นุ่ม…เปียกชื้น…หอม…แต่เดี๋ยวก่อน…มีบางอย่างผิดปกติ? สมองของโจวเหว่ยชิงพลันว่างเปล่าขณะประกบจูบอีกฝ่าย อารมณ์ของเขายุ่งเหยิงมากจนแทบไม่รู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติ

ผู้คุมชุดขาวทั้ง 4 ที่อยู่เบื้องหลัง ‘ซ่างกวนปิงเอ๋อร์’ ต่างตกตะลึงเป็นอย่างมาก สิ่งที่อยู่ในใจพวกเขามีเพียงคำถามเดียว ใคร…ใครกัน? ใครที่กล้าจูบอสูรน้อยแห่งวังสวรรค์ไพศาลได้…!

เมื่อถูกโจวเหว่ยชิงจูบ ดวงตาของ “ซ่างกวนปิงเอ๋อร์” ก็เบิกกว้างขึ้น ร่างกายของเธอพลันสั่นเทา วินาทีต่อมาก็เกิดภาพเหตุการณ์ประหลาดขึ้น

‘ซ่างกวนปิงเอ๋อร์’ เริ่มเคลื่อนไหวในอ้อมแขนของโจวเหว่ยชิง และในช่วงเวลาถัดมา แขนของเธอก็เลื่อนหลุดออกราวกับปลาไหลที่ยืดหยุ่นได้ หลังจากนั้นไม่นาน ขาซ้ายของเธอก็กระทืบลงบนเท้าขวาของโจวเหว่ยชิงอย่างแรง ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นสูดปากด้วยความเจ็บปวด

จากนั้นเธอจับไหล่ของเขา ใช้ไหล่ซ้ายฟาดเข้าที่หน้าอกของเด็กหนุ่มเล็กน้อย จากนั้นโจวเหว่ยชิงถูกส่งตัวกระเด็นลอยกลับไปกลางอากาศ

นั่นเป็นการโจมตีที่น่าทึ่งจริงๆ อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของโจวเหว่ยชิงก็ยังคงทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะได้ระมัดระวังซ่างกวนปิงเอ๋อร์ แต่ความแข็งแกร่งขั้นพื้นฐานนั้นก็ยังคงมีผลอยู่เช่นเดียวกับน้ำหนักตัว กระนั้น ‘ซ่างกวนปิงเอ๋อร์’ คนนี้ก็สามารถโยนเขากลับออกไปโดยไม่ใช้พลังปราณสวรรค์เลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่ง ความยืดหยุ่น และการประสานงานของเธอต้องอยู่ในระดับที่น่าทึ่งแน่นอน

เมื่อเห็นโจวเหว่ยชิงถูกเหวี่ยงออกไป หลินเทียนอ้าวก็ตกใจและรีบกระโดดออกไปรับตัวอีกฝ่ายทันที ในเวลาเดียวกันนั้นเอง “ซ่างกวนปิงเอ๋อร์” ก็พุ่งทะยานเข้าหาโจวเหว่ยชิงกลางอากาศพร้อมกับตะโกนว่า “อ้วนน้อยโจว เจ้าอยากตายใช่ไหม!”

“พี่รอง! ยั้งมือก่อน!” จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น และร่างในชุดสีขาวอีกคนก็พุ่งลงมาจากชั้น 4 ของศาลาศาสตรามณียุทธ์

เมื่อได้ยินเสียง “ซ่างกวนปิงเอ๋อร์” ที่ลอยอยู่กลางอากาศก็มีท่าทีลังเล มือของเธอที่เกือบจะถึงร่างของโจวเหว่ยชิงก็ถูกชักกลับคืนไปทันที

เพียงแค่นั้นโจวเหว่ยชิงก็ถูกหลินเทียนอ้าวรับเอาไว้ได้อย่างปลอดภัย ทว่าในเวลานั้นเขาทั้งตกใจและเคืองขุ่นที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล้าโจมตีเขาจริงๆ บริเวณที่เขาถูกคว้าจับคือจุดตายตรงกระดูกไหปลาร้า ในทันทีที่มันถูกคว้าเอาไว้ เขาก็รู้สึกได้ว่าพลังปราณสวรรค์ทั้ง 2 สายกำลังบุกรุกเข้ามาผ่านจุดตายของเขา และถึงแม้ว่าส่วนใหญ่ถูกปิดกั้นด้วยหลุมดำพลังปราณ ทว่ามันก็ยังคงทำให้ไหล่ทั้งสองข้างของเขาชาหนึบ มิฉะนั้นเขาก็คงจะไม่ถูกโยนออกมาได้ง่ายๆ เช่นนี้แน่

ในขณะที่หลินเทียนอ้าววางโจวเหว่ยชิงลงบนพื้น ร่างหนึ่งก็เคลื่อนไหววูบวาบลงมาจากด้านบนตรงเข้าสู่อ้อมแขนของโจวเหว่ยชิงทันที

“อ้วนน้อย!” เสียงร้องที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ความปรารถนา ความคิดถึงและความรักใคร่ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ปรากฏตัวต่อหน้าโจวเหว่ยชิงอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้โจวเหว่ยชิงไม่กล้าจะกอดเธอกลับ เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว แขนของเขายกขึ้นข้างหน้าเขาอย่างระมัดระวัง “เจ้า…”

เช่นเดียวกับที่โจวเหว่ยชิงกำลังจะถามว่าทำไมซ่างกวนปิงเอ๋อร์ถึงปฏิบัติกับเขาเช่นนั้น เขาก็พลันรู้สึกราวกับสมองไม่ทำงาน จ้องมองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่าเมื่อเหลือบเห็นว่าบนบันไดไม่ไกลนั้นมี ‘ซ่างกวนปิงเอ๋อร์’ อีกคนยืนมองเขาอย่างโกรธเคืองอยู่ด้วย

“เกิดอะไรขึ้น…ใครก็ได้บอกทีว่าเกิดอะไรขึ้น?!” โจวเหว่ยชิงมองสลับระหว่างซ่างกวนปิงเอ๋อร์ทั้งสองคนอย่างสับสน กล้ามเนื้อใบหน้าของเขาพลันกระตุกขึ้นมา

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์อยู่ตรงหน้าเขาร้องไห้ออกมา “อ้วนน้อยโง่เง่า ข้าคือปิงเอ๋อร์ของเจ้า! นั่นคือพี่สาวคนรองของข้า ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์!”

โจวเหว่ยชิงจ้องกรามค้าง “เจ้า…เจ้าคือปิงเอ๋อร์ของข้าจริงๆ หรือ? พ่อแม่ของเจ้าให้กำเนิดพวกเจ้ามาอย่างไรกัน! เหตุใดทั้ง 3 คนถึงหน้าตาเหมือนกันมากขนาดนี้…”

ขณะที่พูดอย่างนั้น เขาก็ลดแขนทั้งสองข้างที่ยกขึ้นกั้นอย่างระมัดระวังลง จากนั้นซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็กระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของโจวเหว่ยชิงและกอดเอวอีกฝ่ายไว้อย่างแนบแน่น

กลิ่นที่คุ้นเคย…ร่างกายอ่อนนุ่มที่สั่นสะท้านน้อยๆในอ้อมแขนของเขา ในที่สุดมันก็ดูสมจริงขึ้นมาแล้ว โจวเหว่ยชิงค่อยๆ กระชับแขนของเขารอบๆ ร่างซ่างกวนปิงเอ๋อร์และพึมพำกับตัวเอง “ปิงเอ๋อร์…ปิงเอ๋อร์ของข้า…”

ทันใดนั้นน้ำเสียงอันเยือกเย็นก็ดังขึ้นมาจากด้านนอก “ทำไมเอะอะเสียงดังกันจัง” ร่างในชุดสีขาวอีกหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้น ณ บันไดทางขึ้นสู่ชั้นที่ 4 เป็นหญิงสาวอีกคนที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันทุกระเบียดนิ้ว ทว่าเธอผู้นี้กลับมีสีหน้าเย็นชา แน่นอนว่านั่นคือซ่างกวนเสว่เอ๋อร์

เสว่เอ๋อร์ เฟยเอ๋อร์ ปิงเอ๋อร์ พี่น้องแฝด 3 นี้ดูเหมือนกันทุกประการ และเมื่อพวกนาง ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา แม้แต่หลินเทียนอ้าวก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจ้องมองด้วยความตกตะลึง เขาพึมพำกับตัวเองในใจ ที่เหว่ยชิงเคยถูกตบหน้าและโยนออกมาในครั้งนี้มันไม่ใช่ความผิดของเขาอย่างแท้จริง! บางทีถ้าหากข้าเป็นเขา ข้าเองก็คงทำแบบเดียวกัน

เมื่อได้ยินเสียงของซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่สวยงามของเธอขึ้นสีแดงระเรื่อ ทว่าหญิงสาวกลับทนไม่ได้ที่จะปล่อยโจวเหว่ยชิงจากไป เธอจึงเอนตัวจมเข้าไปในอ้อมกอดของเขาให้มากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับเขา ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เองรู้สึกทรมานจากการถูกพรากจากกัน และในที่สุดเมื่อได้พบเจ้าอ้วนน้อยของเธออีกครั้ง หญิงสาวจะทนแยกจากเขาไปอีกครั้งอย่างรวดเร็วได้อย่างไร?

เมื่อมองเห็นโจวเหว่ยชิง ใบหน้าของซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ก็เริ่มเย็นชาขึ้น เธอหันไปหาโจวเหว่ยชิงและเอ่ยอย่างเฉยเมย “ครั้งหนึ่งข้าเคยสัญญากับเจ้าว่าถ้ากลุ่มนักรบเฟยหลี่ของเจ้าสามารถเข้าสู่ 4 อันดับแรกของงานประลองมณีสวรรค์ได้ ข้าจะให้เจ้าได้พบปิงเอ๋อร์ ตอนนี้พวกเจ้าทั้งคู่ก็ได้พบกันแล้ว…เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปซะ”

“พี่ใหญ่…” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เอ่ยด้วยความร้อนรนใจ

เมื่อมองไปยังน้องสาวที่เคยพลัดพราก ความเย็นชาบนใบหน้าของซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ก็หลอมละลายลงและอ่อนโยนขึ้นเรื่อยๆ “ปิงเอ๋อร์ เจ้ากำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ เหล่าอาจารย์ตรากตรำทำงานหนักมาหลายวันเพื่อช่วยเจ้าสร้างมณียุทธ์ขึ้นมาใหม่ เจ้าอย่าได้ทำลายความพยายามของทุกคนในวันนี้เลย กลับเข้ามาซะ ม้วนคัมภีร์ประกอบใหม่เกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จับมือโจวเหว่ยชิงราวกับไม่อยากจะแยกจากไป

ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “มาเถอะปิงเอ๋อร์ เราต้องไปแล้ว เอาเช่นนี้ ให้เขารอที่นี่ก่อน เมื่อเจ้าสร้างมณียุทธ์ใหม่ของตนเองเสร็จแล้ว เจ้าก็สามารถกลับมาที่นี่เพื่อพูดคุยกับเขาได้ แค่อย่ากลับวังดึกเกินไปล่ะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็มีความสุขมาก เธอยิ้มอย่างพึงพอใจขณะที่กล่าวว่า “ขอบคุณพี่ใหญ่ อ้วนน้อย เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก่อนนะ ข้าจะกลับมาที่นี่ทันทีที่ข้าทำสำเร็จ”

โจวเหว่ยชิงจับมือเธออย่างดื้อรั้นและพูดว่า “ไม่ ข้าไม่อยากให้เจ้าจากไป”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ชะงัก แต่ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์กลับพูดอย่างเย็นชา “ถ้าเจ้าต้องการให้นางได้สิ่งที่ดีที่สุดมาครอบครอง เจ้าควรปล่อยนางไป ม้วนคัมภีร์ประกอบใหม่สามารถใช้ได้ในทันทีที่สร้างขึ้นและจะช่วยให้มณียุทธ์ของปิงเอ๋อร์ได้รับการชำระล้างจนกลายเป็นกระดาษขาว เพื่อที่นางจะได้หลอมรวมศาสตรามณียุทธ์ขึ้นใหม่อีกครั้ง

เมื่อได้ยินคำพูดของซ่างกวนเสว่เอ๋อร์ แม้ว่าเขาจะยังอยู่ในสภาพอารมณ์แปรปรวน แต่โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ชำระล้างมณียุทธ์? นั่นเป็นไปได้ด้วยหรือ? ไม่ใช่ว่าศาสตรามณียุทธ์จะคงอยู่ถาวรไปตลอดกาลเมื่อผ่านการหลอมรวมไปแล้วหรือ?!

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์มองโจวเหว่ยชิงอย่างอ้อนวอนและพูดว่า “อ้วนน้อย พวกเรารบกวนผู้คนมามากมาย พวกเขาทุ่มเทเวลาเพื่อช่วยข้าสร้างมณียุทธ์ของตัวเองขึ้นมาใหม่ ข้าไม่อาจทำลายความพยายามของอาจารย์เหล่านี้ได้ โปรดรอข้าสักครู่เถิด ข้าจะกลับมาให้เร็วที่สุด”

ไม่ว่าเขาจะไม่อยากให้เธอจากไปเพียงใด โจวเหว่ยชิงก็ไม่อาจปล่อยให้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์สูญเสียโอกาสดังกล่าวได้ แน่นอนว่าด้วยความมั่งคั่งของวังสวรรค์ไพศาล หลังจากที่สร้างมณียุทธ์ของเธอขึ้นมาใหม่ ปิงเอ๋อร์จะสามารถหลอมรวมกับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ที่มีคุณภาพสูงกว่านี้ได้แน่นอน อย่างน้อยก็น่าจะเป็นชุดศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าหรือแม้แต่ชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนาน! ซ่างกวนเทียนเยว่รักลูกสาวของเขามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่เขารู้สึกว่าตนเองทอดทิ้งเธอมานานหลายปี เขาย่อมต้องทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกสาวคนนี้แน่นอน

เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็ปล่อยมือออกอย่างไม่เต็มใจ

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์หน้าแดงเรื่อขณะที่เธอเขย่งตัวเข้าไปใกล้ร่างของอีกฝ่ายและประทับจูบเบาๆ ที่ใบหน้าของเขาก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดไปอีกครั้ง

ซ่างกวนเสว่เอ๋อร์จ้องมองไปที่โจวเหว่ยชิงอย่างเย็นชาก่อนจะหันกลับไปข้างในอีกครั้ง มีเพียงซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ข้างนอก

องครักษ์ชุดขาวที่ขวางโจวเหว่ยชิงและหลินเทียนอ้าวเอาไว้ก่อนหน้านี้กำลังมองดูเขาด้วยท่าทางที่แตกต่างออกไป ส่วนใหญ่ล้วนมีสายตาอยากรู้อยากเห็น พวกเขาต่างก็คาดเดากันไปต่างๆ นานาว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือใครกันแน่ เขาถึงกับจูบคุณหนูรองและคุณหนูสามได้!

เมื่อเห็นว่าพี่ใหญ่และน้องสาวตัวน้อยของเธอจากไปแล้ว ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จึงกัดฟันจ้องมองไปที่โจวเหว่ยชิง “ อ้วนน้อยโจว กล้าดียังไงมาขโมยจูบแรกของข้า เจ้าตายซะเถอะ!”

โจวเหว่ยชิงพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เจ้าจะตำหนิข้าเรื่องนี้ได้อย่างไร! นอกจากท่านแม่และท่านพ่อของข้าแล้วก็มีเพียงปิงเอ๋อร์เท่านั้นที่เรียกข้าว่าอ้วนน้อย ใครขอให้เจ้าทุกคนหน้าตาเหมือนกันขนาดนี้ล่ะ เเถมเจ้ายังเรียกข้าด้วยชื่อนั้นอีก ข้าจะเดาได้อย่างไรนั่นว่าไม่ใช่ปิงเอ๋อร์? ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ากระทืบเท้าข้าแถมยังโยนข้าออกไปด้วย เช่นนั้นตอนนี้พวกเราก็เสมอกันแล้ว”

ดวงตากลมโตที่สวยงามของซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จ้องมองเขาด้วยความโกรธขณะที่เธอมองเขาด้วยความฉงน “เสมอกัน?! เจ้าขโมยจูบแรกของข้าแต่กลับคิดว่าตอนนี้พวกเราเสมอกันแล้ว? ฝันไปเถอะ! แม้ว่าเจ้าจะเป็นคนรักของน้องสาม ข้าก็จะทรมานเจ้าจนกว่าเจ้าจะขอร้องขอความตาย! ไม่เช่นนั้นก็อย่าเรียกข้าว่าซ่างกวนเฟยเอ๋อร์เลย!”

โจวเหว่ยชิงหัวเราะและกล่าวว่า “นั่นไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่เพราะเจ้าเป็นพี่สาวของปิงเอ๋อร์ ถ้าเราเล่นกันบนเตียงจนถึงขั้นข้าต้องร้องขอความตายล่ะก็…อ่า…มันช่างเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมาก…แต่นั่นจะทำให้ปิงเอ๋อร์ผิดหวังเอาได้! แม้ปิงเอ๋อร์จะไม่ตำหนิข้า ข้าก็ยังรู้สึกผิดในใจอยู่ดี! ถึงอย่างไรข้าก็เป็นสุภาพบุรุษ อย่าคิดว่าเพียงเพราะเจ้าหน้าตาเหมือน ปิงเอ๋อร์แล้วข้าจะตกหลุมรักเจ้าเสียล่ะ”

ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์แตกตื่นกับการหยอกล้อโจวเหว่ยชิงจนพูดไม่ออก เธอเป็นที่รู้จักในฐานะจอมซนแห่งวังสวรรค์ไพศาลตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งยังไม่มีใครสามารถทำอะไรเธอได้จนกระทั่งพวกเขาตั้งฉายาให้หญิงสาวว่า ‘อสูรน้อย’ หากเธอเล่นสนุกกับเหล่าสาวกของวังสวรรค์ไพศาล พวกเขาจะกล้าตอบโต้หรือขัดขืนได้อย่างไร แต่ถึงกระนั้น ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ากลับเอาเปรียบเธอและยังกล้าท้าทายกลับอีกด้วย ทันใดนั้นซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ก็สัมผัสถึงความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน และเธอก็ประหลาดใจที่พบว่าความโกรธบางส่วนของตนได้จางหายไปแล้ว

ดวงตาของเธอกรอกไปมาอย่างกรุ่นคิด อุบายอันชาญฉลาดแวบเข้ามาในสมองของเธอทันที หญิงสาวชี้ไปที่โจวเหว่ยชิงและพูดว่า “ได้ โจวเหว่ยชิง เจ้ารอก่อนเถอะ จำคำพูดที่เจ้าพูดกับข้าในวันนี้ไว้ให้ดี เจ้าจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่นอน ข้าจะรอวันที่เจ้ามาร้องขอความเมตตาจากข้า!”

โจวเหว่ยชิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่มีปัญหา! แต่หากเจ้าพูดว่า ‘ข้าต้องการมากกว่านี้อีก’ เมื่อไหร่ ข้าก็คงต้องร้องขอความเมตตาจากเจ้าจริงๆ แน่”

เพียงแค่ต้องเฝ้าดูปิงเอ๋อร์ของเขาจากไป โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกหงุดหงิดมากแล้ว นอกจากนี้ เขาไม่ได้มีความประทับใจใดๆ ต่อซ่างกวนเทียนเยว่หรือซ่างกวนเสว่เอ๋อร์เลย ดังนั้นเมื่อซ่างกวนเฟยเอ๋อร์ยั่วยุเขา หากยังเงียบไม่ตอบโต้อีก เขาจะยังเป็นโจวเหว่ยชิงได้อย่างไร? ในแง่ของความกะล่อนและพูดจาเล่นลิ้นนั้น ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์จะเป็นคู่ปรับกับเขาได้อย่าง ไร?

ซ่างกวนเฟยเอ๋อร์โกรธจนแทบตัวสั่น “วันนี้ปิงเอ๋อร์ยังอยู่แถวนี้ ข้าจะไม่เถียงกับเจ้าอีก แต่รอก่อนเถอะ! ฮึ่ม!” เมื่อพูดจบ เธอก็หมุนตัวจากไป

……………………………………………………