ตอนที่ 485 เสแสร้ง
จี้อี้ลุกพรวดขึ้นมาจากที่นั่ง!
“นายมาทำอะไร!”
“เสี่ยวอี้ ไม่เจอกันนานเลยนะ ไม่ได้ข่าวคราวเธอมานานขนาดนี้ ฉันกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เพราะงั้นถึงได้แวะมาเยี่ยมซักหน่อย…ฉันมีอาหารเที่ยงมาฝากด้วยนะ…”
คนที่มาหาใช่ใครที่ไหน นั่นคือหลินสื่อเจียที่เฉินฝานซิงเคยบังเอิญเจอกันไปก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังเคยฉลองเทศกาลที่ไม่นับว่าเป็นการฉลองเทศกาลร่วมกันอีก!
เฉินฝานซิงวางมือจากตะเกียบและทิ้งตัวพิงโซฟาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“อ้อ นั่นคุณหนูใหญ่สกุลเฉินไม่ใช่เหรอครับ บังเอิญจังเลยนะครับ เราเจอกันอีกแล้ว!” หลินสื่อเจียเอ่ยขึ้นอย่างเป็นพิธีรีตอง
เฉินฝานซิงเลิกคิ้วขึ้นแต่ไม่ได้ตอบรับ
หลินสื่อเจียไม่ได้ใส่ใจ เขาวางถุงอาหารเที่ยงในมือลงบนโต๊ะ แล้วหันมามองจี้อี้ที่อยู่อีกมุมหนึ่ง
“เสี่ยวอี้ พวกเรา…คุยกันหน่อยได้ไหม”
“เราไม่มีอะไรให้คุยกันอีก!”
จี้อี้จ้องมองเขาอย่างเดือดดาล ใบหน้าของเธอซีดขาว และคล้ายว่าร่างบอบบางนั้นจะตั้งรับกับโทสะที่ปะทุขึ้นมาจากเบื้องลึกไม่ไหว ร่างกายของเธอจึงสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม!
แม้ว่าหลินสื่อเจียจะปฏิบัติต่อเธอเช่นนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ทว่าเขากลับถอนลมหายใจออกมาด้วยความละเหี่ย และแสร้งใช้น้ำเสียงแบบรุ่นพี่เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น
“เสี่ยวอี้ ทำไมถึงได้หาเรื่องใส่ตัวแบบนี้ล่ะ ท่ามกลางเสียงตอบรับแบบนี้ เธอยังจะจัดคอนเสิร์ตอีก…แล้วอีกอย่าง หากแฟนคลับพวกนั้นเกิดคลั่งขึ้นมาล่ะ อันตรายที่ตามมาจะหนักหนาแค่ไหนไม่มีใครรู้หรอกนะ! แล้วก็ภายในเวลาแค่ครึ่งเดือน เธอจะไปแต่งเพลงออกมาเยอะแยะมากมายขนาดนั้นได้ยังไง
อีกอย่าง เพลงที่ถูกแต่งในนาทีที่รีบเร่งแบบนี้ มันจะใช้ได้เหรอ เธอเคยนึกบ้างไหมว่าพอถึงวันนั้นมันจะออกมาเป็นยังไง”
หมัดทั้งสองข้างของจี้อี้กำเข้าหากันแน่น เธอมองไปยังหลินสื่อเจียงด้วยสีหน้าแดกดัน
“นายช่วยเสแสร้งให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ! ฉันน่ะเหรอหาเรื่องใส่ตัว แล้วเรื่องทั้งหมดนี่ใครเป็นคนก่อขึ้นมากันล่ะ ฉันจะจัดคอนเสิร์ตแล้วนายจะทำไม ภายในครึ่งเดือนฉันจะแต่งเพลงออกมาได้กี่เพลงแล้วนายจะทำไม! หรือฉันควรนั่งรอให้หมายศาลของนายมาส่งถึงหน้าบ้านอย่างใจเย็น จากนั้นก็ไปขึ้นศาลแล้วก็ถูกนายฟ้องโดยที่ฉันทำอะไรไม่ได้เลยอย่างงั้นน่ะเหรอ ไม่มีอะไรที่จะหน้าสิ้นหวังไปกว่านี้แล้ว! หากต้องปล่อยให้เป็นแบบนั้น ฉันขอสู้ดูสักตั้งเสียยังดีกว่า ฉันยอมไปโดนแฟนคลับพวกนั้นด่าให้ตาย ทำร้ายให้ตาย เหยียบให้ตายเสียยังดีกว่าต้องอยู่อย่างคับอกคับใจและคอยเอาตัวรอดไปวันๆ !
หลินสื่อเจีย ตอนนั้นฉันคงตาบอดไปแล้วจริงๆ ที่ดันไป…ไว้เนื้อเชื่อใจนายขนาดนั้น! นายวางใจเถอะ หากต่อไปคนอย่างฉันจี้อี้ต้องไปขอข้าวใครกิน ฉันจะไม่มีวันไปเหยียบหน้าประตูบ้านนายเด็ดขาด! ไสหัวออกไปซะ! อย่ามาเสนอหน้าให้ฉันเห็นอีก!”
ใบหน้าของหลินสื่อเจียยังคงไม่คลายความกังวล “เสี่ยวอี้ อันที่จริงฉันแค่ฟ้องเธอเพื่อหวังจะขู่เธอเท่านั้นเอง ฉันจะยกฟ้องเมื่อไหร่ก็ได้! ฉันกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอจริงๆ! การจัดคอนเสิร์ตมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยนะ! ฟังที่รุ่นพี่คนนี้เตือนสักครั้งหนึ่งเถอะ…”
“จี้อี้ เนื้อเพลงที่ส่งให้รุ่นพี่ของเธอไปก่อนหน้านี้ยังมีสำเนาเหลืออยู่บ้างไหม”
ในตอนนั้น จู่ๆ เฉินฝานซิงก็เอ่ยออมาเสียงเรียบ เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าได้หยิบตะเกียบขึ้นมาใหม่อีกครั้งตอนไหน ในตอนนั้นเธอได้คีบอาหารเข้าปากไปอย่างไม่รีบร้อน
คำพูดนั้นเธอเป็นคนพูดออกมา ทว่ากลับไม่ได้หันไปมองผู้ใด
เมื่อได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของหลินสื่อเจียที่มองไปยังจี้อี้ก็ดูตระหนกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ทว่าจี้อี้กลับข่มตาและส่ายหน้าไปมาอย่างผิดหวัง เสียงที่เปล่งออกมาฟังดูช่างเปล่าเปลี่ยว
“ไม่มีเลยค่ะ หากมีล่ะก็ วันนั้นฉันคงไม่ทำตัวแหกคอกแบบนี้…ยิ่งตอนนี้ยิ่งไม่มีวัน!”
เฉินฝานซิงยังคงเอ่ยขึ้นอย่างเรียบๆ “งั้นเหรอ น่าเสียดายจัง”
ได้ฟังเช่นนั้นสีหน้าของหลินสื่อเจียก็ดูสบายใจขึ้นเป็นปลิดทิ้ง
“เสี่ยวอี้ ฉันขอแนะนำจากใจจริงนะ เธออย่าจัดคอนเสิร์ตเลย เธอเตรียมพร้อมได้ไม่มากพอ และไม่มั่นใจในตัวเองพอ เธอจะไปยืนบนเวทีนั่นได้ยังไงกัน…”
“พอได้แล้ว! หลินสื่อเจีย นายจำเอาไว้นะ อะไรที่เป็นของฉัน ชาตินี้มันจะไม่มีวันตกไปเป็นของใคร! ที่นายเนรคุณกับฉันไว้และที่นายทำกับฉันแบบนี้ ฉันจะต้องทำให้นายได้เสียใจทีหลังแน่!”
ตอนที่ 486 คล้องจองกันดี
หลินสื่อเจียส่ายหน้า เห็นได้ชัดว่าท่าทีของเขาไม่ได้รบเร้าอย่างเช่นเมื่อครู่
“ในเมื่อเธอดึงดันจะทำแบบนี้ ฉันก็ช่วยไม่ได้ พยายามเข้าล่ะ!”
“ไสหัวออกไป!”
จี้อี้ขบฟันแน่น ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ!
หลินสื่อเจียไม่รั้งรอ เขาหมุนตัวเดินออกจากคฤหาสน์ของจี้อี้ไป
จี้อี้ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา ธารน้ำตาพรั่งพรูออกมาอย่างเหนือการควบคุมอีกครั้ง
เฉินฝานซิงปรายตามองเธอวูบหนึ่ง “เธอชอบหลินสื่อเจีย?”
ได้ยินเช่นนั้น จี้อี้ก็พลันชะงักนิ่ง ดวงตาบวมแดงคู่นั้นจ้องมองเฉินฝานซิงก่อนจะปาดน้ำตาแรงๆ
“คุณรู้ได้ยังไง”
“ในเนื้อเพลงที่เธอแต่งออกมา ชัดเจนเสียยิ่งกว่าอะไร”
จี้อี้กัดฟันแน่น สีหน้าเกรี้ยวกราด
“ตอนนั้นฉันคงหน้ามืดตามัว!”
ฉีน่าจึงรีบเสริมขึ้นทันที “ผู้ชายชั่วๆ ใครก็เคยรักทั้งนั้น”
เฉินฝานซิงขำออกมาเบาๆ “คล้องจองกันดีนะ!”
จี้อี้และฉีน่าหันสบตากันก่อนทั้งคู่จะขำพรืดออกมา
“กลอนของเธอก็ไม่เห็นจะสักเท่าไหร่!”
เฉินฝานซิงกระตุกยิ้มเล็กน้อย
ไม่ทันรู้ตัว ความขุ่นเคืองที่หลินสื่อเจียเป็นคนทำให้มันปะทุขึ้นมาเมื่อครู่ก็สลายหายไปในพริบตา
หลินสื่อเจียที่เพิ่งเดินออกมาจากบ้านของจี้อี้ได้ไม่นานก็รีบโทรหาเฉินเชียนโหรวในทันที
“ฉันเช็คมาแล้ว ตอนนี้จี้อี้ไม่มีเนื้อเพลงก่อนหน้านี้เหลืออยู่เลย นี่คือสิ่งที่เธอบอกเฉินฝานซิงเองกับปาก ถ้าหากมีเธอคงไม่ทำตัวแหกคอกอย่างตอนนี้หรอก…”
“นายบอกว่าใครนะ เฉินฝานซิง? เธออยู่ที่นั่นด้วยงั้นหรอ!”
จู่ๆ เสียงของเฉินเชียนโหรวก็ฟังดูตื่นตระหนกขึ้นมา
“ก็ใช่น่ะสิ เธอเป็นเจ้านายที่ทุ่มเงินมหาศาลจัดคอนเสิร์ตให้จี้อี้นะ เธอจะอยู่ที่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรไม่ใช่เหรอ”
“แล้วตอนที่นายคุยเรื่องนี้กับจี้อี้อยู่ เธอกำลังทำอะไรล่ะ”
เฉินเชียนโหรวยังคงคิดไม่ตก เสียหายเพราะเฉินฝานซิงมาแล้วไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ตอนนี้ทุกการกระทำ ทุกตัวอักษรของเฉินฝานซิงล้วนแล้วแต่เป็นแผนร้ายสำหรับเธอ!
หลินสื่อเจียขมวดคิ้วมุ่น เขายังไม่ค่อยแน่ใจนัก “แค่อยากอยู่ตรงนั้นเพื่อกดดันฉันล่ะมั้ง!
แต่ตอนนี้ก็มั่นใจได้แล้วว่า คอนเสิร์ตของจี้อี้ครั้งนี้เพียงแค่อยากจะพิสูจน์ตัวเอง!
ตอนนี้เธออยู่ในสภาพแบบไหน…โอย ไม่ได้มีความสามารถอะไรเลยแท้ๆ ยังจะมาแต่งเพลงขึ้นคอนเสิร์ตในเวลากระชั้นชิดแบบนี้อีก…เหอะๆ เห็นทีศิษย์น้องของฉันคนนี้คงถูกอาจารย์ฉันเลี้ยงให้เสียคนซะแล้ว ไร้เดียงสาจริงๆ!”
เมื่อได้ยินหลินสื่อเจียพูดเช่นนั้น เฉินเชียนโหรวก็นิ่งขรึมไปครู่หนึ่งราวกับเข้าใจอะไรขึ้นมาบางอย่าง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน
“ในเมื่อเธอไม่มีหลักฐานอยู่ในมือ เธอก็คงจะทำได้แค่นี้ จะไม่ให้ใครเอาเรื่องนี้มาต่อว่าศิษย์น้องของนายก็คงจะยากหน่อยนะ! อีกอย่าง…แฟนคลับสามหมื่นคน เหอะ…ฉันล่ะอยากจะเห็นจริงๆ ว่ามันจะสักแค่ไหนกันเชียว…ไหนจะท่าทีจนตรอกของจี้อี้ โดยเฉพาะน้ำหน้าของยัยเฉินฝานซิงที่คงจะแตกจนกู้ไม่ไหว! ฮ่าๆ ฮ่า…”
ราวกับภาพเหล่านั้นปรากฏให้เห็นอยู่เบื้องหน้า เฉินเชียนโหรวอดยิ้มออกมาอย่างลำพองใจไม่ได้
เธอแทบจะอดใจรอสมน้ำหน้าเฉินฝานซิงไม่ไหวแล้ว!
คงจะดูไม่จืดเลย!
-
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ช่วงเวลาครึ่งเดือนนั้นสั้นเพียงชั่วพริบตา
บางครั้งเฉินฝานซิงก็ยุ่งเสียจนแทบจะอยากไปหาทางฝึกวิชาแยกเงาพันร่าง
จี้อี้เพิ่งจะฝึกซ้อมตอนสามวันสุดท้าย ทว่าเฉินฝานซิงก็ปล่อยให้เธอได้ซ้อมจริงๆ เพียงแค่สองวันเท่านั้น วันที่สามเธอจับจี้อี้ขังเอาไว้ในห้องนอน ปล่อยให้จี้อี้ได้นอนหลับเต็มอิ่มสักคืน!
ในที่สุดวันงานคอนเสิร์ตก็มาถึง นี่เป็นคอนเสิร์ตที่ใครต่อใครต่างก็ตั้งตารอกันมากที่สุดในช่วงนี้
เพราะคอนเสิร์ตของเธอเป็นอะไรที่แสนพิเศษ เพราะมันได้ยึดครองเวทีที่ไม่ว่านักร้องคนไหนๆ ก็ต่างใฝ่ฝัน แฟนคลับที่มาส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นพวกแอนตี้แฟน นี่คงเป็นคอนเสิร์ตที่ถูกลิขิตไว้ให้โดนโห่ไล่!
ไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ และเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน!
เพราะเมื่อวานได้นอนหลับพักผ่อนไปอย่างเต็มอิ่ม แม้จะตื่นเต้นแค่ไหน แต่ว่าเรี่ยวแรงของจี้อี้กลับดีเต็มร้อย