ตอนที่ 487 งานคอนเสิร์ต
“ตลอดหลายปีมานี้ ฉันไม่เคยเห็นจี้อี้ดูมีชีวิตชีวาขนาดนี้มาก่อนเลย!”
ในห้องแต่งหน้าหลังเวที ฉีน่าเอ่ยขึ้นอย่างซึ้งใจ
จี้อี้เองก็รู้สึกว่าท่าทีของเธอเองก็เปลี่ยนไปอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อีกประการ เธอยังเปี่ยมไปด้วยความหวังในตัวเอง!
เฉินฝานซิงจ้องมองจี้อี้อยู่ไม่ห่าง พลางจับผมสีนิลตรงสลวยที่ยาวถึงช่วงเอวขึ้นมาม้วนๆ ดู เธอนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวกับสไตล์ลิสต์
“ดัดผมของเธอด้วย ส่วนสีผมเอาเป็น…สีเรดโลตัส”
“…”
“…”
ทั้งจี้อี้และฉีน่าแอบแปลกใจเล็กน้อย แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอก็เป็นศิลปินคนหนึ่ง แต่เธอไม่เคยมีความคิดที่จะดัดหรือย้อมสีผมเลยสักครั้งเดียว
ในสายตาของฉีน่า ความผ่อนคลาย สะอาด ไม่ฉูดฉาด และใสซื่อนี้คือความเป็นจี้อี้ เธอจึงคอยโปรโมทจี้อี้ในภาพลักษณ์เช่นนี้อยู่เสมอมา
ดัดผมยังพอว่า แต่ย้อมผมสีเรดโลตัสนี่…
จี้อี้ที่จืดเป็นบะหมี่น้ำใสแบบนี้จะเอาอยู่เหรอ
สไตล์ลิสต์เข้าใจในทันที ก่อนจะหันไปจ้องเฉินฝานซิง
“มิน่าล่ะ ฉู่อี้ของเราถึงจำเพาะเจาะจงจะให้คุณมาเป็นเอเจนซี่ให้ ดูๆ ไปแล้วคุณนี่ก็ตาถึงเหมือนกันนะ! ผมของแม่หนูนี่ฉันอยากจะจัดการกับมันตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นแล้ว…สีที่คุณว่ามาฉันเองก็คิดว่าเป็นสีที่เข้าท่าที่สุดแล้วเหมือนกัน”
แม้น้ำเสียงของสไตล์ลิสต์จะฟังดูเหน็บแนม ทว่าเธอก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ก่อนหน้านี้เธอคอยติดตามฉู่อี้สมัยที่อยู่ต่างประเทศตลอด และเพิ่งจะกลับมาเมื่อไม่นานมานี้เช่นกัน!
เฉินฝานซิงเพียงแค่กรีดยกมุมปากขึ้น
“นี่คุณคือซันนี่ สไตล์ลิสต์ของฉู่อี้?!”
ฉีน่าและจี้อี้ประหลาดใจขึ้นอีกครั้ง แววตาที่หันมองไปยังเฉินฝานซิงดูเทิดทูนในตัวเธอเข้าไปทุกที
นี่พวกเธออยู่กับเจ้านายประเภทไหนกันแน่เนี่ย
แม้แต่สไตล์ลิสต์ส่วนตัวของเจ้าพ่อซุป’ ตาร์ก็ยังจะอัญเชิญมาได้?
เดี๋ยวนะ?
เมื่อกี้ซันนี่ยังบอกว่า ประธานเฉินเป็นเอเจนซี่ให้กับเจ้าพ่อซุป’ ตาร์?
ถ้าอย่างงั้น…
นี่พวกเธอกลายเป็นเพื่อนร่วมงานกับเจ้าพ่อซุป’ ตาร์ไปแล้วเหรอเนี่ย?
ไม่รอให้ความคิดของพวกเธอเตลิดไปกว่านี้ ซันนี่ก็ได้เริ่มลงมือวาดลวดลาย ท่าทางการพับแขนเสื้อขึ้นเช่นนั้นบ่งบอกว่าเธอจะทำงานจนสุดฝีมือ!
“เอาละๆ คนที่ไม่เกี่ยวอย่ามาเกะกะ ฉันจะลงมือทำงานของฉันแล้ว! รับรองว่าคืนนี้ฉันจะพลิกโฉมจี้อี้ให้พวกเธอได้เห็น!”
-
คอนเสิร์ตจะเริ่มตอนสองทุ่ม!
หนึ่งทุ่ม เวลาโพล้เพล้ จัตุรัสอิ๋นเหอก็ได้แออัดไปด้วยผู้คนมากล้น!
คนสามหมื่นคน เห็นไปจนไกลสุดลูกหูลูกตา แออัดยัดเยียดประหนึ่งเป็นรังผึ้ง
นี่คือคำนิยามของอินรุ่ยเจวี๋ย
งานครึกครื้นแบบนี้ จะขาดเขาไปได้เช่นไร
ต่อมาป๋อจิ่งชวนจัดให้มีการแยกถ่ายทอดสดต่างหาก โดยจะถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตผ่านทางแพลตฟอร์มหลักๆ ในเวลาเดียวกัน
อีกทั้งยังเสริมบอดี้การ์ดมืออาชีพและตำรวจพิเศษเข้ามาเสริมด้านความปลอดภัยพื้นฐานที่เฉินฝานซิงเป็นฝ่ายตระเตรียมไว้ด้วย
ด้วยเหตุนี้ เฉินฝานซิงจึงแอบให้รางวัลป๋อจิ่งชวนเป็นการจูบไปสองที
พวกไข่เน่า มะเขือเทศ และขึ้นฉ่ายเน่าที่บรรดาแอนตี้แฟนเตรียมมาถูกยึดไว้ทั้งหมด!
แม้ว่าจะไม่ค่อยเต็มใจนัก ทว่าก็ยังคงอยากจะเข้าไปเห็นกับตาว่าจี้อี้จะหน้าแหกยับเยินแค่ไหน
จึงยังคงเดินเข้างานไป!
การถ่ายทอดสดเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
บ้านสกุลเฉิน เจียงหรงหรง เฉินเชียนโหรว ต่างก็ให้ความสนใจกับการถ่ายทอดสดครั้งนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซูเหิงเองก็อยู่กับพวกเขาด้วยเช่นกัน
หลินสื่อเจียนั่งอยู่บนโซฟาในคฤหาสน์ด้วย เขาจิบไวน์พลางจ้องมองหน้าจอทีวีด้วยสายตาแดกดันและสมเพช เมื่อเห็นเหล่าแอนตี้แฟนในทีวีพวกนั้นกำลังแสดงอาการหัวเสียอย่างเห็นได้ชัด เขาจึงส่ายหน้าไปมา
“แม่ศิษย์น้องตัวน้อย เธอว่าเธอไม่มีวันจะได้เห็นโลงศพแล้วหลั่งนั้นตางั้นเหรอ”
สี่สิบนาที บัตรผ่านประตูสามหมื่นใบก็ถูกตรวจสอบจนครบถ้วน ไม่มีตกหล่น!
บนเวทียังคงถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด เหลือเวลาอีกยี่สิบนาที คอนเสิร์ตจะจัดขึ้นอย่างเป็นทางการ!
ทว่าด้านล่างเวที คำก่นด่าต่างๆ นานากลับถูกพ่นออกมาอย่างไม่ขาดสาย
ราวกับว่าใจคอของพวกเขากะจะไม่ให้จี้อี้ได้ไปผุดไปเกิดกันเลยทีเดียว!
“จี้อี้ไสหัวออกจากวงการดนตรีไปซะ!”
“ไสหัวออกจากวงการบันเทิงไป!”
“ไปตายซะ นังขี้ก๊อป!”
“ไสหัวไป…”
เห็นทีเพียงแค่การสาปส่งไม่หยุดหย่อนอย่างเดียวคงจะยังไม่สาแก่ ใจ จนสุดท้ายพวกเขาก็เริ่มพากันแผดเสียงร้องตะโกนกันออกมาปานอกจะแตก!
ทว่าเวทีสูงดึงดูดสายตรงหน้ากลับไม่มีแสงไฟและไร้สุ้มเสียง ตรงนั้นไม่ต่างอะไรกับถ้ำอันมืดมิดที่ดูดกลืนทุกกระแสเสียงเข้าไป มันทั้งดูวิเวกและวังเวง คล้ายกับว่าพลังที่ถูกแผ่ออกมาจากแฟนคลับเหล่านี้ทำให้กลัวจนหัวหด!
เวลาล่วงเลยมาจนถึงสองทุ่มพอดิบพอดี บนเวทียังคงไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว!
“สองทุ่มแล้ว! ทำไมยังไม่โผล่หัวออกมาสักทีล่ะ!”
“คงไม่ได้ปอดแหกไปแล้วหรอกนะ!”
“แม่งเอ๊ย หลอกพวกเรางั้นเหรอ!”
ทว่านาทีนั้นเอง แสงไฟทุกดวงบนเวทีก็พลันสว่างวาบ…
ตอนที่ 488 ภาพลักษณ์เห็นผลดีตามคาด
ทว่านาทีนั้นเอง แสงไฟทุกดวงบนเวทีก็พลันสว่างวาบ…
ทุกคนต่างก็ตะลึงงัน แม้กระทั่งเสียงโหวกเหวกโวยวายก็พลอยเงียบตามลงไปด้วย
แสงไฟบนเวทีดับลงอีกครั้ง ในจังหวะนี้ ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั้งจัตุรัส
เวลาค่อยๆ ล่วงเลยไป แต่ในขณะที่ทุกๆ คนเริ่มตอบโต้โดยการพากันโวยวายขึ้นมาอีกครั้ง เสียงอันไพเราะของหญิงสาวเสียงหนึ่งก็พลันดังขึ้น เสียงนั้นกังวานและฟังออกชัดเจนทุกถ้อยคำ
ทั้งๆ ที่ทั้งจัตุรัสแห่งนี้ถูกห้อมล้อมไปด้วยฝูงชนมากมาย แต่ทว่าราวกับเส้นเสียงกังวานนั้นกลับเคลื่อนที่ผ่านค่ำคืนมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด และล่องลอยอยู่ในทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล มันทั้งมีชีวิตชีวาและใสสะอาด
ยิ่งไปกว่านั้นกลับยึดครองหัวใจของผู้ชม และสั่นคลอนหัวใจของฝูงชนได้ภายในเสี้ยวนาที ทุกคนต่างก็อยากปฏิเสธความรู้สึกนี้ ทว่าก็ไร้หนทางจะเหนี่ยวรั้งให้หัวใจสงบลงได้!
ทันใดนั้น จังหวะเพลงเฮฟวีเมทัลก็ดังขึ้น ก่อนจะค่อยๆ กระหึ่มขึ้นทุกชั่วขณะ ราวกับเปลวเพลิงค่อยๆ โชติช่วงขึ้นอย่างเชื่องช้าจนกลายเป็นกองเพลิงที่ลุกลาม!
ยามที่คลื่นเสียงอันฮึกเหิมก่อตัวขึ้นจนถึงจุดสูงสุด และนาทีที่ผู้คนต่างก็กำลังนิ่งอึ้งราวกับเป็นเหน็บชาจนลืมที่จะตอบโต้ใดๆ นั้นเอง แสงไฟก็พลันสว่างวาบขึ้นตรงใจกลางของเวที!
ภายใต้สปอตไลท์ เงาสีขาวของร่างเพรียวร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงนั้น!
ในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ จอภาพขนาดใหญ่บนเวทีก็สว่างขึ้นเช่นกัน เผยให้เห็นร่างของจี้อี้ที่กำลังยืนอยู่ใจกลางของเวที ณ ขณะนั้น
จอภาพใหญ่เพียงพอที่จะทำให้เห็นทุกส่วนของร่างกายเธออย่างชัดเจน กางเกงหนังแนบเนื้อ บนเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีขาวที่เธอสวมอยู่ทอประกายแสงสีเงินวับวาวจากคริสตัล ช่วงไหล่และหน้าอกระย้าไปด้วยพู่เพชร!
เสื้อผ้าบนร่างกายทำให้ผู้คนตกตะลึงขึ้นอีกเป็นร้อยเท่าพันเท่า อีกทั้งยังอยากได้จนน้ำลายสอ และที่สำคัญที่สุด ใบหน้าที่เคยจืดชืด ใสซื่อ และไร้ชีวิตชีวาเสมอมาในสายตาใครต่อใคร บัดนี้กลับถูกแต่งแต้มอย่างวิจิตรด้วยเครื่องสำอางชั้นดี เส้นผมยาวถึงเอวสีออกแดงที่ปกคลุมไหล่ของเธอสะท้อนแสงไฟเป็นประกาย!
จี้อี้ในตอนนี้ เปลี่ยนไปจากอาหารเจจืดชืดในวันเก่า เธอยกเครื่องใหม่ทั้งหมด ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมที่โดดเด่นเหนือใคร ทั้งความทันสมัยที่เป็นเอกลักษณ์และความงดงามที่ไม่ซ้ำใคร เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนตะลึงพรึงเพริดกันไปตามๆ กัน!
เธอในตอนนี้ เป็นดั่งเช่นดาราที่เจิดจรัสที่สุด ร่างกายของเธอเป็นประกายระยับ เรียกให้ทุกสายตาจับจ้องและใฝ่หา!
“น...นั่นใครน่ะ”
“สวยจังเลย…”
เฉินฝานซิงยืนอยู่หลังม่าน คอยสังเกตสถานการณ์ผ่านหน้าจอทีวี ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแน่นขยับเล็กน้อย
ภาพลักษณ์เห็นผลดีตามคาด
ต่อมา…
ป๋อจิ่งชวนอยู่ข้างๆ คอยกุมฝ่ามือที่เย็นชืดของเธอเอาไว้
เฉินฝานซิงหันไปมองเขาวูบหนึ่ง ดวงตาสุกใสค่อยๆ กะพริบแผ่วเบา ปล่อยให้ป๋อจิ่งชวนส่งมอบความอบอุ่นของเขามาสู่เธอ
บนเวที หลังจากที่เสียงดนตรีตรงท่อนไคลแมกซ์สิ้นสุดลงแล้ว ต่อจากนั้นก็ไม่ปล่อยจังหวะให้ใครทันมีปฏิกิริยาใดๆ เสียงดนตรีที่เคล้ากับเสียงกลองหนักหน่วงก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง จี้อี้ที่ยืนนิ่งมาตลอดในที่สุดก็เคลื่อนไหวเสียที
หลังจบเพลง ‘Take-it-off’ จี้อี้ก็ไม่คิดจะหยุดพัก เธอรีบนำเข้าสู่บทเพลงต่อไปอย่าง ‘One-day’!
ทุกคนถูกสยบลงด้วยบทเพลงที่น่าทึ่งและเสียงอันไพเราะของหญิงสาว ทุกสายตาให้ความสนใจต่อทุกท่วงท่าของร่างบอบบางชวนหลงใหลนั้น ตั้งหน้าตั้งตารอรับความประทับใจและเซอร์ไพรส์ที่เธอจะมอบให้ในคราวถัดไป
เพลงร็อกจังหวะเร็วๆ มีเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษแต่กลับไม่มีความชุ่ยอยู่ในเนื้อเพลง บนหน้าจอตรงหน้าเวทีปรากฏเนื้อเพลงที่แปลเป็นภาษาจีน…
“พวกนั้นหยุดฉันไม่ได้หรอก
พวกเขาไม่มีวันกำจัดฉันออกไปได้
พวกเขาสนแต่เรื่องของตัวเอง
ฉันอาจแตกต่างจากผู้คนมากมาย
แต่ฉันจะทำให้พวกเขาหายสงสัย
สักวันหนึ่ง ฉันจะทำให้คุณเชื่อว่า
จะต้องมีสักวันหนึ่ง ที่ฉันจะได้ในทุกสิ่งที่เฝ้าปรารถนา
มันจะต้องมีสักวันหนึ่งที่ไม่มีใครต้องเรียกสติฉันด้วยคำว่าฉันทำไม่ได้หรอก
ตอนนี้นาทีนี้ ฉันกำลังลิขิตอนาคตตัวเอง”