บทักษะบนเกาะมณีสวรรค์อยู่ใกล้กับโรงเตี๊ยมของพวกเขามาก ไม่นานโจวเหว่ยชิงจึงมาถึงที่นี่ ด้วยป้ายมณีสวรรค์ในมือ เขาจึงสามารถเข้าไปข้างในได้อย่างง่ายดาย
คราแรกโจวเหว่ยชิงกังวลว่าวังกักเก็บทักษะอาจจะปิดในตอนกลางคืน แต่เมื่อไปถึงจุดหมายปลายทาง เขาก็พบว่าความกังวลของเขาช่างน่าขบขัน เพราะจริงๆ แล้ววังกักเก็บทักษะบนวังสวรรค์ไพศาลเปิดให้บริการทุกวัน ทุกเวลา!
วังกักเก็บทักษะที่นี่มีระบบการชำระเงินที่แตกต่างกับที่อื่นๆ ที่โจวเหว่ยชิงเคยไปมาเล็กน้อย เมื่อเข้าไปข้างใน ไม่ว่าอสูรสวรรค์ที่ต้องการกักเก็บทักษะจะอยู่ในระดับใด ก็จะมีค่าธรรมเนียมคงที่จำนวน 50,000 เหรียญทองเสมอ
เมื่อเทียบกับราคาต่ำสุดในวังกักเก็บทักษะของอาณาจักรบางแห่งซึ่งเก็บ 500 เหรียญทอง ที่นี่มีราคาแพงกว่าถึง 500 เท่า
ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครบ่นว่าราคาแพงมากเกินไป
นั่นเป็นเพราะอสูรสวรรค์แต่ละตัวในวังกักเก็บทักษะแห่งนี้ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีและมีเพียงตัวที่ดีที่สุดเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้อยู่ที่นี่ แต่ละตัวจึงมีทักษะที่ดีที่สุด แข็งแกร่งที่สุด หรือมีประโยชน์มากที่สุดเท่านั้น
เหล่าอสูรสวรรค์ที่นี่มีทั้งระดับราชาหรือแม้แต่มหาราชามากมาย!
แม้กระทั่งอสูรสวรรค์ระดับเทพเจ้า ที่นี่ก็ยังไม่ขาดแคลน แน่นอนว่ามีคนไม่มากนักที่จะรู้เรื่องนี้
ภายใต้สถานการณ์ปกติ หากมาที่วังกักเก็บทักษะ สิ่งแรกที่โจวเหว่ยชิงจะต้องทำคือกักเก็บทักษะสุดท้ายของทักษะธาตุกาลเวลา 2 ชนิด
แต่ปัจจุบันสมองของเขายังเต็มไปด้วยภาพของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ โจวเหว่ยชิงจึงไม่อาจรักษาความสงบเยือกเย็นเอาไว้ได้ ในสภาพเช่นนี้ เขาจึงไม่มีความอดทนต่อการค่อยๆ มองหาทักษะที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง ด้วยเหตุนี้ การมาเยือนที่นี่ในยามค่ำคืน เป้าหมายของเขาจึงไม่ใช่การกักเก็บทักษะ
ภายใต้คำแนะนำของพนักงาน โจวเหว่ยชิงจึงมุ่งเข้าสู่ส่วนลึกของวังกักเก็บทักษะทันที ขนาดของสถานที่แห่งนี้เล็กกว่าวังกักเก็บทักษะของอาณาจักรจ้งเทียน แต่ที่อุโมงค์ทางเข้าทุกทางล้วนแล้วแต่มีมณีสะท้อนติดอยู่
ผู้นำทางที่พาโจวเหว่ยชิงเข้าไปถามเด็กหนุ่มว่า “อสูรสวรรค์ทักษะธาตุใดที่ท่านต้องการกักเก็บทักษะ?”
โจวเหว่ยชิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามอย่างเคร่งขรึม “พวกท่านมีอสูรสวรรค์ที่มีทั้งทักษะธาตุมืดและทักษะธาตุปีศาจหรือไม่? จะอยู่ในระดับไหนก็ได้”
ผู้นำทางในชุดคลุมสีขาวมองมาที่เขาด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “ โปรดรอสักครู่ ข้าจะตรวจสอบคำขอนั้นให้”
เมื่อพูดเช่นนั้น ชายหนุ่มก็เดินไปที่มณีสะท้อนที่ติดอยู่ด้านข้างและเริ่มค้นหาข้อมูลที่ต้องการทันที
โดยธรรมชาติแล้วโจวเหว่ยชิงย่อมมีเหตุผลในการเลือกอสูรสวรรค์ที่มีทั้งทักษะธาตุมืดและทักษะธาตุปีศาจ เขามาที่นี่ในคืนนี้ก็เพื่อกลืนกินพลังปราณของอสูรสวรรค์เพื่อที่จะฝึกปราณให้เร็วขึ้น
หลังจากได้เห็นซ่างกวนปิงเอ๋อร์ ความกระหายอยากในพลังของโจวเหว่ยชิงก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเขาก็จะไม่ยอมเสียเวลาอันมีค่าไปแน่นอน เขาจะต้องเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเวลาอันสั้นที่สุดเพื่อนำปิงเอ๋อร์กลับคืนมาให้จงได้
สำหรับสาเหตุที่ต้องเลือกสัตว์อสูรที่มีทั้งทักษะธาตุมืดและทักษะธาตุปีศาจก็มีที่มาที่ไปเช่นกัน หลังจากอ่านคู่มือปีศาจแล้ว โจวเหว่ยชิงก็เริ่มเข้าใจเกี่ยวกับความลึกลับซับซ้อนของทักษะกลืนกินมากยิ่งขึ้น
ตามบันทึกในคู่มือปีศาจ เมื่อใช้ทักษะกลืนกินเพื่อจุดประสงค์ในการเพิ่มระดับพลังปราณ พลังภายนอกที่ง่ายที่สุดต่อการชำระล้างและดูดซับคือพลังปราณสวรรค์จากอสูรสวรรค์ที่มีทักษะธาตุทั้ง 2 ชนิดนี้ นั่นเป็นเพราะทักษะกลืนกินมีต้นกำเนิดมาจากทักษะธาตุปีศาจ และทักษะธาตุปีศาจนั้นก็เชื่อมโยงอยู่กับทักษะธาตุมืดอย่างซับซ้อน
ในความเป็นจริง การมีทั้งทักษะธาตุมืดและทักษะธาตุปีศาจอยู่ในตัวก็ถือเป็นรากฐานสำคัญที่คนผู้นั้นจะต้องมีก่อนที่จะครอบครองทักษะกลืนกินได้
ด้วยเหตุนี้ หากพลังปราณสวรรค์ที่กลืนกินเข้าไปประกอบด้วยทักษะธาตุทั้ง 2 นี้ มันก็จะเหมาะสมกับพลังปราณสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงที่สุด หลังจากทำให้มันบริสุทธิ์และดูดซับเข้ามาในร่างกาย เด็กหนุ่มก็จะได้รับพลังปราณในสัดส่วนที่มากขึ้น ลดการสูญเสีย และเพิ่มอัตราความเร็วในการฝึกปราณได้เป็นอย่างมาก
นี่เป็นความเร็วที่สูงที่สุดของวิชาฝึกปราณแล้ว!
แน่นอนว่าอสูรสวรรค์ที่มีทั้งทักษะธาตุมืดและทักษะธาตุปีศาจนั้นหายากยิ่งกว่ามนุษย์ที่มีทักษะธาตุทั้ง 2 ชนิดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่านี่คือวังกักเก็บทักษะของเกาะมณีสวรรค์ โจวเหว่ยชิงคงจะไม่ถามเรื่องนี้ออกไปแน่
ผู้นำทางใช้เวลาค้นหาไม่นานนัก ก่อนจะกลับไปหาโจวเหว่ยชิงและกล่าวด้วยความเคารพว่า “นายท่านขอรับ ข้าค้นหาเสร็จแล้ว อสูรสวรรค์ที่มีทักษะธาตุมืดและทักษะธาตุปีศาจ 2 ชนิดในตัวเดียวนั้นหายากมาก และแม้แต่ในวังกักเก็บทักษะบนเกาะมณีสวรรค์ของเราก็มีเพียง 2 ตัวเท่านั้น หนึ่งคืออสูรสวรรค์ระดับเทวะขั้นสูงสุด แมงมุมปีศาจแปดตา และอีกหนึ่งคืออสูรสวรรค์ระดับมหาราชา ปีศาจมังกรสาว”
“อย่างไรก็ตาม ในการกักเก็บทักษะของอสูรสวรรค์ระดับราชาขึ้นไป ท่านจะต้องเป็นส่วนหนึ่งในเกาะมณีสวรรค์ของเรา มิฉะนั้นจะต้องแลกเปลี่ยนบางอย่างที่เท่าเทียมกัน”
โจวเหว่ยชิงชะงัก “ไม่ยอมรับเหรียญทองงั้นหรือ?”
ผู้นำทางยิ้มขณะที่เขาส่ายหัวพร้อมกับพูดว่า “ขอโทษด้วยขอรับนายท่าน มูลค่าของอสูรสวรรค์ระดับราชาขึ้นไปไม่สามารถวัดได้ด้วยเหรียญทองเพียงอย่างเดียว”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา โจวเหว่ยชิงก็พยักหน้าและพูดว่า “ข้าเข้าใจแล้ว…ดังนั้นเหรียญทอง 50,000 เหรียญที่นี่ก็ใช้สำหรับอสูรสวรรค์ระดับเทวะเท่านั้น หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็คงต้องเลือกแมงมุมปีศาจแปดตาที่ท่านพูดถึงก่อนหน้านั้น”
“โปรดตามข้ามาทางนี้” ผู้นำทางพยักหน้าขณะพาโจวเหว่ยชิงไปตามทางเข้าไปยังกรงของอสูรสวรรค์ทักษะธาตุมืด
เมื่อตกดึก วังกักเก็บทักษะที่ค่อนข้างว่างเปล่าก็เงียบลงอย่างน่าขนลุก และมีเพียงเสียงฝีเท้าของพวกเขาเท่านั้นที่ดั้งขึ้นกลบเสียงรอบข้างขณะที่พวกเขาเดินไปตามเส้นทางนั้น ขณะที่พวกเขาเดินเข้าไป ผู้นำทางก็บอกกับโจวเหว่ยชิงว่า “เพื่อให้แน่ใจว่าอสูรสวรรค์จะได้ขยับตัวและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี แม้ว่าพวกมันจะถูกผนึกและจองจำเอาไว้ แต่เมื่อเทียบกับวังกักเก็บทักษะที่อื่นๆ การจองจำที่นี่จะไม่แน่นหนาเท่าแห่งอื่น แมงมุมปีศาจแปดตาเป็นสัตว์ที่ดุร้ายและเกรี้ยวกราดมาก ท่านต้องระมัดระวังระหว่างกักเก็บทักษะด้วย”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าให้ชายหนุ่มและกล่าวว่า “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ ข้าจะระมัดระวังตัว”
ทั้งสองเดินทางไปเกือบร้อยเมตร ผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยววกวนไปมา ก่อนจะถึงประตูบานใหญ่ที่สูงประมาณ 2 เมตรและกว้าง 1 เมตร เห็นได้ชัดว่ามีอสูรสวรรค์ถูกผนึกอยู่หลังประตูนี้
ในที่สุดผู้นำทางก็หยุดตรงหน้าประตูเขา เว้นระยะสักพักก่อนจะพูดว่า “นายท่านขอรับ แมงมุมปีศาจแปดตาที่ท่านร้องขออยู่หลังประตูนั้น โปรดทราบว่าท่านมีเวลา 1 วันในการกักเก็บทักษะ หากท่านไม่ออกมาภายในหนึ่งวัน ท่านจะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมของวันที่ 2 แม้ว่าท่านจะยังใช้เวลาไม่เต็มวันก็ตาม หลังจากเสร็จสิ้นการกักเก็บทักษะของท่านแล้ว โปรดเดินกลับไปตามเส้นทางที่เรามาและอย่าเดินเข้าไปในห้องของอสูรสวรรค์ตัวอื่นๆ เพราะอาจเกิดอันตรายกับท่านได้”
เมื่อพูดจบ เขาก็หยิบกุญแจออกมาไขเปิดประตู ก่อนที่จะส่งสัญญาณให้โจวเหว่ยชิงเดินเข้าไป
โจวเหว่ยชิงขอบคุณผู้นำทางก่อนเดินเข้าห้องไปด้วยตัวคนเดียว
ห้องนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก แม้ว่าจะมีไว้สำหรับอสูรสวรรค์เพียงตัวเดียวและมีขนาดประมาณสิบกว่าตารางเมตรก็ตาม ทันทีที่เข้าไปด้านในประตู โจวเหว่ยชิงก็มองเห็นเป้าหมายของเขาอย่างง่ายดาย
มันคือแมงมุมตัวใหญ่ มีสีเทาหม่นราวกับของไร้ชีวิต มันมีขนาดเกือบเท่าหินโม่ขนาดใหญ่ เมื่อเทียบกับแมงมุมธรรมดาแล้ว แขนขาทั้งแปดของมันกลับไม่ได้ยาวมากนัก ทว่าดวงตาที่เรืองแสงขนาดมหึมาทั้งแปดดวงด้านหลังของมันกลับเย็นยะเยือกจนน่าขนลุก
ทั้งตัวของมันถูกปกคลุมไปด้วยเส้นใยสีดำจนเกือบจะคล้ายตาข่ายรูปร่างแปลกประหลาด บรรดาขาสั้นๆ ทั้งหมดของมันน่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง เห็นได้จากการที่มีหนามแหลมคมโผล่ออกมารายล้อมขาเหล่านั้นเอาไว้ มองเพียงปราดเดียวก็สามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่านี่คือสิ่งมีชีวิตดุร้ายที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นเครื่องจักรสังหาร
นี่คือแมงมุมปีศาจแปดตา สมกับชื่อของมันอย่างแท้จริง
โจวเหว่ยชิงสูดหายใจเข้าลึก ทันทีที่เห็นสิ่งมีชีวิตตรงหน้า แม้แต่คนที่เคยเห็นอสูรสวรรค์มามากมายเหมือนตัวเขาก็ยังเกือบตกตะลึงไปไม่ได้ ความร้อนรุ่มก่อนหน้านี้ของเขาถูกดับให้เย็นลงในทันที เด็กหนุ่มพยายามบังคับตัวเองให้สงบใจลง
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหากไม่ใช่เพราะอสูรสวรรค์ตนนี้ถูกปิดผนึกเอาไว้ เขาก็คงไม่แม้แต่จะวาดฝันว่าจะประจัญหน้ากับมันได้เช่นนี้ ในความเป็นจริง แม้แต่สมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่ทั้งกลุ่มรวมพลังกันก็ยังไม่สามารถโค่นมันลงได้ด้วยซ้ำ
เป็นทักษะธาตุคู่ที่มีทั้งทักษะธาตุมืดและทักษะธาตุปีศาจ ในระดับเทวะขั้นสูงสุด!
นั่นเหนือกว่าจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 9 ชุดทั่วๆ ไปด้วยซ้ำ!
ในขณะที่โจวเหว่ยชิงกำลังยุ่งอยู่กับความคิดของตนเองนั้น แมงมุมปีศาจแปดตาก็ตัดสินใจที่จะลองเชิงด้วยการจู่โจมสร้างความตกใจ ร่างกายที่นิ่งสงบไม่ไหวติงของมันพุ่งเข้าใส่โจวเหว่ยชิงอย่างกะทันหัน
การเคลื่อนไหวที่ของมันทั้งรวดเร็ว ดุดัน และกะทันหัน ควบคู่ไปกับรังสีสังหารที่รุนแรงจากดวงตาทั้ง 8
โจวเหว่ยชิงกระโจนถอยพรืดไปข้างหลังตามสัญชาตญาณและกระแทกเข้ากับประตูอย่างรุนแรง ในเวลาเดียวกัน ร่างกายของแมงมุมปีศาจแปดตาก็หยุดชะงักลงกลางอากาศ ห่างจากเขาเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น
มันถูกหยุดด้วยโซ่สีดำที่หนาทึบและยาวเหยียดซึ่งดูเหมือนจะทำจากวัสดุที่เขาไม่รู้จักซึ่งมีทั้งความเหนียวและยืดหยุ่นเท่าที่จะมนุษย์จะสามารถสร้างได้
ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้นเอง โจวเหว่ยชิงก็ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก แมงมุมปีศาจแปดตามองมาที่เด็กหนุ่ม ดวงตาทั้งแปดของมันดูเหมือนจะเยาะเย้ยขณะที่จ้องมองมาจากตำแหน่งของมันอย่างเย็นชา
“ให้ตายเถอะ นี่เจ้าอยากตายใช่ไหมหา!” โจวเหว่ยชิงคำรามเสียงต่ำ
การพลังจู่โจมที่รุนแรงของแมงมุมปีศาจ 8 ตาได้จุดประกายความโกรธและไฟในตัวของเขาให้ลุกโชนขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว
เดิมทีโจวเหว่ยชิงก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว เขาจึงมาที่นี่เพื่อฝึกปราณโดยเฉพาะ ทว่าตอนนี้เด็กหนุ่มกลับได้พบสิ่งมีชีวิตที่กำลังทดสอบขีดจำกัดของเขาเช่นกัน
กล้ามเนื้อแขนทั้งสองข้างของเขาพลันขยายใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วที่บ้าคลั่งด้วยความเร็วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า หลังจากนั้นไม่นาน ลายเสือดำก็กระจายไปทั่วร่างกายของเขาเหมือนเช่นเคย หลังจากกระทืบเท้าขวาลงพื้นอย่างโหดเหี้ยมแล้ว โจวเหว่ยชิงก็พุ่งไปข้างหน้าโดยเล็งเป้าไปที่ศีรษะของแมงมุมปีศาจแปดตาทันที
หากอสูรสวรรค์ที่ทรงพลังตัวนี้ไม่ได้ถูกลงผนึกเอาไว้ บางทีโจวเหว่ยชิงอาจทำได้เพียงแค่วิ่งหนีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมัน ทั้งยังเป็นโอกาสหลบหนีที่สำเร็จได้น้อยมากเสียด้วย ทว่าตอนนี้มันถูกจำกัดพลังเอาไว้ด้วยตราประทับธาตุมืดบนตัวและแทบจะไม่สามารถปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของตัวเองออกมาได้เลย
หลังโจวเหว่ยชิงเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่าง แมงมุมปีศาจแปดตาก็ดูเหมือนจะกระสับกระส่ายขึ้นมาในทันที เมื่อเห็นเขาพุ่งเข้ามาด้านหน้า มันก็ส่งเสียงร้องโหยหวน ขาของมันหดกลับเข้าไปข้างในขณะที่ก้มตัวลงเผยให้เห็นเกล็ดเป็นชั้นๆ บนหลังที่มีลักษณะคล้ายกับเกราะหุ้ม
น่าเสียดาย สิ่งที่ปะทะเข้ากับโล่ป้องกันของมันคือขาขวาปีศาจของโจวเหว่ยชิง
เกิดเสียงระเบิดดังลั่นขึ้นมา ร่างของแมงมุมปีศาจแปดตาถูกฟาดติดพื้นอย่างโหดเหี้ยม
……………………………………………………….